08 กุมภาพันธ์ 2559 กสทช. การหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อจัดตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลระบบการชำระเงินผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Mobile Payment) เนื่องจากในปัจจุบันการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
ประเด็นหลัก
________________________________
นายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร รองเลขาธิการ กสทช.สายงานกิจการโทรคมนาคม เปิดเผยว่า สำนักงาน กสทช.อยู่ระหว่างการหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อจัดตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลระบบการชำระเงินผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Mobile Payment) เนื่องจากในปัจจุบันการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะการชำระค่าสินค้าและบริการ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าหน่วยงานใดจะเป็นหน่วยงานหลักในการดูแลและคุ้มครองผู้บริโภค หากเกิดความเสียหายจากการใช้เงินที่อยู่ในซิมและชำระค่าสินค้าและบริการผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่
ปัจจุบัน Mobile Payment ในประเทศไทยอยู่ภายในกรอบการดูแลของ ธปท. ภายใต้พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2551 ซึ่งอยู่ในส่วนของบริการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านอุปกรณ์อย่างหนึ่งอย่างใด โดยจะเน้นเรื่องธุรกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการเงินของธนาคารพาณิชย์เป็นหลัก แต่ปัจจุบันนวัตกรรมทางการเงินและการใช้ช่องทางของโทรศัพท์เคลื่อนที่ในการให้บริการมีรูปแบบใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น มีการเติมเงินในซิมโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการ รวมทั้งเปลี่ยนจากเงินในซิมเป็นแต้มเพื่อแลกซื้อสินค้า ซึ่งในแต่ละวันจะมีประชาชนเติมเงินในซิมโทรศัพท์เคลื่อนที่จำนวนมาก โดยปัจจุบันมีผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินกว่า 80 ล้านเบอร์ หากมีการเติมเงินซิมละ 50 บาท เท่ากับจะมีเงินที่เข้าไปอยู่ในซิมรวมทั้งสิ้นวันละ 400 ล้านบาท
________________________________
กสทช.ผนึกแบงก์ชาติคุมโมบายล์เพย์เมนต์
สำนักงาน กสทช.จับมือแบงก์ชาติดูแลเงินในซิมของประชาชนและการชำระเงินผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค
นายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร รองเลขาธิการ กสทช.สายงานกิจการโทรคมนาคม เปิดเผยว่า สำนักงาน กสทช.อยู่ระหว่างการหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อจัดตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลระบบการชำระเงินผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Mobile Payment) เนื่องจากในปัจจุบันการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะการชำระค่าสินค้าและบริการ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าหน่วยงานใดจะเป็นหน่วยงานหลักในการดูแลและคุ้มครองผู้บริโภค หากเกิดความเสียหายจากการใช้เงินที่อยู่ในซิมและชำระค่าสินค้าและบริการผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่
ปัจจุบัน Mobile Payment ในประเทศไทยอยู่ภายในกรอบการดูแลของ ธปท. ภายใต้พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2551 ซึ่งอยู่ในส่วนของบริการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านอุปกรณ์อย่างหนึ่งอย่างใด โดยจะเน้นเรื่องธุรกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการเงินของธนาคารพาณิชย์เป็นหลัก แต่ปัจจุบันนวัตกรรมทางการเงินและการใช้ช่องทางของโทรศัพท์เคลื่อนที่ในการให้บริการมีรูปแบบใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น มีการเติมเงินในซิมโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการ รวมทั้งเปลี่ยนจากเงินในซิมเป็นแต้มเพื่อแลกซื้อสินค้า ซึ่งในแต่ละวันจะมีประชาชนเติมเงินในซิมโทรศัพท์เคลื่อนที่จำนวนมาก โดยปัจจุบันมีผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินกว่า 80 ล้านเบอร์ หากมีการเติมเงินซิมละ 50 บาท เท่ากับจะมีเงินที่เข้าไปอยู่ในซิมรวมทั้งสิ้นวันละ 400 ล้านบาท
ดังนั้นเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นตามมาในอนาคต จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปกับการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง ธปท. และสำนักงาน กสทช. จึงหารือร่วมกันมาโดยตลอด เพื่อเตรียมความพร้อมของการออกกฎเกณฑ์กำกับดูแลร่วมกันของทั้ง 2 ฝ่ายเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นได้ในเร็วๆ นี้.
http://www.thaipost.net/?q=กสทชผนึกแบงก์ชาติคุมโมบายล์เพย์เมนต์
ไม่มีความคิดเห็น: