01 สิงหาคม 2558 (บทความ) 'ทีโอที'ไก่ได้พลอย // หากทีโอทีจะนำเอาทรัพย์สินโครงข่ายเหล่านี้ไปให้บริการ หรือ Operate ต่อ ก็ไม่รู้ฝ่ายบริหารทีโอที "ฝันกลางวัน" กันไปหรือไงถึงคาดหวังถึงขั้นจะให้บริษัทเอกชนต้องโอนทรัพย์สินให้แม้กระทั่งระบบบิลลิ่ง ระบบบัญชีและระบบประมวลผล CRM ที่ถือเป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจของเขา
ประเด็นหลัก
หากทีโอทีจะนำเอาทรัพย์สินโครงข่ายเหล่านี้ไปให้บริการ หรือ Operate ต่อ ก็ไม่รู้ฝ่ายบริหารทีโอที "ฝันกลางวัน" กันไปหรือไงถึงคาดหวังถึงขั้นจะให้บริษัทเอกชนต้องโอนทรัพย์สินให้แม้กระทั่งระบบบิลลิ่ง ระบบบัญชีและระบบประมวลผล CRM ที่ถือเป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจของเขา ก็หากคิดไปไกลถึงขั้นนั้นก็น่าจะเหลียวมองไปถึงคู่สัญญาสัมปทานอื่นๆ อย่างโทรศัพท์พื้นฐาน Fixed Line ของบริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่นด้วยว่าเขาส่งมอบทรัพย์สินเหล่านี้ด้วยหรือไม่ หรือส่งมอบทรัพย์สินอะไรมาให้รัฐบ้าง
____________________________
'ทีโอที'ไก่ได้พลอย
องค์กรทีโอทีมีศักยภาพที่สามารถจะนำไปหาตลาดเองได้มากน้อยแค่ไหน หาไม่แล้วมันก็ไม่ต่างไปจาก"ไก่ได้พลอย"
เรื่องของบริษัท ทีโอที จำกัด(มหาชน) ที่อยู่ระหว่างการลุ้นระทึกกับแผนฟื้นฟูกิจการตามคำสั่งของ "คณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ"หรือ "ซูเปอร์บอร์ด" หลังจากกินบุญเก่าจากค่าต๋งสัมปทานมานาน และกำลังจะหมดลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
แม้หลายฝ่ายจะแสดงความกังวลต่ออนาคตองค์กรนี้ที่ยังมองไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ เพราะแม้จะได้รับการจัดสรรคลื่นความถี่ 3 จีมาตั้งแต่ปีมะโว้ แต่ก็ไม่สามารถจะนำคลื่นความถี่ ที่ถือเป็นขุมทรัพย์แห่งทศวรรษนี้ไปแสวงหาประโยชน์ หรือสร้างมูลค่าเพิ่มใดๆ ให้กับองค์กรได้
แผนลงทุนขยายเครือข่าย 3 จีและแสวงหาพันธมิตรธุรกิจเข้ามาร่วมให้บริการโครงข่ายเสมือน (MVNO) ก็"แป๊ก" เหลวไม่เป็นท่า เปิดโครงการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ADSL โครงการไอพีทีวี รุกธุรกิจสื่อสารไร้สายอะไรต่อมิอะไรมาก่อนใคร
แต่สุดท้ายก็กลับล้มเหลวไปเสียหมด ขณะแผนโครงสร้างองค์กรและแสวงหาพันธมิตรธุรกิจที่นัยว่าจะเป็นอนาคตขององค์กร ที่บอร์ดและฝ่ายบริหารทีโอทีตีปี๊บจะทำให้ทีโอทีพลิกโฉมหน้าแข่งขันกับภาคเอกชนได้อย่างไม่สะท้านนั้น จนวันนี้ก็ยังยักแย่ยักยันไม่ไปไหน
จนล่าสุด นายพรชัย รุจิประภา รมว.ไอซีที ถึงกับฟิวส์ขาด สั่งให้ฝ่ายบริหารทีโอที เร่งจัดทำแผนฟื้นฟูและลดค่าใช้จ่ายองค์กรตามมติของคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ(คนร.)เพื่อไม่ให้ทีโอทีต้องประสบชะตากรรมขาดทุนบักโกรกไปถึง 12,000 ล้านในปีนี้ และ 20,000 ล้านในปี 2559
แต่ดูเหมือนความคาดหวังของฝ่ายบริหารทีโอทีในเวลานี้ คงกำลังฝันหวานแต่กับการจะนำเอาทรัพย์สินโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่และโทรพื้นฐานที่จะได้รับมอบคืนจากเอกชนคู่สัญญาสัมปทานที่กำลังจะหมดสัมปทาน ซึ่งนัยว่ามีมูลค่ารวมกว่า 200,000 ล้านบาท หวังเอาไปทำมาหากิน "ตามบทถนัด" วันๆ จึงเห็นบอร์ดและฝ่ายบริหารทีโอทีเอาแต่ตีปี๊บกำลังเร่งส่งทีมตรวจรับเฉพาะกิจนับ 100 ชุดลงพื้นที่ตรวจนับเสาและอุปกรณ์โทรคมนาคมเหล่านี้
พร้อมว่าจ้างที่ปรึกษาเข้ามาร่วมตรวจสอบประเมินสินทรัพย์เหล่านี้กันให้จ้าละหวั่น โดยเฉพาะโครงข่ายและอุปกรณ์โทรคมนาคมที่ค่าย"เอไอเอส" ส่งมอบมาให้ที่นัยว่ามีมูลค่ากว่า 170,000 ล้านบาท แต่กระนั้นดูเหมือนคนทีโอทีจะยังออกมา "ตีปลาหน้าไซ"ว่า เอกชนคู่สัญญายังส่งมอบทรัพย์สินให้ไม่ครบตามสัญญา เพราะยังไม่ส่งมอบระบบบิลลิ่ง ระบบประมวลผล CRM รวมทั้งระบบบัญชีที่จะต้องมาเริ่มต้นนับ 1 ใหม่
หากทีโอทีจะนำเอาทรัพย์สินโครงข่ายเหล่านี้ไปให้บริการ หรือ Operate ต่อ ก็ไม่รู้ฝ่ายบริหารทีโอที "ฝันกลางวัน" กันไปหรือไงถึงคาดหวังถึงขั้นจะให้บริษัทเอกชนต้องโอนทรัพย์สินให้แม้กระทั่งระบบบิลลิ่ง ระบบบัญชีและระบบประมวลผล CRM ที่ถือเป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจของเขา ก็หากคิดไปไกลถึงขั้นนั้นก็น่าจะเหลียวมองไปถึงคู่สัญญาสัมปทานอื่นๆ อย่างโทรศัพท์พื้นฐาน Fixed Line ของบริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่นด้วยว่าเขาส่งมอบทรัพย์สินเหล่านี้ด้วยหรือไม่ หรือส่งมอบทรัพย์สินอะไรมาให้รัฐบ้าง
เพราะบทเรียนกรณีของบริษัท กสทโทรคมนาคม จำกัด(มหาชน)รัฐวิสาหกิจใกล้บ้านที่ได้รับมอบทรัพย์สินโครงข่ายมือถือ 1800MHz หลังสิ้นสุดสัญญาสัมปทานจากกลุ่มบริษัทเอกชนรายนี้มาเมื่อ 2 ปีก่อนนั้น นัยว่าจนป่านนี้ยังเคลียร์หน้าเสื่อกันไม่เสร็จ ยังฟ้องร้องกันอิรุงตุงนังกันอยู่เลย
ที่สำคัญระวังจะเจอบทเรียนแบบสัมปทานเคเบิลทีวีของอสทม.ที่บริษัทเอกชนคู่สัญญาเล่นแร่แปรธาตุทำทีส่งมอบกล่องและอุปกรณ์แพร่ภาพที่มีมูลค่านับพันล้านมาซะดิบดี แต่กลับมุบมิบซูเอี๋ยกับคนในอสมท.อ้างว่าอุปกรณ์ที่ได้รับมอบมาเหล่านี้ล้าสมัย ไม่เหมาะสมกับระบบแพร่ภาพที่องค์กรมีอยู่ ก่อนจะมุบมิบๆ ตั้งแท่นขายคืนกลับไปให้บริษัทเอกชนในราคาจิ๊บจ๊อยแค่ 200 ล้านบาทเศษ
ไม่รู้ป่านนี้คนในอสมท.ตื่นจากภวังค์กันหรือยังกับเรื่องนี้ กับความคาดหวังที่คนทีโอทีหวังจะนำเอาทรัพย์สินเครือข่ายโทรคมนาคมที่ได้รับมอบมาเหล่านี้ ไปทำมาหากิน หรือนำไปปล่อยเช่าเก็บค่าต๋งอะไรนั้น ระวังมันจะกลายเป็น "ดาบ 2 คม" ที่ทำเอาทีโอทีกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเอาอีก อย่าลืมว่าอุปกรณ์โครงข่ายโทรคมนาคมที่ได้รับมอบมาเหล่านี้ แม้จะมีมูลค่านับแสนล้าน แต่ก็ใช่จะอยู่ในสภาพที่ถูก "โมดิฟาย" มาซะเช้งวับเสียดิบดี อุปกรณ์เหล่านี้ยังไงเสียก็ต้องมีการบำรุงรักษาหรือถึงขั้นอาจต้องยกเครื่องใหม่เสียด้วยซ้ำ
แต่ที่แน่ๆการจะนำเอาทรัพย์สินอุปกรณ์เหล่านี้ไปใช้งานได้นั้น ทีโอทียังต้องลงทุนวางระบบบิลลิ่ง บัญชี ระบบประมวลผล CRM ชุดใหม่แน่ และยังต้องกลับไปดูตัวเองด้วยว่าองค์กรทีโอทีมีศักยภาพที่สามารถจะนำไปหาตลาดเองได้มากน้อยแค่ไหน หาไม่แล้วมันก็ไม่ต่างไปจาก"ไก่ได้พลอย"ดีๆ นี่เอง
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/655077
หากทีโอทีจะนำเอาทรัพย์สินโครงข่ายเหล่านี้ไปให้บริการ หรือ Operate ต่อ ก็ไม่รู้ฝ่ายบริหารทีโอที "ฝันกลางวัน" กันไปหรือไงถึงคาดหวังถึงขั้นจะให้บริษัทเอกชนต้องโอนทรัพย์สินให้แม้กระทั่งระบบบิลลิ่ง ระบบบัญชีและระบบประมวลผล CRM ที่ถือเป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจของเขา ก็หากคิดไปไกลถึงขั้นนั้นก็น่าจะเหลียวมองไปถึงคู่สัญญาสัมปทานอื่นๆ อย่างโทรศัพท์พื้นฐาน Fixed Line ของบริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่นด้วยว่าเขาส่งมอบทรัพย์สินเหล่านี้ด้วยหรือไม่ หรือส่งมอบทรัพย์สินอะไรมาให้รัฐบ้าง
____________________________
'ทีโอที'ไก่ได้พลอย
องค์กรทีโอทีมีศักยภาพที่สามารถจะนำไปหาตลาดเองได้มากน้อยแค่ไหน หาไม่แล้วมันก็ไม่ต่างไปจาก"ไก่ได้พลอย"
เรื่องของบริษัท ทีโอที จำกัด(มหาชน) ที่อยู่ระหว่างการลุ้นระทึกกับแผนฟื้นฟูกิจการตามคำสั่งของ "คณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ"หรือ "ซูเปอร์บอร์ด" หลังจากกินบุญเก่าจากค่าต๋งสัมปทานมานาน และกำลังจะหมดลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
แม้หลายฝ่ายจะแสดงความกังวลต่ออนาคตองค์กรนี้ที่ยังมองไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ เพราะแม้จะได้รับการจัดสรรคลื่นความถี่ 3 จีมาตั้งแต่ปีมะโว้ แต่ก็ไม่สามารถจะนำคลื่นความถี่ ที่ถือเป็นขุมทรัพย์แห่งทศวรรษนี้ไปแสวงหาประโยชน์ หรือสร้างมูลค่าเพิ่มใดๆ ให้กับองค์กรได้
แผนลงทุนขยายเครือข่าย 3 จีและแสวงหาพันธมิตรธุรกิจเข้ามาร่วมให้บริการโครงข่ายเสมือน (MVNO) ก็"แป๊ก" เหลวไม่เป็นท่า เปิดโครงการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ADSL โครงการไอพีทีวี รุกธุรกิจสื่อสารไร้สายอะไรต่อมิอะไรมาก่อนใคร
แต่สุดท้ายก็กลับล้มเหลวไปเสียหมด ขณะแผนโครงสร้างองค์กรและแสวงหาพันธมิตรธุรกิจที่นัยว่าจะเป็นอนาคตขององค์กร ที่บอร์ดและฝ่ายบริหารทีโอทีตีปี๊บจะทำให้ทีโอทีพลิกโฉมหน้าแข่งขันกับภาคเอกชนได้อย่างไม่สะท้านนั้น จนวันนี้ก็ยังยักแย่ยักยันไม่ไปไหน
จนล่าสุด นายพรชัย รุจิประภา รมว.ไอซีที ถึงกับฟิวส์ขาด สั่งให้ฝ่ายบริหารทีโอที เร่งจัดทำแผนฟื้นฟูและลดค่าใช้จ่ายองค์กรตามมติของคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ(คนร.)เพื่อไม่ให้ทีโอทีต้องประสบชะตากรรมขาดทุนบักโกรกไปถึง 12,000 ล้านในปีนี้ และ 20,000 ล้านในปี 2559
แต่ดูเหมือนความคาดหวังของฝ่ายบริหารทีโอทีในเวลานี้ คงกำลังฝันหวานแต่กับการจะนำเอาทรัพย์สินโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่และโทรพื้นฐานที่จะได้รับมอบคืนจากเอกชนคู่สัญญาสัมปทานที่กำลังจะหมดสัมปทาน ซึ่งนัยว่ามีมูลค่ารวมกว่า 200,000 ล้านบาท หวังเอาไปทำมาหากิน "ตามบทถนัด" วันๆ จึงเห็นบอร์ดและฝ่ายบริหารทีโอทีเอาแต่ตีปี๊บกำลังเร่งส่งทีมตรวจรับเฉพาะกิจนับ 100 ชุดลงพื้นที่ตรวจนับเสาและอุปกรณ์โทรคมนาคมเหล่านี้
พร้อมว่าจ้างที่ปรึกษาเข้ามาร่วมตรวจสอบประเมินสินทรัพย์เหล่านี้กันให้จ้าละหวั่น โดยเฉพาะโครงข่ายและอุปกรณ์โทรคมนาคมที่ค่าย"เอไอเอส" ส่งมอบมาให้ที่นัยว่ามีมูลค่ากว่า 170,000 ล้านบาท แต่กระนั้นดูเหมือนคนทีโอทีจะยังออกมา "ตีปลาหน้าไซ"ว่า เอกชนคู่สัญญายังส่งมอบทรัพย์สินให้ไม่ครบตามสัญญา เพราะยังไม่ส่งมอบระบบบิลลิ่ง ระบบประมวลผล CRM รวมทั้งระบบบัญชีที่จะต้องมาเริ่มต้นนับ 1 ใหม่
หากทีโอทีจะนำเอาทรัพย์สินโครงข่ายเหล่านี้ไปให้บริการ หรือ Operate ต่อ ก็ไม่รู้ฝ่ายบริหารทีโอที "ฝันกลางวัน" กันไปหรือไงถึงคาดหวังถึงขั้นจะให้บริษัทเอกชนต้องโอนทรัพย์สินให้แม้กระทั่งระบบบิลลิ่ง ระบบบัญชีและระบบประมวลผล CRM ที่ถือเป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจของเขา ก็หากคิดไปไกลถึงขั้นนั้นก็น่าจะเหลียวมองไปถึงคู่สัญญาสัมปทานอื่นๆ อย่างโทรศัพท์พื้นฐาน Fixed Line ของบริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่นด้วยว่าเขาส่งมอบทรัพย์สินเหล่านี้ด้วยหรือไม่ หรือส่งมอบทรัพย์สินอะไรมาให้รัฐบ้าง
เพราะบทเรียนกรณีของบริษัท กสทโทรคมนาคม จำกัด(มหาชน)รัฐวิสาหกิจใกล้บ้านที่ได้รับมอบทรัพย์สินโครงข่ายมือถือ 1800MHz หลังสิ้นสุดสัญญาสัมปทานจากกลุ่มบริษัทเอกชนรายนี้มาเมื่อ 2 ปีก่อนนั้น นัยว่าจนป่านนี้ยังเคลียร์หน้าเสื่อกันไม่เสร็จ ยังฟ้องร้องกันอิรุงตุงนังกันอยู่เลย
ที่สำคัญระวังจะเจอบทเรียนแบบสัมปทานเคเบิลทีวีของอสทม.ที่บริษัทเอกชนคู่สัญญาเล่นแร่แปรธาตุทำทีส่งมอบกล่องและอุปกรณ์แพร่ภาพที่มีมูลค่านับพันล้านมาซะดิบดี แต่กลับมุบมิบซูเอี๋ยกับคนในอสมท.อ้างว่าอุปกรณ์ที่ได้รับมอบมาเหล่านี้ล้าสมัย ไม่เหมาะสมกับระบบแพร่ภาพที่องค์กรมีอยู่ ก่อนจะมุบมิบๆ ตั้งแท่นขายคืนกลับไปให้บริษัทเอกชนในราคาจิ๊บจ๊อยแค่ 200 ล้านบาทเศษ
ไม่รู้ป่านนี้คนในอสมท.ตื่นจากภวังค์กันหรือยังกับเรื่องนี้ กับความคาดหวังที่คนทีโอทีหวังจะนำเอาทรัพย์สินเครือข่ายโทรคมนาคมที่ได้รับมอบมาเหล่านี้ ไปทำมาหากิน หรือนำไปปล่อยเช่าเก็บค่าต๋งอะไรนั้น ระวังมันจะกลายเป็น "ดาบ 2 คม" ที่ทำเอาทีโอทีกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเอาอีก อย่าลืมว่าอุปกรณ์โครงข่ายโทรคมนาคมที่ได้รับมอบมาเหล่านี้ แม้จะมีมูลค่านับแสนล้าน แต่ก็ใช่จะอยู่ในสภาพที่ถูก "โมดิฟาย" มาซะเช้งวับเสียดิบดี อุปกรณ์เหล่านี้ยังไงเสียก็ต้องมีการบำรุงรักษาหรือถึงขั้นอาจต้องยกเครื่องใหม่เสียด้วยซ้ำ
แต่ที่แน่ๆการจะนำเอาทรัพย์สินอุปกรณ์เหล่านี้ไปใช้งานได้นั้น ทีโอทียังต้องลงทุนวางระบบบิลลิ่ง บัญชี ระบบประมวลผล CRM ชุดใหม่แน่ และยังต้องกลับไปดูตัวเองด้วยว่าองค์กรทีโอทีมีศักยภาพที่สามารถจะนำไปหาตลาดเองได้มากน้อยแค่ไหน หาไม่แล้วมันก็ไม่ต่างไปจาก"ไก่ได้พลอย"ดีๆ นี่เอง
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/655077
ไม่มีความคิดเห็น: