Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

27 พฤศจิกายน 2557 TRUEVISION TRUEVISION กำหนดแผนธุรกิจ 3 ปี ชิงส่วนแบ่งโฆษณา 15% จากตลาดรวม 7 หมื่นล้านบาท มั่นใจว่าภายในสิ้นปี 2557 จะสามารถเพิ่มจำนวนสมาชิกได้ตรงตามเป้าหมายคือ 3 แสนราย โดยปัจจุบันยังคงมีลูกค้าระดับล่างมากที่สุดประมาณ 50%

ประเด็นหลัก


    กำหนดแผนธุรกิจ 3 ปี ชิงส่วนแบ่งโฆษณา 15% จากตลาดรวม 7 หมื่นล้านบาท ชูกลยุทธ์ด้าน Content Lead มั่นใจทำยอดเข้าเป้าเพราะจุดเด่นด้านแพลตฟอร์มที่รองรับผู้ชมทั้ง “ฟรีทีวี-เพย์ทีวี-ดิจิตอลทีวี” ในกล่องเดียว เริ่มเจาะฐานสมาชิกใหม่ เน้นกลุ่มครอบครัวระดับกลางกว่า 1.5 แสนราย พร้อมเพิ่มรายการ HD เข้าแพกเกจใหม่เพียง 490 บาทต่อเดือน
     
       นายพีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการพาณิชย์ บริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด ผู้นำด้านเพย์ทีวี เปิดเผยว่า บริษัทฯ มั่นใจว่าภายในสิ้นปี 2557 จะสามารถเพิ่มจำนวนสมาชิกได้ตรงตามเป้าหมายคือ 3 แสนราย โดยปัจจุบันยังคงมีลูกค้าระดับล่างมากที่สุดประมาณ 50% รองลงมาคือระดับพรีเมียม 30% และระดับกลาง 20% แต่นับจากนี้ไปจะเริ่มปรับแผนในการเจาะตลาดลูกค้าระดับกลางโดยเฉพาะกลุ่มครอบครัวให้มากขึ้น พร้อมเพิ่มสัดส่วนเป็น 30% และลดสัดส่วนลูกค้าระดับพรีเมียมลงเหลือ 20% ซึ่งถือเป็นภาวะปกติในตลาดที่มีมาตรฐาน เช่น กลุ่มประเทศยุโรป สหรัฐอเมริกา และสิงคโปร์ เป็นต้น
   






______________________________







“ทรูวิชั่นส์” หวังโฆษณา 1 หมื่นล้าน อัปรายการเอาใจลูกค้าระดับกลาง



“พีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการพาณิชย์ บริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด

        กำหนดแผนธุรกิจ 3 ปี ชิงส่วนแบ่งโฆษณา 15% จากตลาดรวม 7 หมื่นล้านบาท ชูกลยุทธ์ด้าน Content Lead มั่นใจทำยอดเข้าเป้าเพราะจุดเด่นด้านแพลตฟอร์มที่รองรับผู้ชมทั้ง “ฟรีทีวี-เพย์ทีวี-ดิจิตอลทีวี” ในกล่องเดียว เริ่มเจาะฐานสมาชิกใหม่ เน้นกลุ่มครอบครัวระดับกลางกว่า 1.5 แสนราย พร้อมเพิ่มรายการ HD เข้าแพกเกจใหม่เพียง 490 บาทต่อเดือน
     
       นายพีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการพาณิชย์ บริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด ผู้นำด้านเพย์ทีวี เปิดเผยว่า บริษัทฯ มั่นใจว่าภายในสิ้นปี 2557 จะสามารถเพิ่มจำนวนสมาชิกได้ตรงตามเป้าหมายคือ 3 แสนราย โดยปัจจุบันยังคงมีลูกค้าระดับล่างมากที่สุดประมาณ 50% รองลงมาคือระดับพรีเมียม 30% และระดับกลาง 20% แต่นับจากนี้ไปจะเริ่มปรับแผนในการเจาะตลาดลูกค้าระดับกลางโดยเฉพาะกลุ่มครอบครัวให้มากขึ้น พร้อมเพิ่มสัดส่วนเป็น 30% และลดสัดส่วนลูกค้าระดับพรีเมียมลงเหลือ 20% ซึ่งถือเป็นภาวะปกติในตลาดที่มีมาตรฐาน เช่น กลุ่มประเทศยุโรป สหรัฐอเมริกา และสิงคโปร์ เป็นต้น
     
       ในช่วงที่ผ่านมากลุ่มลูกค้าระดับกลางถือเป็นตลาด “บลูโอเชียน” ของบริษัทฯ ด้วยเหตุนี้จึงเริ่มให้ความสำคัญมากขึ้นเพื่อต้องการสร้างจุดเชื่อมต่อระหว่างลูกค้าระดับบนกับล่าง พร้อมกับยกระดับให้ลูกค้าระดับล่างมีโอกาสได้รับชมคอนเทนต์รายการดีๆ ในราคาที่เหมาะสม โดยคัดสรรช่องรายการดีมีคุณภาพระดับพรีเมียมมาจัดสรรแพกเกจใหม่ให้ครอบครัวระดับกลางและล่างได้สัมผัสเป็นครั้งแรก พร้อมให้เลือกได้ตามไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของแต่ละครอบครัว ด้วยราคาที่เข้าถึงง่ายเริ่มต้นเพียง 490 บาทต่อเดือน
     
       “ปัจจุบันเรามีรายการในระบบ HD มากที่สุดคือประมาณ 50 ช่อง และมีคอนเทนต์รายการดีๆ มากถึง 90% จึงต้องการเปิดโอกาสให้กลุ่มลูกค้าระดับกลางและล่าง หรือ “Mid Tier” ซึ่งมีขนาดใหญ่มากถึง 1.5 แสนรายได้สัมผัสและรับชมรายการคุณภาพใหม่ๆ มากขึ้น โดยจะเน้นตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น หลังจากที่ผ่านมาเน้นกรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นหลัก”
     
       นายพีรธนกล่าวอีกว่า ภาพรวมของตลาดโทรทัศน์ในปี 2557 ถือมีความซับซ้อนและเป็นช่วงเวลาที่ผู้บริโภคมีความสับสนมาก เนื่องจากมีการแตกเซกเมนต์หลายกลุ่ม ทั้งฟรีทีวี เพย์ทีวี เคเบิลทีวี ทีวีดาวเทียม และดิจิตอลทีวี ซึ่งถือเป็นทางเลือกที่หลากหลายสำหรับผู้บริโภค เพราะฉะนั้นผู้บริโภคจึงต้องทำความเข้าใจและค้นคว้าให้ดีว่ามีความต้องการเรื่องใดเป็นหลัก และยินดีที่จะเสียค่าบริการเป็นจำนวนเท่าใด โดยคาดว่าผู้บริโภคจะเริ่มสามารถตัดสินใจได้อย่างชัดเจนขึ้นภายใน 12 เดือนนับจากนี้
     
       ในส่วนของ “ทรูวิชั่นส์” ถือเป็นผู้นำด้านคอนเทนต์รายการที่ดีและมีคุณภาพเหนือกว่าด้วยจุดเด่น 3 ด้านที่เชื่อมโยงเข้าด้วยกัน คือ ระบบเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ “ทรูมูฟ เอช” ระบบออนไลน์ “ทรูมูฟ ออนไลน์” และระบบคอนเทนต์รายการของ “ทรูวิชั่นส์” บริษัทฯ จึงตั้งเป้าหมายว่าภายใน 12 เดือนนับจากนี้จะเน้นการตลาดด้วยกลยุทธ์ Content Lead เพื่อแสดงประสิทธิภาพให้ผู้บริโภคได้รับรู้อย่างเห็นได้ชัด โดยจะใช้งบประมาณ 10% ของรายได้ในการผลิตคอนเทนต์รายการในประเทศมากขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าระดับกลางและล่างเป็นหลัก
     
       “ในขณะที่ลูกค้าระดับพรีเมียมยังคงสามารถรับชมคอนเทนต์รายการต่างประเทศได้มากกว่า 95% ทั้งยังเป็นรายการที่มีความสดและทันสมัยในแต่ละช่วงเวลา โดยเฉพาะในปี 2558 จะยังคงมีการประมูลรายการและคอนเทนต์ที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ประเทศอังกฤษ ฤดูกาล 2015”
     
       นายพรีธนกล่าวด้วยว่า เนื่องจากรายได้หลักของธุรกิจเพย์ทีวีไม่ได้มาจากจำนวนสมาชิกเพียงอย่างเดียว แต่ยังมาจากโฆษณาด้วย โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีรายได้จากโฆษณาประมาณ 450 ล้านบาทต่อปี จึงได้เริ่มกำหนดกลยุทธ์และแผนการดำเนินธุรกิจ 3 ปี (2558-2560) ในการขึ้นสู่การเป็นผู้นำธุรกิจเพย์ทีวีทุกรูปแบบ โดยเฉพาะในเรื่องโฆษณาตั้งเป้าว่าภายใน 3 ปีจะต้องทำส่วนแบ่งการตลาดได้ประมาณ 15% หรือประมาณ 1 หมื่นล้านบาทจากตลาดรวม 7 หมื่นล้านบาท
     
       “เหตุผลที่เรามั่นใจว่าจะสามารถทำได้เนื่องจากปัจจุบันเรามีแพลตฟอร์มที่ครอบคลุมผู้ชมโทรทัศน์ทั้งระบบฟรีทีวีและเพย์ทีวี รวมถึงช่องรายการทีวีดิจิตอล 36 ช่อง โดยคาดว่าอนาคตสัดส่วนผู้ชมดิจิตอลทีวีจะเพิ่มเป็น 60% และแอนะล็อก 40% จากปัจจุบันที่ผู้ชมดิจิตอลมีเพียง 40% และแอนะล็อก 60% เนื่องจากหันมาเลือกคุณภาพและคอนเทนต์รายการที่ดีกว่า ซึ่งถือเป็นทั้งจุดแข็งและปัจจัยหนุนที่จะเอื้อประโยชน์ให้เราสามารถทำได้ตามเป้าหมาย”

http://www.manager.co.th/iBizchannel/viewNews.aspx?NewsID=9570000136631

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.