01 ธันวาคม 2557 CSC กลับมาจำหน่ายสมาร์ทดีไวซ์เฮาส์แบรนด์อีกครั้งโดยร่วมมือกับ "อินเทล" และ "ไมโครซอฟท์" ใช้ซีพียูอะตอมของอินเทล และมีระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8.1 พร้อมกับไมโครซอฟท์ออฟฟิศ 365 ตรียมเพิ่มศูนย์บริการประจำภาค และขยายสาขาเพิ่มอีก 20 แห่ง เป็น 170 สาขา
ประเด็นหลัก
ซีเอสซี" จะกลับมาจำหน่ายสมาร์ทดีไวซ์เฮาส์แบรนด์อีกครั้ง หลังจากที่เมื่อปีก่อนเคยสั่งผลิตและจำหน่ายภายใต้แบรนด์ซีเอสซี ทั้งแท็บเลตและสมาร์ทโฟนแต่ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก โดยร่วมมือกับ "อินเทล" และ "ไมโครซอฟท์" วางจำหน่ายแท็บเลตแบรนด์ CSC WISEBOOK ใช้ซีพียูอะตอมของอินเทล และมีระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8.1 พร้อมกับไมโครซอฟท์ออฟฟิศ 365 มี 3 รุ่น ราคาตั้งแต่ 6,990 - 9,999 บาท
"หนก่อนยังไม่มีประสบการณ์ แต่ครั้งนี้มีพาร์ตเนอร์ยักษ์ไอทีทั้งสองเจ้ามาช่วยกันลงทุนผลิต และอัดงบฯการตลาดกว่า 70 ล้านบาทภายใน 3 เดือนแรก ที่สำคัญ แท็บเลตของเราถูกกว่าของอินเตอร์แบรนด์ที่ใช้งานวินโดวส์ 8.1 ถึงเท่าตัว ทั้งยังได้แพ็กเกจอินเทอร์เน็ตไม่จำกัดความเร็วสูงสุด 1.5 GB เดือนละ 249 บาท จากเอไอเอสมาร่วมด้วย จึงตอบโจทย์ผู้ใช้ดีกว่า"
โดยสินค้าทั้ง 3 รุ่นนี้ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 7 หมื่นเครื่อง ใน 2 เดือนแรกที่จำหน่าย และเมื่อครบ 1 ปี ตั้งเป้าไว้ที่ 3.5 แสนเครื่อง คิดเป็นมูลค่าราว 2.5 พันล้านบาท จากการทำตลาดผู้บริโภคทั่วไปและลูกค้าภาครัฐ-สถาบันการศึกษาและอีก 4-5 เดือนข้างหน้าจะเปิดตัวเพิ่มอีก 3-4 รุ่น รวมถึงการทำตลาดในต่างประเทศ
ทั้งยังเตรียมเพิ่มศูนย์บริการประจำภาค และขยายสาขาเพิ่มอีก 20 แห่ง เป็น 170 สาขา เน้นที่ต่างจังหวัด รวมถึงปรับปรุงเว็บไซต์ www.csci.co.th ให้เป็นอีคอมเมิร์ซสมบูรณ์แบบ ชูจุดเด่นเรื่องชำระเงินและตรวจเช็กสินค้าได้ทุกสาขาทั่วประเทศ
______________________________
"CSC"ทิ้งพีซีหวนสู้ศึกเฮาส์แบรนด์ เปิดตัวแท็บเลตวินโดวส์8ต่ำหมื่นบาทรับกำลังซื้อฟื้น
"ซีเอสซี" ดิ้นหนีตลาดพีซีนิ่ง ปรับตัวลุยสมาร์ทดีไวซ์เต็มสูบโฟกัสแบรนด์จีน แถมจับมือ "อินเทล-ไมโครซอฟท์" คลอดแท็บเลต-สมาร์ทโฟนเฮาส์แบรนด์อีกรอบ ชูสเป็กเทียบชั้นอินเตอร์แบรนด์แค่ดัมพ์ราคาลงเท่าตัว ตั้งเป้าปีแรกโกยยอด 3.5 แสนเครื่อง เร่งลงทุนขยายสาขาเพิ่มอีก 20 แห่ง ปรับโฉมเว็บเป็นอีคอมเมิร์ซเต็มตัว มั่นใจปีหน้ากำลังซื้อฟื้น
