Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

18 กรกฎาคม 2558 อินทัชก็กระโดดเข้าไปร่วมลงทุนกับกันตนา (ดูตารางประกอบ) เข้าไปซื้อลิขสิทธิ์ วัยรุ่นอเมริกา Gossip Girl จากค่าย Warner Bother มาทำใหม่ในเวอร์ชันไทย พร้อมทำแอพพลิชันบน 2nd Screen

ประเด็นหลัก




++รุกหนักมีเดีย-คอนเทนต์
    หลังจากถอยฉากออกมาจากทีวีดิจิตอล อินทัชก็กระโดดเข้าไปร่วมลงทุนกับกันตนา (ดูตารางประกอบ) เข้าไปซื้อลิขสิทธิ์ วัยรุ่นอเมริกา  Gossip Girl  จากค่าย Warner Bother  มาทำใหม่ในเวอร์ชันไทย พร้อมทำแอพพลิชันบน 2nd Screen
    ต่อเรื่องนี้นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานคณะกรรมการจัดการสายธุรกิจสื่อโฆษณาและธุรกิจใหม่ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ซีรีส์ Gossip Girl Thailand เป็นซีรีส์เรื่องแรกที่จะใช้ แอพพลิชันบน 2nd Screen ที่เป็นเทรนด์ของธุรกิจบรอดคาสต์แห่งอนาคตได้อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อยกระดับประสบการณ์การรับชมของผู้ชมให้สามารถเข้าถึงคอนเทนต์เพิ่มเติมบนโทรศัพท์มือถือได้
    ขณะที่กำลังชมรายการทางโทรทัศน์ ไม่ว่าจะเป็นการเรียกดูภาพยนตร์ตามสั่ง การรับชมรายการในเวอร์ชันที่ไม่ได้ออกอากาศและฉากพิเศษ รวมถึงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวละคร นักแสดงและเนื้อเรื่อง และยังเปิดโอกาสให้ผู้ชมได้เล่นเกม ช็อปปิ้งออนไลน์ และใช้โซเชียล มีเดีย  ในขณะที่รับชมซีรีส์ได้ในเวลาเดียวกัน
    ในส่วนของอุตสาหกรรมบรอดคาสต์และธุรกิจเกี่ยวเนื่องเช่นการโฆษณาทางโทรทัศน์ และสื่อผสม สปอนเซอร์ก็จะสามารถทำโฆษณาที่เข้าใจง่ายมากขึ้น รวมถึงมีการสื่อสารระหว่างกันแบบอินเตอร์แอกทีฟ และโฆษณาในรูปแบบของเกม ขณะที่บริษัทรีเทลจะสามารถเสนอรายการสินค้าลดราคาพิเศษ และเสนอการช็อปปิ้งต่างๆ ให้แก่ผู้ชม รวมถึงการให้ผู้ชมสามารถสั่งซื้อสินค้า เสื้อผ้าเหมือนที่เห็นในรายการทีวีได้ ซึ่งเป็น M-Commerce ที่มีแนวโน้มดีมานด์ในกลุ่มผู้บริโภคปัจจุบันและรองรับอนาคตได้อีกด้วย โดยแอพพลิชัน Gossip Girl  บน 2nd Screen นี้จะเริ่มเปิดให้ดาวน์โหลดผ่านทาง Apple Store และ Play Storeในวันที่ 1 กรกฎาคม 2558






_________________________________________







‘อินทัช’รุกหนัก
ธุรกิจมีเดีย-ดิจิตอลคอนเทนต์

 
  2401  "อินทัช" หรือ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ถือว่าเป็นผู้ประกอบการลำดับต้นๆ ที่ประกาศถอนตัวไม่เข้าประมูลทีวีดิจิตอล หลังจากตั้งท่าจะเข้าร่วมวง สุดท้ายก็ถอยฉากออกมา
    จากนั้นก็เบนเข็มมุ่งหน้าสู่ธุรกิจมีเดีย และดิจิตอลคอนเทนต์เป็นหลักด้วยร่วมทุนกับพันธมิตร ในขณะที่ธุรกิจเรือธงดั้งเดิมอย่าง เอไอเอส หรือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ยังให้ความสำคัญลงทุนเป็นลำดับต้นๆ เช่นเดียวกัน
++รุกหนักมีเดีย-คอนเทนต์
    หลังจากถอยฉากออกมาจากทีวีดิจิตอล อินทัชก็กระโดดเข้าไปร่วมลงทุนกับกันตนา (ดูตารางประกอบ) เข้าไปซื้อลิขสิทธิ์ วัยรุ่นอเมริกา  Gossip Girl  จากค่าย Warner Bother  มาทำใหม่ในเวอร์ชันไทย พร้อมทำแอพพลิชันบน 2nd Screen
    ต่อเรื่องนี้นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานคณะกรรมการจัดการสายธุรกิจสื่อโฆษณาและธุรกิจใหม่ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ซีรีส์ Gossip Girl Thailand เป็นซีรีส์เรื่องแรกที่จะใช้ แอพพลิชันบน 2nd Screen ที่เป็นเทรนด์ของธุรกิจบรอดคาสต์แห่งอนาคตได้อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อยกระดับประสบการณ์การรับชมของผู้ชมให้สามารถเข้าถึงคอนเทนต์เพิ่มเติมบนโทรศัพท์มือถือได้
    ขณะที่กำลังชมรายการทางโทรทัศน์ ไม่ว่าจะเป็นการเรียกดูภาพยนตร์ตามสั่ง การรับชมรายการในเวอร์ชันที่ไม่ได้ออกอากาศและฉากพิเศษ รวมถึงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวละคร นักแสดงและเนื้อเรื่อง และยังเปิดโอกาสให้ผู้ชมได้เล่นเกม ช็อปปิ้งออนไลน์ และใช้โซเชียล มีเดีย  ในขณะที่รับชมซีรีส์ได้ในเวลาเดียวกัน
    ในส่วนของอุตสาหกรรมบรอดคาสต์และธุรกิจเกี่ยวเนื่องเช่นการโฆษณาทางโทรทัศน์ และสื่อผสม สปอนเซอร์ก็จะสามารถทำโฆษณาที่เข้าใจง่ายมากขึ้น รวมถึงมีการสื่อสารระหว่างกันแบบอินเตอร์แอกทีฟ และโฆษณาในรูปแบบของเกม ขณะที่บริษัทรีเทลจะสามารถเสนอรายการสินค้าลดราคาพิเศษ และเสนอการช็อปปิ้งต่างๆ ให้แก่ผู้ชม รวมถึงการให้ผู้ชมสามารถสั่งซื้อสินค้า เสื้อผ้าเหมือนที่เห็นในรายการทีวีได้ ซึ่งเป็น M-Commerce ที่มีแนวโน้มดีมานด์ในกลุ่มผู้บริโภคปัจจุบันและรองรับอนาคตได้อีกด้วย โดยแอพพลิชัน Gossip Girl  บน 2nd Screen นี้จะเริ่มเปิดให้ดาวน์โหลดผ่านทาง Apple Store และ Play Storeในวันที่ 1 กรกฎาคม 2558
++ลุยโฮมช็อปปิ้ง
    ไม่เพียงเท่านี้  อินทัช มีเดีย ได้เข้าไปร่วมทุนกับบริษัท ฮุนได โฮมช็อปปิ้ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น (ประเทศเกาหลี)ฯ ตั้งบริษัทร่วมทุนในไทยภายใต้ชื่อบริษัท ไฮ ช็อปปิ้ง จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจโฮมช็อปปิ้งในไทย (ดูตารางประกอบ) ทั้งนี้บริษัทร่วมทุนใหม่ ไฮ ช็อปปิ้ง จะมีทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท โดย อินทัช จะถือหุ้น 51% และ ฮุนได โฮมช็อปปิ้ง ถือหุ้น 49% เพื่อประกอบธุรกิจจำหน่ายสินค้าและบริการผ่านสื่อหลากหลายช่องทาง เช่น โทรทัศน์ โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ผ่านทางอินเตอร์เน็ต สิ่งพิมพ์ แค็ตตาล็อก และสื่ออื่นๆ
    อินทัชเชื่อว่าการลงทุนครั้งนี้จะเป็นการสร้างรายได้ใหม่และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับธุรกิจปัจจุบันและอนาคตของกลุ่มอินทัช ที่จะขยายไปสู่ธุรกิจใหม่อื่นๆ เช่น ธุรกิจมีเดีย ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ธุรกิจอีเพย์เมนต์ เป็นต้น รวมทั้งก่อให้เกิด synergy กับกลุ่มอินทัชและเป็นการขยายการลงทุนที่จะทำให้กลุ่มอินทัชมีการเติบโตมากขึ้น
    สำหรับการลงทุน อินทัชจะใช้เงินลงทุนประมาณ 255 ล้านบาท ซึ่งจะชำระเป็นเงินสด โดยแบ่งเป็น 2 งวด ซึ่งอินทัช มีเดีย จะชำระงวดแรกจำนวน 127.50 ล้านบาทภายใน 30 วันนับจากวันที่ลงนามในสัญญา และงวดที่ 2 จะชำระตามการเรียกให้ชำระทุนชำระแล้วเพิ่มเติมของไฮ ช็อปปิ้ง
++อินทัชเข้าลงทุนในเพลย์เบสิส
    ล่าสุด บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) โดยโครงการอินเว้นท์ (InVent) สนับสนุนเงินลงทุนจำนวน 1.54 ล้านดอลลาร์สหรัฯฐ ให้กับบริษัท เพลย์เบสิส พีทีอี ลิมิเต็ดฯ (เพลย์เบสิส) ผู้ให้บริการและพัฒนาระบบการประยุกต์แนวคิดจากเกมไปใช้ประโยชน์ทางด้านอื่นๆ ผ่านสื่อดิจิตอล หรือดิจิตอลเกมมิฟิเคชัน (Digital Gamification) อาทิ เว็บไซต์ และแอพพลิเคชันมือถือ ถือเป็นนวัตกรรมใหม่สำหรับการตลาดยุคดิจิตอลที่จะสร้างการเชื่อมโยงระหว่างแบรนด์และผู้บริโภคให้มีความผูกพันกันมากขึ้น
    อย่างไรก็ตาม นายธนพงษ์ ณ ระนอง ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานบริษัทร่วมทุน บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า    ในยุคดิจิตอลเช่นปัจจุบันผู้บริโภคมีพฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้องค์กรต่างๆ ต้องทำการตลาดที่เข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้เกิดความสนใจในตัวแบรนด์ และนำไปสู่การตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการ ซึ่งอินทัชเล็งเห็นว่าบริษัท เพลย์เบสิส พีทีอี ลิมิเต็ดฯ (Playbasis Pte. Ltd.)  เป็นบริษัทที่มีศักยภาพและประสบการณ์ในด้านการให้บริการแพลตฟอร์มดิจิตอลเกมมิฟิเคชัน ในเว็บไซต์และแอพพลิเคชันบนมือถือที่มีความยืดหยุ่นและพร้อมใช้งานในด้านการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทางโครงการอินเว้นท์ จึงสนับสนุนเงินทุนให้กับเพลย์เบสิส ซึ่งเป็นบริษัทล่าสุดลำดับที่ 6 ที่อินเว้นท์ร่วมลงทุนด้วย
++ต่อจิกซอว์ธุรกิจสู่"มือถือ"
    ขณะที่นายโรเบิร์ต เอส ซีเปด้า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพลย์เบสิส พีทีอี ลิมิเต็ดฯ กล่าวว่า "ผลิตภัณฑ์และบริการที่เพลย์เบสิสนำเสนอแก่กลุ่มผู้ประกอบการและสามารถตอบสนองความต้องการของนักการตลาดได้อย่างครอบคลุมทั่วถึง ซึ่งแพลตฟอร์มเกมถือเป็นเครื่องมือทางการตลาดตัวหนึ่งที่จะช่วยให้ลูกค้าสามารถสื่อสารกับบริษัทได้ตลอดเวลาผ่านแพลตฟอร์มเกมซึ่งลูกค้าจะได้ประโยชน์ในแง่ของการสะสมคะแนนเพื่อแลกสินค้าและบริการต่างๆ เป็นการรักษาฐานลูกค้าให้อยู่กับบริษัทด้วยอีกทางหนึ่ง
    หลังจากที่ได้รับทุนสนับสนุน เพลย์เบสิสจะเดินหน้าขยายฐานลูกค้าและกลุ่มคู่ค้าเพิ่มขึ้น อาทิ กลุ่มโรงแรม ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ร้านอาหาร รวมทั้งทำกิจกรรมทางการตลาด พัฒนาแพลตฟอร์มรูปแบบอื่นๆ ที่จะสามารถตอบสนองความต้องการของนักการตลาดได้อย่างทั่วถึง  และขยายทีมงานเพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการให้บริการ
    สำหรับเพลย์เบสิส เป็นบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นในประเทศสิงคโปร์ เมื่อปี 2555 เริ่มดำเนินธุรกิจจากการสนับสนุนของกลุ่มเงินทุนชั้นนำ อาทิ  Ardent Capital และ 500 Startups โดยมีออฟฟิศหลักอยู่ในประเทศไทย การเข้ามาทำธุรกิจในไทยนั้น มองว่าตลาดไทยเป็นตลาดที่มีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้น  และมีจำนวนชั่วโมงที่ใช้อินเตอร์เน็ตเพิ่มขึ้น จากสถิติปี 2557 เฉลี่ยถึงวันละ 7.2 ชั่วโมง จากประชากรทั้งหมด 65 ล้านคน และมีผู้ใช้สมาร์ทโฟนมากถึง 40 ล้านเครื่อง  ส่วนกลุ่มคนเจเนอเรชันวาย "Gen Y" ที่มีอายุตั้งแต่ 18-35 ปี จะเป็นกลุ่มที่ใช้แอพพลิเคชันมากที่สุด และเป็นคนที่อยู่ในวัยทำงานที่สนใจสิ่งใหม่ๆ คนกลุ่มนี้จึงเป็นกลุ่มเป้าหมายของเกมมิฟิเคชัน
    การรุกธุรกิจมีเดีย และดิจิตอลคอนเทนต์ของกลุ่มอินทัชครั้งนี้ถือว่ามีนัยสำคัญ แม้จะใช้เงินลงทุนไม่สูงมากนัก แต่ธุรกิจคอนเทนต์เหล่านี้สามารถต่อธุรกิจไปยัง "มือถือ" ได้เป็นอย่างดี เพราะ ณ ขณะนี้ "มือถือ" คืออุปกรณ์ที่ใช้นิ้วโป้งสัมผัสเพียงนิ้วเดียวรับรู้ข้อมูลทุกสิ่งทุกอย่างได้บนโลกใบนี้

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,065 วันที่ 28 มิถุนายน - 1 กรกฎาคม  พ.ศ. 2558


http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=283428:2015-06-26-09-45-48&catid=123:2009-02-08-11-44-33&Itemid=491#.VaiZbmBAeuw

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.