Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

18 กรกฎาคม 2558 (บทความ) ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเกือบครึ่งยังไม่มั่นใจการทำธุรกรรมออนไลน์ // ผลการสำรวจ พบว่า ผู้ใช้จำนวน 49% รู้สึกไม่มั่นใจเมื่อทำธุรกรรมการเงินออนไลน์ ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ใช้เกินครึ่ง (54%) เชื่อว่าการทำธุรกรรมออฟไลน์แบบเดิมน่าเชื่อถือกว่าแบบออนไลน์ และผู้ใช้ 46% เห็นพ้องต้องกันว่าออฟไลน์แบงกิ้งต้องปลอดภัยกว่าแน่นอน

ประเด็นหลัก







 ผลการสำรวจ พบว่า ผู้ใช้จำนวน 49% รู้สึกไม่มั่นใจเมื่อทำธุรกรรมการเงินออนไลน์ ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ใช้เกินครึ่ง (54%) เชื่อว่าการทำธุรกรรมออฟไลน์แบบเดิมน่าเชื่อถือกว่าแบบออนไลน์ และผู้ใช้ 46% เห็นพ้องต้องกันว่าออฟไลน์แบงกิ้งต้องปลอดภัยกว่าแน่นอน แต่ถึงแม้ว่าจะกังวลเรื่องความปลอดภัยตามที่กล่าวขั้นต้น แต่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่ก็ใช้บริการธุรกรรมออนไลน์ พบว่าผู้ใช้ 79% ใช้คอมพิวเตอร์และแล็ปท็อปในการจ่ายเงินออนไลน์ ผู้ใช้ 52% ใช้แท็บเล็ต ผู้ใช้ 45% ใช้สมาร์ทโฟนและผู้ใช้ 12% ที่มีสมาร์ททีวี ระบุว่าใช้สมาร์ททีวีในการทำธุรกรรมออนไลน์






_________________________________________







ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเกือบครึ่งยังไม่มั่นใจการทำธุรกรรมออนไลน์ | เดลินิวส์


„ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเกือบครึ่งยังไม่มั่นใจการทำธุรกรรมออนไลน์ แคสเปอร์สกี้ แลป เผยผู้ใช้เกือบครึ่งยังไม่เชื่อมั่นOnline Banking และนิยมติดต่อกับธนาคารโดยตรง วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม 2558 เวลา 14:00 น. แคสเปอร์สกี้ แลป เผยผลการวิจัยร่วมกับบีทูบี อินเตอร์เนชั่นแนล เรื่อง “Consumer Security Risks Survey 2014: Multi-Device Threats in a Multi-Device World” เผยผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเกือบครึ่งหรือ 46% เชื่อว่าการไปติดต่อที่ธนาคารโดยตรงนั้นปลอดภัยกว่าการทำธุรกรรมออนไลน์ นอกจากนี้ ผู้ใช้ส่วนใหญ่ที่ทำธุรกรรมออนไลน์ก็ไม่ใช้มาตรการป้องกันความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน ซึ่งจะเกิดความเสี่ยงต่อเงินในบัญชีและความน่าเชื่อถือของธนาคารอีกด้วย วิธีที่ง่ายที่สุดที่อาชญากรไซเบอร์เจาะเข้าบัญชีธนาคารออนไลน์ คือการปลอมตัวเป็นเจ้าของบัญชีเสียเอง ซึ่งจะต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับบัญชี สร้างหน้าเว็บฟิชชิ่งหลอกล่อให้เจ้าของบัญชีเข้ามากรอกข้อมูลยูสเซอร์เนมและพาสเวิร์ด หรืออาจใช้แบงกิ้งโทรจันเพื่อดักข้อมูลดังกล่าวจากหน้าเว็บธนาคารจริง ซึ่งคอมพิวเตอร์และโมบายดีไวซ์รุ่นเก่าๆ มักจะมีช่องโหว่ที่โจมตีได้ง่าย ผลการสำรวจ พบว่า ผู้ใช้จำนวน 49% รู้สึกไม่มั่นใจเมื่อทำธุรกรรมการเงินออนไลน์ ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ใช้เกินครึ่ง (54%) เชื่อว่าการทำธุรกรรมออฟไลน์แบบเดิมน่าเชื่อถือกว่าแบบออนไลน์ และผู้ใช้ 46% เห็นพ้องต้องกันว่าออฟไลน์แบงกิ้งต้องปลอดภัยกว่าแน่นอน แต่ถึงแม้ว่าจะกังวลเรื่องความปลอดภัยตามที่กล่าวขั้นต้น แต่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่ก็ใช้บริการธุรกรรมออนไลน์ พบว่าผู้ใช้ 79% ใช้คอมพิวเตอร์และแล็ปท็อปในการจ่ายเงินออนไลน์ ผู้ใช้ 52% ใช้แท็บเล็ต ผู้ใช้ 45% ใช้สมาร์ทโฟนและผู้ใช้ 12% ที่มีสมาร์ททีวี ระบุว่าใช้สมาร์ททีวีในการทำธุรกรรมออนไลน์ นอกจากนี้ยังพบผู้ใช้จำนวน 1ใน 5ที่ไม่ได้ใช้มาตรการเพื่อปกป้องข้อมูลการเงินใดๆ เลย “ถ้าลูกค้าที่กลัวตกเป็นเหยื่อภัยทางอินเทอร์เน็ต จึงเลือกใช้บริการธนาคารแบบเดิมๆ คือการเดินไปติดต่อหน้าเคาท์เตอร์ธนาคาร จะทำให้การใช้ระบบจ่ายเงินออนไลน์หยุดชะงักได้ ซึ่งจะส่งผลให้ธนาคารต้องลงทุนทรัพยากรในแต่ละสาขามากขึ้น ขณะเดียวกันลูกค้าที่เลือกใช้งานระบบจ่ายเงินออนไลน์ก็ยังกังวลเรื่องความปลอดภัย ด้วยเกรงว่าจะทำให้เงินในบัญชีอยู่ในภาวะเสี่ยง ธนาคารจึงจำเป็นต้องลงทุนด้านเทคโนโลยีเพื่อวางระบบที่ปลอดภัยสูงสุดสำหรับลูกค้า ซึ่งนอกจากจะเพิ่มความมั่นใจให้ลูกค้าที่คุ้นเคยกับการติดต่อหน้าเคาท์เตอร์แล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดจากลูกค้าที่ไม่ระมัดระวังและทำข้อมูลการเงินสำคัญสูญหาย” รอส โฮแกน หัวหน้าฝ่ายป้องกันภัยกลโกงระดับโลก แคสเปอร์สกี้ แลป กล่าว“

อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/it/334858


http://www.dailynews.co.th/it/334858

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.