นายพิชัย นีรนาทโกมล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท คอมพิวเตอร์ ซีสเท็ม คอนเน็คชั่น อินเตอร์แนชชั่นแนล จำกัด (ซีเอสซี) ร้านค้าปลีกไอที เปิดเผยว่า หลังจากนี้ไปการทำธุรกิจของบริษัทจะเน้นไปที่สมาร์ทดีไวซ์เป็นหลัก เช่น สมาร์ทโฟนกับแท็บแลต เพราะสินค้ากลุ่มเดสก์ทอปและโน้ตบุ๊ก ซึ่งเดิมเป็นรายได้หลักของบริษัท มีความต้องการซื้อของผู้บริโภคลดลงอย่างชัดเจน จนปีนี้ภาพรวมตลาดสินค้าดังกล่าวไม่เติบโตจากปีก่อน หากฝืนจำหน่ายนี้ต่อไปก็มีโอกาสที่รายได้จะไม่เติบโต
"ตลาดพีซี (เดสก์ทอปและโน้ตบุ๊ก) ตอนนี้ไม่โตเลย บางเดือนทั้งตลาดยังขายน้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว การเดินหน้าไปสู่สมาร์ทดีไวซ์ซึ่งเป็นสินค้าที่คนไทยมีความต้องการสูงในตอนนี้ จะทำให้รายได้ของบริษัทเติบโตได้ดีกว่า ซึ่งเรื่องนี้พิสูจน์ได้ชัดเจนเพราะพอเรามาขายสินค้านี้มากขึ้นตั้งแต่ช่วงปีก่อนก็ทำให้รายได้จากฝั่งสมาร์ทดีไวซ์เข้ามาทดแทนรายได้ของพีซีที่หดหายไปได้ ดังนั้น สาขาทั้งหมด 150 สาขาของเราจึงเหลือสาขาที่จำหน่ายเฉพาะพีซีอยู่แค่ 35 แห่ง ที่เหลือเป็นสาขาที่เน้นขายสมาร์ทดีไวซ์"
โดยสมาร์ทดีไวซ์ที่บริษัทจะวางจำหน่าย จะเน้นที่แบรนด์จากประเทศจีน เช่น ออปโป้,วีโว่, ไอมี่ และหัวเว่ย เนื่องจากมีการพัฒนาโปรดักต์จนประสิทธิภาพใกล้เคียงกับอินเตอร์แบรนด์ ทั้งยังสนับสนุนกิจกรรมทางการตลาดที่มากกว่า ส่วนอินเตอร์แบรนด์มีเพียงเอซุส และซัมซุง
นอกจากนี้ "ซีเอสซี" จะกลับมาจำหน่ายสมาร์ทดีไวซ์เฮาส์แบรนด์อีกครั้ง หลังจากที่เมื่อปีก่อนเคยสั่งผลิตและจำหน่ายภายใต้แบรนด์ซีเอสซี ทั้งแท็บเลตและสมาร์ทโฟนแต่ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก โดยร่วมมือกับ "อินเทล" และ "ไมโครซอฟท์" วางจำหน่ายแท็บเลตแบรนด์ CSC WISEBOOK ใช้ซีพียูอะตอมของอินเทล และมีระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8.1 พร้อมกับไมโครซอฟท์ออฟฟิศ 365 มี 3 รุ่น ราคาตั้งแต่ 6,990 - 9,999 บาท
"หนก่อนยังไม่มีประสบการณ์ แต่ครั้งนี้มีพาร์ตเนอร์ยักษ์ไอทีทั้งสองเจ้ามาช่วยกันลงทุนผลิต และอัดงบฯการตลาดกว่า 70 ล้านบาทภายใน 3 เดือนแรก ที่สำคัญ แท็บเลตของเราถูกกว่าของอินเตอร์แบรนด์ที่ใช้งานวินโดวส์ 8.1 ถึงเท่าตัว ทั้งยังได้แพ็กเกจอินเทอร์เน็ตไม่จำกัดความเร็วสูงสุด 1.5 GB เดือนละ 249 บาท จากเอไอเอสมาร่วมด้วย จึงตอบโจทย์ผู้ใช้ดีกว่า"
โดยสินค้าทั้ง 3 รุ่นนี้ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 7 หมื่นเครื่อง ใน 2 เดือนแรกที่จำหน่าย และเมื่อครบ 1 ปี ตั้งเป้าไว้ที่ 3.5 แสนเครื่อง คิดเป็นมูลค่าราว 2.5 พันล้านบาท จากการทำตลาดผู้บริโภคทั่วไปและลูกค้าภาครัฐ-สถาบันการศึกษาและอีก 4-5 เดือนข้างหน้าจะเปิดตัวเพิ่มอีก 3-4 รุ่น รวมถึงการทำตลาดในต่างประเทศ
ทั้งยังเตรียมเพิ่มศูนย์บริการประจำภาค และขยายสาขาเพิ่มอีก 20 แห่ง เป็น 170 สาขา เน้นที่ต่างจังหวัด รวมถึงปรับปรุงเว็บไซต์ www.csci.co.th ให้เป็นอีคอมเมิร์ซสมบูรณ์แบบ ชูจุดเด่นเรื่องชำระเงินและตรวจเช็กสินค้าได้ทุกสาขาทั่วประเทศ
นายวงศ์สมรรถ สรรเพชุดาญาณ รองประธานบริหารบริษัทเดียวกัน เปิดเผยว่า ในปี 2558 โอกาสที่กำลังซื้อของผู้บริโภคจะกลับมามีสูง โดยสมาร์ทโฟนและแท็บเลตที่ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์จะเติบโตชัดเจน หลังจากแต่ละแบรนด์ปรับราคาลง โดยบริษัทหวังเป็นเบอร์ 1 ของค้าปลีกไอทีในกลุ่มสินค้านี้
โดยรายได้ของบริษัทปีนี้จะอยู่ราว 5 พันล้านบาท แบ่งเป็นสินค้าสมาร์ทดีไวซ์ 70% (สมาร์ทโฟน 90% แท็บเลต 10%) และพีซี 30% ของทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 4 พันล้านบาท แต่ไม่ถึงเป้าหมาย 7 พันล้านบาทที่ตั้งไว้ เนื่องจากกำลังซื้อในปีนี้หดตัวอย่างชัดเจนและแม้สินค้าสมาร์ทโฟนจะมีความต้องการสูง แต่ยอดขายก็ไม่ได้ดีอย่างที่ตั้งไว้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบสัดส่วนกำไรจะสูงกว่าปีนี้พอสมควร เนื่องจากการจำหน่ายสมาร์ทโฟนแบรนด์จีนมีส่วนต่างกำไรที่มากกว่าอินเตอร์แบรนด์
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1417375557
ซีเอสซี" จะกลับมาจำหน่ายสมาร์ทดีไวซ์เฮาส์แบรนด์อีกครั้ง หลังจากที่เมื่อปีก่อนเคยสั่งผลิตและจำหน่ายภายใต้แบรนด์ซีเอสซี ทั้งแท็บเลตและสมาร์ทโฟนแต่ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก โดยร่วมมือกับ "อินเทล" และ "ไมโครซอฟท์" วางจำหน่ายแท็บเลตแบรนด์ CSC WISEBOOK ใช้ซีพียูอะตอมของอินเทล และมีระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8.1 พร้อมกับไมโครซอฟท์ออฟฟิศ 365 มี 3 รุ่น ราคาตั้งแต่ 6,990 - 9,999 บาท
"หนก่อนยังไม่มีประสบการณ์ แต่ครั้งนี้มีพาร์ตเนอร์ยักษ์ไอทีทั้งสองเจ้ามาช่วยกันลงทุนผลิต และอัดงบฯการตลาดกว่า 70 ล้านบาทภายใน 3 เดือนแรก ที่สำคัญ แท็บเลตของเราถูกกว่าของอินเตอร์แบรนด์ที่ใช้งานวินโดวส์ 8.1 ถึงเท่าตัว ทั้งยังได้แพ็กเกจอินเทอร์เน็ตไม่จำกัดความเร็วสูงสุด 1.5 GB เดือนละ 249 บาท จากเอไอเอสมาร่วมด้วย จึงตอบโจทย์ผู้ใช้ดีกว่า"
โดยสินค้าทั้ง 3 รุ่นนี้ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 7 หมื่นเครื่อง ใน 2 เดือนแรกที่จำหน่าย และเมื่อครบ 1 ปี ตั้งเป้าไว้ที่ 3.5 แสนเครื่อง คิดเป็นมูลค่าราว 2.5 พันล้านบาท จากการทำตลาดผู้บริโภคทั่วไปและลูกค้าภาครัฐ-สถาบันการศึกษาและอีก 4-5 เดือนข้างหน้าจะเปิดตัวเพิ่มอีก 3-4 รุ่น รวมถึงการทำตลาดในต่างประเทศ
ทั้งยังเตรียมเพิ่มศูนย์บริการประจำภาค และขยายสาขาเพิ่มอีก 20 แห่ง เป็น 170 สาขา เน้นที่ต่างจังหวัด รวมถึงปรับปรุงเว็บไซต์ www.csci.co.th ให้เป็นอีคอมเมิร์ซสมบูรณ์แบบ ชูจุดเด่นเรื่องชำระเงินและตรวจเช็กสินค้าได้ทุกสาขาทั่วประเทศ
______________________________
"CSC"ทิ้งพีซีหวนสู้ศึกเฮาส์แบรนด์ เปิดตัวแท็บเลตวินโดวส์8ต่ำหมื่นบาทรับกำลังซื้อฟื้น
"ซีเอสซี" ดิ้นหนีตลาดพีซีนิ่ง ปรับตัวลุยสมาร์ทดีไวซ์เต็มสูบโฟกัสแบรนด์จีน แถมจับมือ "อินเทล-ไมโครซอฟท์" คลอดแท็บเลต-สมาร์ทโฟนเฮาส์แบรนด์อีกรอบ ชูสเป็กเทียบชั้นอินเตอร์แบรนด์แค่ดัมพ์ราคาลงเท่าตัว ตั้งเป้าปีแรกโกยยอด 3.5 แสนเครื่อง เร่งลงทุนขยายสาขาเพิ่มอีก 20 แห่ง ปรับโฉมเว็บเป็นอีคอมเมิร์ซเต็มตัว มั่นใจปีหน้ากำลังซื้อฟื้น
นายพิชัย นีรนาทโกมล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท คอมพิวเตอร์ ซีสเท็ม คอนเน็คชั่น อินเตอร์แนชชั่นแนล จำกัด (ซีเอสซี) ร้านค้าปลีกไอที เปิดเผยว่า หลังจากนี้ไปการทำธุรกิจของบริษัทจะเน้นไปที่สมาร์ทดีไวซ์เป็นหลัก เช่น สมาร์ทโฟนกับแท็บแลต เพราะสินค้ากลุ่มเดสก์ทอปและโน้ตบุ๊ก ซึ่งเดิมเป็นรายได้หลักของบริษัท มีความต้องการซื้อของผู้บริโภคลดลงอย่างชัดเจน จนปีนี้ภาพรวมตลาดสินค้าดังกล่าวไม่เติบโตจากปีก่อน หากฝืนจำหน่ายนี้ต่อไปก็มีโอกาสที่รายได้จะไม่เติบโต
"ตลาดพีซี (เดสก์ทอปและโน้ตบุ๊ก) ตอนนี้ไม่โตเลย บางเดือนทั้งตลาดยังขายน้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว การเดินหน้าไปสู่สมาร์ทดีไวซ์ซึ่งเป็นสินค้าที่คนไทยมีความต้องการสูงในตอนนี้ จะทำให้รายได้ของบริษัทเติบโตได้ดีกว่า ซึ่งเรื่องนี้พิสูจน์ได้ชัดเจนเพราะพอเรามาขายสินค้านี้มากขึ้นตั้งแต่ช่วงปีก่อนก็ทำให้รายได้จากฝั่งสมาร์ทดีไวซ์เข้ามาทดแทนรายได้ของพีซีที่หดหายไปได้ ดังนั้น สาขาทั้งหมด 150 สาขาของเราจึงเหลือสาขาที่จำหน่ายเฉพาะพีซีอยู่แค่ 35 แห่ง ที่เหลือเป็นสาขาที่เน้นขายสมาร์ทดีไวซ์"
โดยสมาร์ทดีไวซ์ที่บริษัทจะวางจำหน่าย จะเน้นที่แบรนด์จากประเทศจีน เช่น ออปโป้,วีโว่, ไอมี่ และหัวเว่ย เนื่องจากมีการพัฒนาโปรดักต์จนประสิทธิภาพใกล้เคียงกับอินเตอร์แบรนด์ ทั้งยังสนับสนุนกิจกรรมทางการตลาดที่มากกว่า ส่วนอินเตอร์แบรนด์มีเพียงเอซุส และซัมซุง
นอกจากนี้ "ซีเอสซี" จะกลับมาจำหน่ายสมาร์ทดีไวซ์เฮาส์แบรนด์อีกครั้ง หลังจากที่เมื่อปีก่อนเคยสั่งผลิตและจำหน่ายภายใต้แบรนด์ซีเอสซี ทั้งแท็บเลตและสมาร์ทโฟนแต่ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก โดยร่วมมือกับ "อินเทล" และ "ไมโครซอฟท์" วางจำหน่ายแท็บเลตแบรนด์ CSC WISEBOOK ใช้ซีพียูอะตอมของอินเทล และมีระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8.1 พร้อมกับไมโครซอฟท์ออฟฟิศ 365 มี 3 รุ่น ราคาตั้งแต่ 6,990 - 9,999 บาท
"หนก่อนยังไม่มีประสบการณ์ แต่ครั้งนี้มีพาร์ตเนอร์ยักษ์ไอทีทั้งสองเจ้ามาช่วยกันลงทุนผลิต และอัดงบฯการตลาดกว่า 70 ล้านบาทภายใน 3 เดือนแรก ที่สำคัญ แท็บเลตของเราถูกกว่าของอินเตอร์แบรนด์ที่ใช้งานวินโดวส์ 8.1 ถึงเท่าตัว ทั้งยังได้แพ็กเกจอินเทอร์เน็ตไม่จำกัดความเร็วสูงสุด 1.5 GB เดือนละ 249 บาท จากเอไอเอสมาร่วมด้วย จึงตอบโจทย์ผู้ใช้ดีกว่า"
โดยสินค้าทั้ง 3 รุ่นนี้ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 7 หมื่นเครื่อง ใน 2 เดือนแรกที่จำหน่าย และเมื่อครบ 1 ปี ตั้งเป้าไว้ที่ 3.5 แสนเครื่อง คิดเป็นมูลค่าราว 2.5 พันล้านบาท จากการทำตลาดผู้บริโภคทั่วไปและลูกค้าภาครัฐ-สถาบันการศึกษาและอีก 4-5 เดือนข้างหน้าจะเปิดตัวเพิ่มอีก 3-4 รุ่น รวมถึงการทำตลาดในต่างประเทศ
ทั้งยังเตรียมเพิ่มศูนย์บริการประจำภาค และขยายสาขาเพิ่มอีก 20 แห่ง เป็น 170 สาขา เน้นที่ต่างจังหวัด รวมถึงปรับปรุงเว็บไซต์ www.csci.co.th ให้เป็นอีคอมเมิร์ซสมบูรณ์แบบ ชูจุดเด่นเรื่องชำระเงินและตรวจเช็กสินค้าได้ทุกสาขาทั่วประเทศ
นายวงศ์สมรรถ สรรเพชุดาญาณ รองประธานบริหารบริษัทเดียวกัน เปิดเผยว่า ในปี 2558 โอกาสที่กำลังซื้อของผู้บริโภคจะกลับมามีสูง โดยสมาร์ทโฟนและแท็บเลตที่ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์จะเติบโตชัดเจน หลังจากแต่ละแบรนด์ปรับราคาลง โดยบริษัทหวังเป็นเบอร์ 1 ของค้าปลีกไอทีในกลุ่มสินค้านี้
โดยรายได้ของบริษัทปีนี้จะอยู่ราว 5 พันล้านบาท แบ่งเป็นสินค้าสมาร์ทดีไวซ์ 70% (สมาร์ทโฟน 90% แท็บเลต 10%) และพีซี 30% ของทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 4 พันล้านบาท แต่ไม่ถึงเป้าหมาย 7 พันล้านบาทที่ตั้งไว้ เนื่องจากกำลังซื้อในปีนี้หดตัวอย่างชัดเจนและแม้สินค้าสมาร์ทโฟนจะมีความต้องการสูง แต่ยอดขายก็ไม่ได้ดีอย่างที่ตั้งไว้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบสัดส่วนกำไรจะสูงกว่าปีนี้พอสมควร เนื่องจากการจำหน่ายสมาร์ทโฟนแบรนด์จีนมีส่วนต่างกำไรที่มากกว่าอินเตอร์แบรนด์
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1417375557
ไม่มีความคิดเห็น: