07 มีนาคม 2559 Huawei ระบุ ยินดีที่ผู้ให้บริการมือถือในประเทศไทย มีการลงทุนด้าน 4 จี เพิ่มมากขึ้น ถือเป็นกระแสเดียวกับทั่วโลก ที่การลงทุนด้านโครงสร้างโทรคมนาคมจะช่วยพัฒนาให้การสื่อสารดีขึ้น
ประเด็นหลัก
มิสเฉิน ลี่ฟาง รองประธานอาวุโส ฝ่ายองค์กร คณะกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี จำกัด เปิดเผยว่า นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่ผู้ให้บริการมือถือในประเทศไทย มีการลงทุนด้าน 4 จี เพิ่มมากขึ้น ถือเป็นกระแสเดียวกับทั่วโลก ที่การลงทุนด้านโครงสร้างโทรคมนาคมจะช่วยพัฒนาให้การสื่อสารดีขึ้นและสามารถก้าวสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิตอลได้อย่างมั่นคง ซึ่งหัวเว่ยหวังว่าจะมี ส่วนช่วยผลักดันให้ไทยไปสู่จุดหมายดังกล่าว
ทั้งนี้ การเติบโตของธุรกิจหัวเว่ยในไทยเมื่อปีที่ผ่านมา อยู่ในระดับ 20% ส่วนในปีนี้คาดหวังว่าจะเติบโตในอัตราใกล้เคียงกัน โดยคาดว่าจะเติบโตสูงในธุรกิจลูกค้ากลุ่มผู้บริโภค (Consumer) จากความนิยมในสมาร์ทโฟน สมาร์ทวอต์ช (นาฬิกาอัจฉริยะ) และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สวมใส่ได้ ซึ่งสินค้าในกลุ่มนี้จะมีทีมจากทั่วโลกร่วมกันออกแบบ เช่น ที่ประเทศฝรั่งเศสใช้ทีม นักออกแบบที่มาจากแบรนด์ดิออร์ เป็นต้น
____________________________
หัวเว่ยขายกระจายรับ 4 จี
มิสเฉิน ลี่ฟาง รองประธานอาวุโส ฝ่ายองค์กร คณะกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี จำกัด เปิดเผยว่า นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่ผู้ให้บริการมือถือในประเทศไทย มีการลงทุนด้าน 4 จี เพิ่มมากขึ้น ถือเป็นกระแสเดียวกับทั่วโลก ที่การลงทุนด้านโครงสร้างโทรคมนาคมจะช่วยพัฒนาให้การสื่อสารดีขึ้นและสามารถก้าวสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิตอลได้อย่างมั่นคง ซึ่งหัวเว่ยหวังว่าจะมี ส่วนช่วยผลักดันให้ไทยไปสู่จุดหมายดังกล่าว
ทั้งนี้ การเติบโตของธุรกิจหัวเว่ยในไทยเมื่อปีที่ผ่านมา อยู่ในระดับ 20% ส่วนในปีนี้คาดหวังว่าจะเติบโตในอัตราใกล้เคียงกัน โดยคาดว่าจะเติบโตสูงในธุรกิจลูกค้ากลุ่มผู้บริโภค (Consumer) จากความนิยมในสมาร์ทโฟน สมาร์ทวอต์ช (นาฬิกาอัจฉริยะ) และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สวมใส่ได้ ซึ่งสินค้าในกลุ่มนี้จะมีทีมจากทั่วโลกร่วมกันออกแบบ เช่น ที่ประเทศฝรั่งเศสใช้ทีม นักออกแบบที่มาจากแบรนด์ดิออร์ เป็นต้น
โดยขณะนี้มือถือของหัวเว่ย ทำยอดขายได้เป็นอันดับ 3 ของโลก เป็นอันดับ 1 ในประเทศจีน และยอดขายในตลาดใหม่อย่างเมียนมา ก็เติบโตแข็งแกร่งมาก ซึ่งกลยุทธ์ที่จะใช้บุกตลาดภูมิภาคนี้ คือการเน้นตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป็นหลักด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ตลอดจนร่วมมือกับคู่ค้า พันธมิตรในทุกธุรกิจ
ล่าสุด หัวเว่ยยังได้เปิดตัวศูนย์โชว์นวัตกรรม (CSIS) ขึ้นในประเทศไทย เพื่อใช้เป็นสถานที่ในการโชว์นวัตกรรมของหัวเว่ยให้กับลูกค้า คู่ค้า สถาบันการศึกษา รวมทั้งสื่อที่สนใจทำความรู้จักกับเทคโนโลยีใหม่ การใช้งาน รวมทั้งโมเดลทางธุรกิจ
โดยกรุงเทพฯยังเป็นที่แรกของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อันได้แก่ ไทย กัมพูชา ลาว เมียนมา ไต้หวัน ฮ่องกง มาเก๊า อินเดีย เนปาล ศรีลังกา และบังกลาเทศ ที่หัวเว่ยเปิดศูนย์นวัตกรรม ซึ่งจะถือเป็นสำนักงานใหญ่ในภูมิภาคด้วย เพราะมีความเหมาะสม ทั้งด้านการตื่นตัวทางเทคโนโลยีของผู้บริโภค และประเทศไทยยังมีแนวโน้มสูงต่อการก้าวสู่การเป็นประเทศที่ขับเคลื่อนด้วย
ระบบเศรษฐกิจดิจิตอล.
http://www.thairath.co.th/content/600698
มิสเฉิน ลี่ฟาง รองประธานอาวุโส ฝ่ายองค์กร คณะกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี จำกัด เปิดเผยว่า นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่ผู้ให้บริการมือถือในประเทศไทย มีการลงทุนด้าน 4 จี เพิ่มมากขึ้น ถือเป็นกระแสเดียวกับทั่วโลก ที่การลงทุนด้านโครงสร้างโทรคมนาคมจะช่วยพัฒนาให้การสื่อสารดีขึ้นและสามารถก้าวสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิตอลได้อย่างมั่นคง ซึ่งหัวเว่ยหวังว่าจะมี ส่วนช่วยผลักดันให้ไทยไปสู่จุดหมายดังกล่าว
ทั้งนี้ การเติบโตของธุรกิจหัวเว่ยในไทยเมื่อปีที่ผ่านมา อยู่ในระดับ 20% ส่วนในปีนี้คาดหวังว่าจะเติบโตในอัตราใกล้เคียงกัน โดยคาดว่าจะเติบโตสูงในธุรกิจลูกค้ากลุ่มผู้บริโภค (Consumer) จากความนิยมในสมาร์ทโฟน สมาร์ทวอต์ช (นาฬิกาอัจฉริยะ) และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สวมใส่ได้ ซึ่งสินค้าในกลุ่มนี้จะมีทีมจากทั่วโลกร่วมกันออกแบบ เช่น ที่ประเทศฝรั่งเศสใช้ทีม นักออกแบบที่มาจากแบรนด์ดิออร์ เป็นต้น
____________________________
หัวเว่ยขายกระจายรับ 4 จี
มิสเฉิน ลี่ฟาง รองประธานอาวุโส ฝ่ายองค์กร คณะกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี จำกัด เปิดเผยว่า นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่ผู้ให้บริการมือถือในประเทศไทย มีการลงทุนด้าน 4 จี เพิ่มมากขึ้น ถือเป็นกระแสเดียวกับทั่วโลก ที่การลงทุนด้านโครงสร้างโทรคมนาคมจะช่วยพัฒนาให้การสื่อสารดีขึ้นและสามารถก้าวสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิตอลได้อย่างมั่นคง ซึ่งหัวเว่ยหวังว่าจะมี ส่วนช่วยผลักดันให้ไทยไปสู่จุดหมายดังกล่าว
ทั้งนี้ การเติบโตของธุรกิจหัวเว่ยในไทยเมื่อปีที่ผ่านมา อยู่ในระดับ 20% ส่วนในปีนี้คาดหวังว่าจะเติบโตในอัตราใกล้เคียงกัน โดยคาดว่าจะเติบโตสูงในธุรกิจลูกค้ากลุ่มผู้บริโภค (Consumer) จากความนิยมในสมาร์ทโฟน สมาร์ทวอต์ช (นาฬิกาอัจฉริยะ) และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สวมใส่ได้ ซึ่งสินค้าในกลุ่มนี้จะมีทีมจากทั่วโลกร่วมกันออกแบบ เช่น ที่ประเทศฝรั่งเศสใช้ทีม นักออกแบบที่มาจากแบรนด์ดิออร์ เป็นต้น
โดยขณะนี้มือถือของหัวเว่ย ทำยอดขายได้เป็นอันดับ 3 ของโลก เป็นอันดับ 1 ในประเทศจีน และยอดขายในตลาดใหม่อย่างเมียนมา ก็เติบโตแข็งแกร่งมาก ซึ่งกลยุทธ์ที่จะใช้บุกตลาดภูมิภาคนี้ คือการเน้นตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป็นหลักด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ตลอดจนร่วมมือกับคู่ค้า พันธมิตรในทุกธุรกิจ
ล่าสุด หัวเว่ยยังได้เปิดตัวศูนย์โชว์นวัตกรรม (CSIS) ขึ้นในประเทศไทย เพื่อใช้เป็นสถานที่ในการโชว์นวัตกรรมของหัวเว่ยให้กับลูกค้า คู่ค้า สถาบันการศึกษา รวมทั้งสื่อที่สนใจทำความรู้จักกับเทคโนโลยีใหม่ การใช้งาน รวมทั้งโมเดลทางธุรกิจ
โดยกรุงเทพฯยังเป็นที่แรกของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อันได้แก่ ไทย กัมพูชา ลาว เมียนมา ไต้หวัน ฮ่องกง มาเก๊า อินเดีย เนปาล ศรีลังกา และบังกลาเทศ ที่หัวเว่ยเปิดศูนย์นวัตกรรม ซึ่งจะถือเป็นสำนักงานใหญ่ในภูมิภาคด้วย เพราะมีความเหมาะสม ทั้งด้านการตื่นตัวทางเทคโนโลยีของผู้บริโภค และประเทศไทยยังมีแนวโน้มสูงต่อการก้าวสู่การเป็นประเทศที่ขับเคลื่อนด้วย
ระบบเศรษฐกิจดิจิตอล.
http://www.thairath.co.th/content/600698
ไม่มีความคิดเห็น: