Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

18 มกราคม 2558 OPPO THAILAND ตั้งเป้า ยอดขายปีนี้ 2 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 100% จากปีก่อน คิดเป็นมูลค่า 1.3 หมื่นล้านบาท และขึ้นเป็น 3 อันดับแรกของตลาดสมาร์ทโฟน มีส่วนแบ่งตลาด 10%

ประเด็นหลัก



ตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 2 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 100% จากปีก่อน คิดเป็นมูลค่า 1.3 หมื่นล้านบาท และขึ้นเป็น 3 อันดับแรกของตลาดสมาร์ทโฟน มีส่วนแบ่งตลาด 10%

กลยุทธ์ที่จะใช้คือเพิ่มจำนวนเซลส์ในร้านค้าปลีกโทรศัพท์มือถือ และไฮเปอร์เทรด จาก 2,800 คนในปัจจุบัน เพิ่มเป็น 3,500 คน ขณะที่แบรนด์อื่นมีหลัก 1,000 คน และเพิ่มจุดจำหน่ายจาก 4,500 จุด เป็น 6,000 จุด พร้อมทำโปรโมชั่นร่วมกับโอเปอเรเตอร์ทั้ง 3 รายใหญ่ จากที่ได้ร่วมมือกับดีแทค, ทรูมูฟ เอช ไปแล้ว โดยจะเน้นที่เครื่องราคาเกิน 15,000 บาท

"ปีนี้เริ่มต้นด้วยรุ่นเรือธงและไตรมาส 2 ก็จะมีอีก ทั้งหมดเป็นกลุ่มไฮเอนด์เด่นเรื่องถ่ายภาพ และจะใช้ทีมขายเข้าไปช่วยผลักดันการขายเพื่อให้ยอดขายเติบโตเท่าตัว คาดว่ายอดจะมาจากต่างจังหวัดถึง 70% เราจึงทุ่มงบประมาณจำนวนหนึ่งเพื่อขยายศูนย์บริการจาก 16 แห่ง เป็น 30 แห่ง เพื่อให้ครอบคลุมผู้ใช้งานให้มากขึ้น ซึ่งยอดขายจากประเทศไทยเป็นอันดับ 3 ของการจำหน่ายโทรศัพท์มือถือนอกประเทศจีน รองจากอินโดนีเซีย และเวียดนาม โดยในจีนปีที่แล้วขายไปทั้งหมด 30 ล้านเครื่อง เป็นอันดับ 5 ในตลาด"


_____________________________________________________















"ออปโป้" อัดงบสร้างแบรนด์ ลุยเพิ่มเซลส์ 3,500 คนทั่วประเทศ



"ออปโป้" ฟันธงมือถือแบรนด์จีนยึดตลาดไทย กวาดแชร์ 40% เครื่องราคา 2-4 พันบาทเกือบครึ่ง เดินหน้าลุยเก็บมาร์เก็ตแชร์เต็มสตรีม ใส่เงินอัดฉีดสร้างแบรนด์เพิ่มเซลส์เชียร์ขายเครื่องทั่วประเทศจาก 2,800 คน เป็น 3,500 คน พร้อมขยายศูนย์บริการ ตั้งเป้าโกยยอด 2 ล้านเครื่อง เพิ่ม 100% จากปีที่แล้วก้าวขึ้นท็อปทรี

นายจรูญ วิริยะพรพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย ออปโป้ จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้จะใช้งบประมาณการตลาดราว 500 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน 70% ใช้กับโฆษณาโทรทัศน์ ที่เหลือเป็นสื่อออนไลน์และอื่น ๆ เพื่อสร้างแบรนด์ให้ติดตลาดขึ้น และวางตำแหน่งแบรนด์ให้อยู่ในระดับกลางถึงบนชัดเจนขึ้น ด้วยการเลือกสินค้าราคาตั้งแต่ 8,000 บาทขึ้นไปเข้าสู่ตลาด จากเดิมเคยมีสมาร์ทโฟนราคา 3,990 บาท แต่ไม่ได้รับการตอบรับที่ดีนัก

"ปีนี้เราจะวางตนเองให้อยู่ในระดับมิดทูไฮให้ชัดเจนขึ้น รูปแบบการโฆษณารวมถึงสินค้าที่เข้าสู่ตลาดพิสูจน์แล้วว่ามาถูกทาง จากปีก่อนเครื่องราคาเกินหมื่นบาทเช่น รุ่น Find 7 ขายดีจนไม่มีสินค้าในสต๊อก แต่รุ่น่ราคา 3,990 บาทกลับเหลือในสต๊อกจำนวนมาก"

ในปี 2557 ทำยอดขายได้ 90% ของเป้าที่ 1,000,000 เครื่อง ขยับมาร์เก็ตแชร์อยู่ 5 อันดับแรกของตลาดสมาร์ทโฟนในไทย มีส่วนแบ่งการตลาดเกือบ 10% ทำให้บริษัทแม่ที่จีนสนับสนุนงบประมาณการตลาดเพิ่มขึ้นอีกทาง

สำหรับสมาร์ทโฟนที่จะทำตลาดในปีนี้ มี 10 รุ่นใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ราคาระหว่าง 8,000-19,990 บาท แบ่งเป็น 2 รุ่นที่เปิดตัวแล้ว คือ รุ่น N3 ราคา 19,990 บาท มีจุดเด่นที่กล้องหมุนได้ 206 องศา ถ่ายภาพคมชัดสูงสุด 64 ล้านพิกเซล แสดงผลบนหน้าจอ 5.5 นิ้ว และรุ่น R5 ราคา 15,900 บาท ตัวเครื่องบางที่สุดในโลก 4.85 มม. ซีพียู ออคต้า คอร์ แสดงผลบนหน้าจอ 5.2 นิ้ว และจะทยอยเปิดตัวรุ่นใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น รุ่นเรือธง Find 9 ในเดือน มิ.ย.นี้ และรุ่นอื่น ๆ ซึ่งเครื่องที่มีราคาสูงกว่าหมื่นบาทจะรองรับเทคโนโลยี 4G LTE ด้วย

ตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 2 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 100% จากปีก่อน คิดเป็นมูลค่า 1.3 หมื่นล้านบาท และขึ้นเป็น 3 อันดับแรกของตลาดสมาร์ทโฟน มีส่วนแบ่งตลาด 10%

กลยุทธ์ที่จะใช้คือเพิ่มจำนวนเซลส์ในร้านค้าปลีกโทรศัพท์มือถือ และไฮเปอร์เทรด จาก 2,800 คนในปัจจุบัน เพิ่มเป็น 3,500 คน ขณะที่แบรนด์อื่นมีหลัก 1,000 คน และเพิ่มจุดจำหน่ายจาก 4,500 จุด เป็น 6,000 จุด พร้อมทำโปรโมชั่นร่วมกับโอเปอเรเตอร์ทั้ง 3 รายใหญ่ จากที่ได้ร่วมมือกับดีแทค, ทรูมูฟ เอช ไปแล้ว โดยจะเน้นที่เครื่องราคาเกิน 15,000 บาท

"ปีนี้เริ่มต้นด้วยรุ่นเรือธงและไตรมาส 2 ก็จะมีอีก ทั้งหมดเป็นกลุ่มไฮเอนด์เด่นเรื่องถ่ายภาพ และจะใช้ทีมขายเข้าไปช่วยผลักดันการขายเพื่อให้ยอดขายเติบโตเท่าตัว คาดว่ายอดจะมาจากต่างจังหวัดถึง 70% เราจึงทุ่มงบประมาณจำนวนหนึ่งเพื่อขยายศูนย์บริการจาก 16 แห่ง เป็น 30 แห่ง เพื่อให้ครอบคลุมผู้ใช้งานให้มากขึ้น ซึ่งยอดขายจากประเทศไทยเป็นอันดับ 3 ของการจำหน่ายโทรศัพท์มือถือนอกประเทศจีน รองจากอินโดนีเซีย และเวียดนาม โดยในจีนปีที่แล้วขายไปทั้งหมด 30 ล้านเครื่อง เป็นอันดับ 5 ในตลาด"

นายจรูญกล่าวถึงภาพรวมตลาดโทรศัพท์มือถือในไทยปีนี้ว่า จะเป็นสมาร์ทโฟน 18 ล้านเครื่อง เหลือฟีเจอร์โฟนเพียงเล็กน้อย โดยเกือบ 50% เป็นเครื่องราคา 2,000-4,000 บาท เพิ่มจากปีก่อน ที่เป็นสมาร์ทโฟน 12 ล้านเครื่อง และฟีเจอร์โฟนราว 5 ล้านเครื่อง โดยเน้นแข่งที่เทคโนโลยี ลดแข่งราคา เนื่องจากผู้บริโภคเข้าใจผลิตภัณฑ์มากขึ้น และยอมซื้อเครื่องสเป็กสูง ที่สำคัญแบรนด์จากจีนเข้ามาทำตลาดเพิ่ม ขยับส่วนแบ่งตลาดจาก 10% จะเพิ่มเป็น 40%



http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1421297559

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.