27 กันยายน 2558 สุวัฒน์ อินมุตโต ระบุมูลค่าการใช้งานวิทยุสื่อสารแบบดิจิทัล (Push to Talk) ทั่วโลกมีกว่า 3.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ เฉพาะในไทยปีที่ผ่านมา มีการจัดซื้อวิทยุสื่อสารแอนะล็อก และ Trunk Radio กว่า 1,200 ล้านบาท
ประเด็นหลัก
"สุวัฒน์ อินมุตโต" กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินฟอร์เมติกซ์ พลัส จำกัด บริษัทในเครือ บมจ.ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย (UPA) กล่าวว่า มูลค่าการใช้งานวิทยุสื่อสารแบบดิจิทัล (Push to Talk) ทั่วโลกมีกว่า 3.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ เฉพาะในไทยปีที่ผ่านมา มีการจัดซื้อวิทยุสื่อสารแอนะล็อก และ Trunk Radio กว่า 1,200 ล้านบาท
ขณะที่ความครอบคลุมของโครงข่าย 3G/4G เพิ่มขึ้นมาก มีผู้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตแล้วกว่า 45 ล้านคน สมาร์ทโฟนถูกลงเพียง 1,500 บาท ก็ใช้โมบายอินเทอร์เน็ตได้ทำให้การสื่อสารผ่านแอปเป็นเรื่องใกล้ตัว การซื้อ Mobile Commu-nication Platfrom ที่ให้บริการบนแอปพลิเคชั่น "Mozer" จึงต่อยอดธุรกิจได้มากขึ้น
_______________________________
"Mozer" วิทยุสื่อสารแบบดิจิทัล
เป็นที่คุ้นตามานานสำหรับวิทยุสื่อสาร หรือ "วอล์กกี้-ทอล์กกี้" ที่ใช้เพื่อการสื่อสารเฉพาะกลุ่ม อาทิ ในการกู้ภัย หรือการทำงานภาคสนาม แต่เดิมต้องใช้คลื่นความถี่แต่เมื่อก้าวสู่ยุคดิจิทัล การสื่อสารเฉพาะกลุ่มด้วยเสียงก็มีหลากหลายรูปแบบผ่านอินเทอร์เน็ต แต่ยังมีข้อจำกัดด้วยความเร็วของเน็ตที่ใช้ ล่าสุดนักพัฒนาคนไทยนำฟังก์ชั่นวิทยุสื่อสารแบบ Push to Talk แอนะล็อกมาผสมกับดิจิทัล กลายเป็นแอปพลิเคชั่น "Mozer"
"เอกลักษณ์ จันทร์ชิดฟ้า" กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีออฟฟิศ ออนไลน์ จำกัด ผู้พัฒนา Mozer กล่าวว่า ใช้เวลาพัฒนา 2-3 ปี มีจุดเริ่มต้นจากการออกทริปขับรถเป็นกลุ่มไปต่างจังหวัด แล้วสื่อสารกันลำบาก ด้วยวิทยุสื่อสารมีข้อจำกัดด้านระยะทาง ตัวเครื่องราคาสูงและใช้งานยาก ขณะที่สมาร์ทโฟนหลายคนมีอยู่แล้ว แต่แอปพลิเคชั่นส่วนใหญ่ที่มีมักเป็นการสื่อสารแบบหนึ่งคนต่อหนึ่งคนเท่านั้น
"โจทย์จึงอยู่ที่จะสร้างแอปให้สื่อสารได้พร้อมกันหลายคนโดยใช้แบนด์วิดท์อินเทอร์เน็ตเชื่อมต่อน้อยมีความปลอดภัยสูงจนเกิดเป็นแอป Mozer ที่ใช้งานได้บนโมบายอินเทอร์เน็ตความเร็วระดับ EDGE ก็ส่งได้ทั้งภาพและเสียงได้คมชัดกว่าแอปฟรีทั่วไป ป้องกันการดักฟังด้วยมาตรฐานเทียบเท่าการทําธุรกรรมทางธนาคารออนไลน์ รองรับทั้งไอโอเอส และแอนดรอยด์ มีระบบควบคุมผู้ใช้งานด้วยการจัดกลุ่ม กำหนดสิทธิ์เข้าถึงได้อิสระตามที่องค์กรต้องการ นำข้อมูลไปประมวลผลและวิเคราะห์ในรูปแบบต่าง ๆ ได้ ซึ่งมีระบบ Voice Over Ip หรือ Free Security Call ทั้งยังเชื่อมต่อกับระบบ IP Phone ขององค์กรได้ด้วย"
ล่าสุดบริษัทอินฟอร์เมติกซ์ พลัส เข้ามาซื้อเทคโนโลยีนี้ไปต่อยอดทางธุรกิจแล้ว ด้วยมูลค่าที่ไม่สามารถเปิดเผยได้
"สุวัฒน์ อินมุตโต" กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินฟอร์เมติกซ์ พลัส จำกัด บริษัทในเครือ บมจ.ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย (UPA) กล่าวว่า มูลค่าการใช้งานวิทยุสื่อสารแบบดิจิทัล (Push to Talk) ทั่วโลกมีกว่า 3.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ เฉพาะในไทยปีที่ผ่านมา มีการจัดซื้อวิทยุสื่อสารแอนะล็อก และ Trunk Radio กว่า 1,200 ล้านบาท
ขณะที่ความครอบคลุมของโครงข่าย 3G/4G เพิ่มขึ้นมาก มีผู้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตแล้วกว่า 45 ล้านคน สมาร์ทโฟนถูกลงเพียง 1,500 บาท ก็ใช้โมบายอินเทอร์เน็ตได้ทำให้การสื่อสารผ่านแอปเป็นเรื่องใกล้ตัว การซื้อ Mobile Commu-nication Platfrom ที่ให้บริการบนแอปพลิเคชั่น "Mozer" จึงต่อยอดธุรกิจได้มากขึ้น
โดยจะเข้าไปทำตลาดองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งในรูปแบบเช่าใช้แอปพลิเคชั่นและขายทั้งโซลูชั่น หรือใช้งานเฉพาะโปรเจ็กต์ คาดว่าจะสร้างรายได้ให้ถึง 500 ล้านบาท และในสิ้นปีจะเริ่มในเวียดนามและอินโดนีเซีย เตรียมงบฯ พัฒนาต่อยอดและทำตลาดกว่า 170 ล้านบาท
คงต้องจับตาว่า "อีออฟฟิศ ออนไลน์" จะคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ อะไรออกมาได้อีกให้สมกับที่มีอดีตรมว.กระทรวงไอซีที "น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ" เป็นหนึ่งในที่ปรึกษา
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1443071933
"สุวัฒน์ อินมุตโต" กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินฟอร์เมติกซ์ พลัส จำกัด บริษัทในเครือ บมจ.ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย (UPA) กล่าวว่า มูลค่าการใช้งานวิทยุสื่อสารแบบดิจิทัล (Push to Talk) ทั่วโลกมีกว่า 3.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ เฉพาะในไทยปีที่ผ่านมา มีการจัดซื้อวิทยุสื่อสารแอนะล็อก และ Trunk Radio กว่า 1,200 ล้านบาท
ขณะที่ความครอบคลุมของโครงข่าย 3G/4G เพิ่มขึ้นมาก มีผู้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตแล้วกว่า 45 ล้านคน สมาร์ทโฟนถูกลงเพียง 1,500 บาท ก็ใช้โมบายอินเทอร์เน็ตได้ทำให้การสื่อสารผ่านแอปเป็นเรื่องใกล้ตัว การซื้อ Mobile Commu-nication Platfrom ที่ให้บริการบนแอปพลิเคชั่น "Mozer" จึงต่อยอดธุรกิจได้มากขึ้น
_______________________________
"Mozer" วิทยุสื่อสารแบบดิจิทัล
เป็นที่คุ้นตามานานสำหรับวิทยุสื่อสาร หรือ "วอล์กกี้-ทอล์กกี้" ที่ใช้เพื่อการสื่อสารเฉพาะกลุ่ม อาทิ ในการกู้ภัย หรือการทำงานภาคสนาม แต่เดิมต้องใช้คลื่นความถี่แต่เมื่อก้าวสู่ยุคดิจิทัล การสื่อสารเฉพาะกลุ่มด้วยเสียงก็มีหลากหลายรูปแบบผ่านอินเทอร์เน็ต แต่ยังมีข้อจำกัดด้วยความเร็วของเน็ตที่ใช้ ล่าสุดนักพัฒนาคนไทยนำฟังก์ชั่นวิทยุสื่อสารแบบ Push to Talk แอนะล็อกมาผสมกับดิจิทัล กลายเป็นแอปพลิเคชั่น "Mozer"
"เอกลักษณ์ จันทร์ชิดฟ้า" กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีออฟฟิศ ออนไลน์ จำกัด ผู้พัฒนา Mozer กล่าวว่า ใช้เวลาพัฒนา 2-3 ปี มีจุดเริ่มต้นจากการออกทริปขับรถเป็นกลุ่มไปต่างจังหวัด แล้วสื่อสารกันลำบาก ด้วยวิทยุสื่อสารมีข้อจำกัดด้านระยะทาง ตัวเครื่องราคาสูงและใช้งานยาก ขณะที่สมาร์ทโฟนหลายคนมีอยู่แล้ว แต่แอปพลิเคชั่นส่วนใหญ่ที่มีมักเป็นการสื่อสารแบบหนึ่งคนต่อหนึ่งคนเท่านั้น
"โจทย์จึงอยู่ที่จะสร้างแอปให้สื่อสารได้พร้อมกันหลายคนโดยใช้แบนด์วิดท์อินเทอร์เน็ตเชื่อมต่อน้อยมีความปลอดภัยสูงจนเกิดเป็นแอป Mozer ที่ใช้งานได้บนโมบายอินเทอร์เน็ตความเร็วระดับ EDGE ก็ส่งได้ทั้งภาพและเสียงได้คมชัดกว่าแอปฟรีทั่วไป ป้องกันการดักฟังด้วยมาตรฐานเทียบเท่าการทําธุรกรรมทางธนาคารออนไลน์ รองรับทั้งไอโอเอส และแอนดรอยด์ มีระบบควบคุมผู้ใช้งานด้วยการจัดกลุ่ม กำหนดสิทธิ์เข้าถึงได้อิสระตามที่องค์กรต้องการ นำข้อมูลไปประมวลผลและวิเคราะห์ในรูปแบบต่าง ๆ ได้ ซึ่งมีระบบ Voice Over Ip หรือ Free Security Call ทั้งยังเชื่อมต่อกับระบบ IP Phone ขององค์กรได้ด้วย"
ล่าสุดบริษัทอินฟอร์เมติกซ์ พลัส เข้ามาซื้อเทคโนโลยีนี้ไปต่อยอดทางธุรกิจแล้ว ด้วยมูลค่าที่ไม่สามารถเปิดเผยได้
"สุวัฒน์ อินมุตโต" กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินฟอร์เมติกซ์ พลัส จำกัด บริษัทในเครือ บมจ.ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย (UPA) กล่าวว่า มูลค่าการใช้งานวิทยุสื่อสารแบบดิจิทัล (Push to Talk) ทั่วโลกมีกว่า 3.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ เฉพาะในไทยปีที่ผ่านมา มีการจัดซื้อวิทยุสื่อสารแอนะล็อก และ Trunk Radio กว่า 1,200 ล้านบาท
ขณะที่ความครอบคลุมของโครงข่าย 3G/4G เพิ่มขึ้นมาก มีผู้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตแล้วกว่า 45 ล้านคน สมาร์ทโฟนถูกลงเพียง 1,500 บาท ก็ใช้โมบายอินเทอร์เน็ตได้ทำให้การสื่อสารผ่านแอปเป็นเรื่องใกล้ตัว การซื้อ Mobile Commu-nication Platfrom ที่ให้บริการบนแอปพลิเคชั่น "Mozer" จึงต่อยอดธุรกิจได้มากขึ้น
โดยจะเข้าไปทำตลาดองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งในรูปแบบเช่าใช้แอปพลิเคชั่นและขายทั้งโซลูชั่น หรือใช้งานเฉพาะโปรเจ็กต์ คาดว่าจะสร้างรายได้ให้ถึง 500 ล้านบาท และในสิ้นปีจะเริ่มในเวียดนามและอินโดนีเซีย เตรียมงบฯ พัฒนาต่อยอดและทำตลาดกว่า 170 ล้านบาท
คงต้องจับตาว่า "อีออฟฟิศ ออนไลน์" จะคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ อะไรออกมาได้อีกให้สมกับที่มีอดีตรมว.กระทรวงไอซีที "น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ" เป็นหนึ่งในที่ปรึกษา
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1443071933
ไม่มีความคิดเห็น: