22 พฤศจิกายน 2557 Intel.สนธิญา ระบุ หากปีหน้ารัฐบาลแก้ไขกฎหมายรองรับที่ชัดเจน 3G 4จG มีการผลักดันเต็มที่ ระบบโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์ครอบคลุม เชื่อว่าประเทศไทยจะมีการใช้งานอุปกรณ์ไอทีที่มีประสิทธิภาพ
ประเด็นหลัก
ทั้งนี้ บริษัทวิจัย ไอดีซี ได้คาดการณ์ว่าตลาดIoTทั่วโลกมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจาก 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ปี พ.ศ.2556 เป็น 7.1ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี พ.ศ.2563 และเมื่อ IoT เข้ามาในประเทศจะส่งผลให้เกิดการสร้าง สมาร์ท ซิตี้ (Smart City) ที่นำ IoT มาจัดการด้านพลังงาน การจราจร และความปลอดภัยต่าง ๆ เพื่อให้ได้รับบริการที่ดีขึ้นจากรัฐบาล ใกล้เคียงกับนโยบายของดิจิตอล อีโคโนมี แต่สิ่งที่จะหนุนให้ สมาร์ท ซิตี้ สำเร็จคือโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ ที่ครอบคลุมและเพียงพอต่อการใช้งาน
“หากปีหน้ารัฐบาลแก้ไขกฎหมายรองรับที่ชัดเจน 3จี 4จี มีการผลักดันเต็มที่ ระบบโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์ครอบคลุม เชื่อว่าประเทศไทยจะมีการใช้งานอุปกรณ์ไอทีที่มีประสิทธิภาพ”
อินเทล จะเป็นหัวใจหลักในการหนุนอุปกรณ์ไอทีนั้น ๆ ให้ได้มีการใช้งานอย่างแพร่หลาย.
______________________________
“ด้วยความมุ่งมั่นในการคิดค้นทำให้อินเทลได้รับการจัดอันดับโดยบริษัท สแตรทิจี แอนาไลติกส์ ให้เป็นผู้ผลิตชิปประมวลผลสำหรับแท็บเล็ตอันดับ 2 ของโลก”
อินเทล ถือเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมประมวลผล ออกแบบ และสร้างสรรค์เทคโนโลยีที่เป็นพื้นฐานการพัฒนาอุปกรณ์ประมวลผลให้กับสินค้าไอทีทั้งสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์ ให้กับแบรนด์ดังหลายแบรนด์
นายสนธิญา หนูจีนเส้ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด เล่าว่า อินเทลถือเป็นหัวใจหลักในการผลักดันผลิตภัณฑ์ไอทีให้เป็นรูปร่างที่สมบูรณ์ และได้ใช้ประโยชน์ทั้งทางธุรกิจและการใช้ชีวิตปัจจุบันของผู้บริโภคปีนี้ อินเทลได้ตั้งเป้าหมายที่จะส่งมอบแท็บเล็ตที่ใช้หน่วยประมวลผลของอินเทลสู่ตลาดจำนวน 40 ล้านเครื่อง จากปัจจุบันที่สามารถส่งมอบไปแล้วกว่า 30 ล้านเครื่อง และมีจำนวนแท็บเล็ตออกขายจำนวน 250 รุ่นใน 150 ประเทศทั่วโลก
“ด้วยความมุ่งมั่นในการคิดค้นทำให้อินเทลได้รับการจัดอันดับโดยบริษัท สแตรทิจี แอนาไลติกส์ ให้เป็นผู้ผลิตชิปประมวลผลสำหรับแท็บเล็ตอันดับ 2 ของโลก”
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ อินเทลได้ส่งหน่วยประมวลผลที่ถือเป็นตัวขับเคลื่อนโปรดักส์แท็บเล็ตแบรนด์ดัง อาทิ Acer As pire Switch 10, Acer R13, Asus Memo Pad7, Asus Transformer Book Flip, LG Tap Book และ the Toshiba Dynabook Tab S3. ออกสู่ตลาด
อีกทั้ง ยังเปิดตัวอุปกรณ์ที่ใช้ชิป อินเทล อะตอม Z3000 เพื่อเสริมสมรรถภาพการใช้งานอุปกรณ์ขนาดพกพาใช้ได้ทั้งวินโดวส์ 8 และแอนดรอยด์ อีกทั้งยังมีชิปโมเดลเทคโนโลยี LTE-Advanced 7260 ในสมาร์ทโฟนของ ซัมซุง กาแล็คซี่ อัลฟ่า เป็นต้น
เพื่อตอบโจทย์ความต้องการสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต อินเทล ได้ผลิต SoFIA ชิป SoC แบบดูอัลคอร์เข้ากับโมเดล 3จี ใช้งานได้กับทุกคลื่นความถี่ทั่วโลก และปี 58 จะเปิดตัว SoFIA แบบควอดคอร์ที่รองรับการเชื่อมต่อ 4จี LTE ด้วย
อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้จำหน่ายแล้วที่ไต้หวัน คือ Intel Compute Stick เมื่อกลางเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา และอยู่ระหว่างศึกษาตลาด และความต้องการในประเทศไทย
นายสนธิญา เล่าว่า ปี 2558 นี้ ถึงเวลาเข้าสู่ยุคแห่งการผสานเทคโนโลยีเป็นหนึ่งเดียว โดยผู้ใช้งานจะไม่พึ่งพาอุปกรณ์ไอทีเพียงชิ้นเดียวแล้วแต่จะยังคงใช้ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์พีซี ควบคู่กันไปถือเป็นยุคแห่งการบูรณาการ ที่คอมพิวเตอร์จะแฝงอยู่ในอุปกรณ์ต่าง ๆ รอบตัว ภายใต้ยุคของ Internet of Things (IoT) ที่คอมพิวเตอร์ไม่จำเป็นต้องมีหน้าจอ แต่เป็นอุปกรณ์ใดก็ได้ที่มีความสามารถในการประมวลผล และนำข้อมูลดังกล่าวไปวิเคราะห์ออกมา
ทั้งนี้ บริษัทวิจัย ไอดีซี ได้คาดการณ์ว่าตลาดIoTทั่วโลกมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจาก 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ปี พ.ศ.2556 เป็น 7.1ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี พ.ศ.2563 และเมื่อ IoT เข้ามาในประเทศจะส่งผลให้เกิดการสร้าง สมาร์ท ซิตี้ (Smart City) ที่นำ IoT มาจัดการด้านพลังงาน การจราจร และความปลอดภัยต่าง ๆ เพื่อให้ได้รับบริการที่ดีขึ้นจากรัฐบาล ใกล้เคียงกับนโยบายของดิจิตอล อีโคโนมี แต่สิ่งที่จะหนุนให้ สมาร์ท ซิตี้ สำเร็จคือโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ ที่ครอบคลุมและเพียงพอต่อการใช้งาน
“หากปีหน้ารัฐบาลแก้ไขกฎหมายรองรับที่ชัดเจน 3จี 4จี มีการผลักดันเต็มที่ ระบบโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์ครอบคลุม เชื่อว่าประเทศไทยจะมีการใช้งานอุปกรณ์ไอทีที่มีประสิทธิภาพ”
อินเทล จะเป็นหัวใจหลักในการหนุนอุปกรณ์ไอทีนั้น ๆ ให้ได้มีการใช้งานอย่างแพร่หลาย.
http://www.dailynews.co.th/Content/IT/282152/อินเทล+หวังไทยก้าวสู่+‘สมาร์ท+ซิตี้’
ทั้งนี้ บริษัทวิจัย ไอดีซี ได้คาดการณ์ว่าตลาดIoTทั่วโลกมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจาก 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ปี พ.ศ.2556 เป็น 7.1ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี พ.ศ.2563 และเมื่อ IoT เข้ามาในประเทศจะส่งผลให้เกิดการสร้าง สมาร์ท ซิตี้ (Smart City) ที่นำ IoT มาจัดการด้านพลังงาน การจราจร และความปลอดภัยต่าง ๆ เพื่อให้ได้รับบริการที่ดีขึ้นจากรัฐบาล ใกล้เคียงกับนโยบายของดิจิตอล อีโคโนมี แต่สิ่งที่จะหนุนให้ สมาร์ท ซิตี้ สำเร็จคือโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ ที่ครอบคลุมและเพียงพอต่อการใช้งาน
“หากปีหน้ารัฐบาลแก้ไขกฎหมายรองรับที่ชัดเจน 3จี 4จี มีการผลักดันเต็มที่ ระบบโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์ครอบคลุม เชื่อว่าประเทศไทยจะมีการใช้งานอุปกรณ์ไอทีที่มีประสิทธิภาพ”
อินเทล จะเป็นหัวใจหลักในการหนุนอุปกรณ์ไอทีนั้น ๆ ให้ได้มีการใช้งานอย่างแพร่หลาย.
______________________________
“ด้วยความมุ่งมั่นในการคิดค้นทำให้อินเทลได้รับการจัดอันดับโดยบริษัท สแตรทิจี แอนาไลติกส์ ให้เป็นผู้ผลิตชิปประมวลผลสำหรับแท็บเล็ตอันดับ 2 ของโลก”
อินเทล ถือเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมประมวลผล ออกแบบ และสร้างสรรค์เทคโนโลยีที่เป็นพื้นฐานการพัฒนาอุปกรณ์ประมวลผลให้กับสินค้าไอทีทั้งสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์ ให้กับแบรนด์ดังหลายแบรนด์
นายสนธิญา หนูจีนเส้ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด เล่าว่า อินเทลถือเป็นหัวใจหลักในการผลักดันผลิตภัณฑ์ไอทีให้เป็นรูปร่างที่สมบูรณ์ และได้ใช้ประโยชน์ทั้งทางธุรกิจและการใช้ชีวิตปัจจุบันของผู้บริโภคปีนี้ อินเทลได้ตั้งเป้าหมายที่จะส่งมอบแท็บเล็ตที่ใช้หน่วยประมวลผลของอินเทลสู่ตลาดจำนวน 40 ล้านเครื่อง จากปัจจุบันที่สามารถส่งมอบไปแล้วกว่า 30 ล้านเครื่อง และมีจำนวนแท็บเล็ตออกขายจำนวน 250 รุ่นใน 150 ประเทศทั่วโลก
“ด้วยความมุ่งมั่นในการคิดค้นทำให้อินเทลได้รับการจัดอันดับโดยบริษัท สแตรทิจี แอนาไลติกส์ ให้เป็นผู้ผลิตชิปประมวลผลสำหรับแท็บเล็ตอันดับ 2 ของโลก”
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ อินเทลได้ส่งหน่วยประมวลผลที่ถือเป็นตัวขับเคลื่อนโปรดักส์แท็บเล็ตแบรนด์ดัง อาทิ Acer As pire Switch 10, Acer R13, Asus Memo Pad7, Asus Transformer Book Flip, LG Tap Book และ the Toshiba Dynabook Tab S3. ออกสู่ตลาด
อีกทั้ง ยังเปิดตัวอุปกรณ์ที่ใช้ชิป อินเทล อะตอม Z3000 เพื่อเสริมสมรรถภาพการใช้งานอุปกรณ์ขนาดพกพาใช้ได้ทั้งวินโดวส์ 8 และแอนดรอยด์ อีกทั้งยังมีชิปโมเดลเทคโนโลยี LTE-Advanced 7260 ในสมาร์ทโฟนของ ซัมซุง กาแล็คซี่ อัลฟ่า เป็นต้น
เพื่อตอบโจทย์ความต้องการสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต อินเทล ได้ผลิต SoFIA ชิป SoC แบบดูอัลคอร์เข้ากับโมเดล 3จี ใช้งานได้กับทุกคลื่นความถี่ทั่วโลก และปี 58 จะเปิดตัว SoFIA แบบควอดคอร์ที่รองรับการเชื่อมต่อ 4จี LTE ด้วย
อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้จำหน่ายแล้วที่ไต้หวัน คือ Intel Compute Stick เมื่อกลางเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา และอยู่ระหว่างศึกษาตลาด และความต้องการในประเทศไทย
นายสนธิญา เล่าว่า ปี 2558 นี้ ถึงเวลาเข้าสู่ยุคแห่งการผสานเทคโนโลยีเป็นหนึ่งเดียว โดยผู้ใช้งานจะไม่พึ่งพาอุปกรณ์ไอทีเพียงชิ้นเดียวแล้วแต่จะยังคงใช้ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์พีซี ควบคู่กันไปถือเป็นยุคแห่งการบูรณาการ ที่คอมพิวเตอร์จะแฝงอยู่ในอุปกรณ์ต่าง ๆ รอบตัว ภายใต้ยุคของ Internet of Things (IoT) ที่คอมพิวเตอร์ไม่จำเป็นต้องมีหน้าจอ แต่เป็นอุปกรณ์ใดก็ได้ที่มีความสามารถในการประมวลผล และนำข้อมูลดังกล่าวไปวิเคราะห์ออกมา
ทั้งนี้ บริษัทวิจัย ไอดีซี ได้คาดการณ์ว่าตลาดIoTทั่วโลกมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจาก 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ปี พ.ศ.2556 เป็น 7.1ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี พ.ศ.2563 และเมื่อ IoT เข้ามาในประเทศจะส่งผลให้เกิดการสร้าง สมาร์ท ซิตี้ (Smart City) ที่นำ IoT มาจัดการด้านพลังงาน การจราจร และความปลอดภัยต่าง ๆ เพื่อให้ได้รับบริการที่ดีขึ้นจากรัฐบาล ใกล้เคียงกับนโยบายของดิจิตอล อีโคโนมี แต่สิ่งที่จะหนุนให้ สมาร์ท ซิตี้ สำเร็จคือโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ ที่ครอบคลุมและเพียงพอต่อการใช้งาน
“หากปีหน้ารัฐบาลแก้ไขกฎหมายรองรับที่ชัดเจน 3จี 4จี มีการผลักดันเต็มที่ ระบบโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์ครอบคลุม เชื่อว่าประเทศไทยจะมีการใช้งานอุปกรณ์ไอทีที่มีประสิทธิภาพ”
อินเทล จะเป็นหัวใจหลักในการหนุนอุปกรณ์ไอทีนั้น ๆ ให้ได้มีการใช้งานอย่างแพร่หลาย.
http://www.dailynews.co.th/Content/IT/282152/อินเทล+หวังไทยก้าวสู่+‘สมาร์ท+ซิตี้’
ไม่มีความคิดเห็น: