07 กรกฎาคม 2559 ‘พีซทีวี’จอไม่ดำ ศาลปกครองคุ้มครอง ชี้ กสทช.ยอมรับว่าแม้ กสท.จะมีมติไปแล้วแต่ยังไม่มีคำสั่งพักใช้ใบอนุญาตไปยังพีซทีวี เมื่อศาลระบุเช่นนี้ และ กสทช.ยอมรับว่ายังไม่มีคำสั่งเป็นทางการออกมา เท่ากับว่าขณะนี้เสมือนหนึ่งยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น และช่วยมายื่นร้องต่อศาลให้ศาลพิจารณา
ประเด็นหลัก
ทั้งนี้ ในการไต่สวนนายสมบัติ ลีลาพตะ รองเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้เข้าให้ถ้อยคำ ขณะที่ฝ่ายพีซทีวี นพ.เหวง ผู้ประกาศข่าว และทนายความ เดินทางมาชี้แจง หลังการไต่สวนนานกว่า 3 ชั่วโมง นพ.เหวงเปิดเผยว่า ในการไต่สวนศาลได้อ่านคำสั่งของศาลปกครองสูงสุดลงวันที่ 26 พฤษภาคม 2559 ที่ยืนตามคำสั่งศาลปกครองกลาง ให้คุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาในคดีที่พีซทีวีได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง กรณีถูก กสทช.เพิกถอนใบอนุญาต และคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณา โดยให้พีซทีวียังคงออกอากาศได้ต่อไป คำสั่งคุ้มครองนี้ยังคงมีผลอยู่ รวมทั้งระบุว่า หาก กสท.เห็นว่าพีซทีวีกระทำการที่ผิดเงื่อนไข หรือไม่เป็นไปตามกฎหมาย ต้องมายื่นเรื่องต่อศาล เพื่อให้พิจารณาว่าจะเพิกถอนการคุ้มครองหรือไม่ ขณะที่ตัวแทนกสทช.ยอมรับว่าแม้ กสท.จะมีมติไปแล้วแต่ยังไม่มีคำสั่งพักใช้ใบอนุญาตไปยังพีซทีวี เมื่อศาลระบุเช่นนี้ และ กสทช.ยอมรับว่ายังไม่มีคำสั่งเป็นทางการออกมา เท่ากับว่าขณะนี้เสมือนหนึ่งยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น พีซทีวีจะยังคงออกอากาศต่อไปตามปกติ ถ้า กสท.ยังเห็นว่าพีซทีวีทำผิด ต้องไปตั้งต้นรวบรวมข้อมูลหลักฐานกันใหม่ แล้วมายื่นร้องต่อศาลให้ศาลพิจารณา ถ้าถึงขั้นตอนนั้นพีซทีวียอมรับได้ ดังนั้น ต้องขอบคุณศาลปกครองในวันนี้ทำให้หลักการกฎหมายศักดิ์สิทธิ์ ยุติธรรม
_______________________________________
กสท.สั่งปิดช่อง “พีซทีวี” ตั้งแต่ 10 ก.ค.
บอร์ด กสท.สั่งปิดช่องพีซ ทีวี 30 วัน มีผล 10 ก.ค.นี้ หลังนำเสนอเนื้อหาขัด คสช. ขณะที่หมอเหวงเดินทางยื่นหนังสือคัดค้านต่อบอร์ด กสท.แต่ไม่เป็นผล
แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 4 ก.ค. ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) มีมติสั่งปิดสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่องพีซ ทีวี เป็นเวลา 30 วัน โดยให้มีผลบังคับในวันที่ 10 ก.ค.นี้เป็นต้นไป โดยให้เหตุผลการพิจารณาว่ามีการออกอากาศเนื้อหาขัดคำสั่งประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
ก่อนหน้านี้ คณะอนุกรรมการด้านผังรายการและเนื้อหารายการของ กสท.ได้พิจารณากรณีการเพิกถอนใบอนุญาตว่า รายการเข้าใจตรงกันนะ, รายการเข้มข่าวดึก และรายการห้องข่าวเล่าเรื่อง นั้น มีเนื้อหาต้องห้ามออกอากาศตามประกาศ คสช. ฉบับที่ 97 และ ฉบับที่ 103 รวมถึงขัดต่อเงื่อนไขบันทึกข้อตกลงที่ได้ทำร่วมกับสำนักงาน กสทช. และฝ่าฝืน ม.37 พ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551
ขณะที่ในวันเดียวกัน เวลา 09.30 น.นายอนันต์ศักดิ์ คำเก่า กรรมการผู้มีอำนาจ บริษัท พีซ เทเลวิชั่น จำกัด (Peace TV) ร่วมด้วย นายเหวง โตจิราการ และผู้ดำเนินรายการทั้ง 3 รายการ ได้แก่ รายการเข้าใจตรงกันนะ, รายการเข้มข่าวดึก และรายการห้องข่าวเล่าเรื่อง เดินทางมาที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ (กสท.) อาคารเอ็กซิม ชั้น 22 เพื่อยื่นหนังสือขอคัดค้านการพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการของสถานีพีซ ทีวี โดยเป็นการยื่นให้ทบทวนมติเป็นครั้งที่ 2
ทั้งนี้ ได้ระบุว่ารายการที่คณะอนุกรรมการด้านผังรายการและเนื้อหารายการนำมากล่าวอ้างทั้งหมดนั้นไม่ได้มีเนื้อหาตามดุลพินิจว่าฝ่าฝืนกฎหมายใดๆ ทั้งสิ้น เพราะเป็นการรายงานข่าวตามหน้าที่ของสื่อสารมวลชนตามปกติ และการอ้างให้ใช้อำนาจพิเศษตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 97/2557 และฉบับที่ 103/2557 นั้น มองว่า การลงโทษตามประกาศ คสช.ทั้ง 2 ฉบับ ไม่มีข้อใดกำหนดให้ลงโทษการกระทำที่ฝ่าฝืนถึงขั้นต้องลงโทษเพิกถอนใบอนุญาต การออกอากาศแต่ประการใด
ด้าน นายเหวง โตจิราการ กล่าวว่า การมายื่นหนังสือครั้งนี้เพื่อย้ำเตือนให้ กสท.ทบทวนมติที่ต้องการเอาผิดพีซ ทีวี เนื่องจากเหตุผลที่กรรมการชี้เอาผิดนั้นไม่เป็นธรรม สถานีได้รับการคุ้มครองจากคำสั่งศาลปกครองชั้นต้นตั้งแต่ 16 ก.ค.2558 ที่ผ่านมา และเรื่องราวยังอยู่ในกระบวนการของศาล ยังไม่มีคำสั่งศาลปกครองสูงสุดออกมา ดังนั้น กสท.ไม่มีอำนาจในการสั่งปิดสถานี หากยังทำแบบนี้ถือเป็นการละเมิดต่ออำนาจศาลปกครอง อยากขอให้ทางศาลเรียก กสท.ไปชี้แจงว่าทำได้อย่างไร
ทั้งนี้ มองว่ากรณีของพีซ ทีวี คล้ายกับกรณีของเอเอสทีวี ที่ถูกกรมประชาสัมพันธ์สั่งปิดในปี 2549 ซึ่งในตอนนั้นศาลปกครองก็คุ้มครองชั่วคราวเช่นกัน แม้กรมประชาสัมพันธ์จะยื่นต่อศาลเพื่อสั่งปิด แต่ก็ปิดไม่ได้ พีซ ทีวีก็เช่นกัน กสท.ไม่สามารถสั่งปิดได้เพราะศาลปกครองคุ้มครองอยู่
“การกระทำของรายการที่ถูกกล่าวหานั้นไม่ได้เข้าข่ายตามที่ กสท.กล่าวอ้าง มองว่าเป็นการใส่ร้ายป้ายสี และมโนกันไปเองมากกว่า ทางบริษัทได้ไปถามกฤษฎีกาแล้ว กสท.ไม่มีอำนาจสั่งปิด ขอเตือนว่าบ้านเมืองปกครองด้วยกฎหมาย หากความประสงค์ของผู้มีอำนาจจ้องการปิดกั้นช่องทางสื่อสารก็จะยิ่งสร้างความเกลียดชังให้เกิดขึ้นมากกว่าเดิม” นายเหวง กล่าว
http://www.manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9590000066437&utm_source=MadMimi&utm_medium=email&utm_content=MGR+Morning+Brief+5-7-59&utm_campaign=20160704_m132535095_MGR+Morning+Brief+5-7-59&utm_term=_E0_B8_81_E0_B8_AA_E0_B8_97__E0_B8_AA_E0_B8_B1_E0_B9_88_E0_B8_87_E0_B8_9B_E0_B8_B4_E0_B8_94_E0_B8_8A
____________________________________
‘พีซทีวี’จอไม่ดำ ศาลปกครองคุ้มครอง ชี้กสท.ต้องร้องศาลก่อน หากพบผิดเงื่อนไข
เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ที่ศาลปกครองกลาง ถนนแจ้งวัฒนะ นายสุชาติ ศรีวรกร ตุลาการเจ้าของสำนวนไต่สวน กรณี บริษัท พีซ เทเลวิชั่น จำกัด โดย นพ.เหวง โตจิราการ ผู้ดำเนินรายการและผู้ประกาศข่าว ร้องขอให้ศาลพิจารณาการทำละเมิดคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลปกครองที่ให้พีซทีวีสามารถออกอากาศได้ต่อจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ที่มีมติเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมา สั่งพักใช้ใบอนุญาตพีซทีวีเป็นเวลา 30 วัน
ทั้งนี้ ในการไต่สวนนายสมบัติ ลีลาพตะ รองเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้เข้าให้ถ้อยคำ ขณะที่ฝ่ายพีซทีวี นพ.เหวง ผู้ประกาศข่าว และทนายความ เดินทางมาชี้แจง หลังการไต่สวนนานกว่า 3 ชั่วโมง นพ.เหวงเปิดเผยว่า ในการไต่สวนศาลได้อ่านคำสั่งของศาลปกครองสูงสุดลงวันที่ 26 พฤษภาคม 2559 ที่ยืนตามคำสั่งศาลปกครองกลาง ให้คุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาในคดีที่พีซทีวีได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง กรณีถูก กสทช.เพิกถอนใบอนุญาต และคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณา โดยให้พีซทีวียังคงออกอากาศได้ต่อไป คำสั่งคุ้มครองนี้ยังคงมีผลอยู่ รวมทั้งระบุว่า หาก กสท.เห็นว่าพีซทีวีกระทำการที่ผิดเงื่อนไข หรือไม่เป็นไปตามกฎหมาย ต้องมายื่นเรื่องต่อศาล เพื่อให้พิจารณาว่าจะเพิกถอนการคุ้มครองหรือไม่ ขณะที่ตัวแทนกสทช.ยอมรับว่าแม้ กสท.จะมีมติไปแล้วแต่ยังไม่มีคำสั่งพักใช้ใบอนุญาตไปยังพีซทีวี เมื่อศาลระบุเช่นนี้ และ กสทช.ยอมรับว่ายังไม่มีคำสั่งเป็นทางการออกมา เท่ากับว่าขณะนี้เสมือนหนึ่งยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น พีซทีวีจะยังคงออกอากาศต่อไปตามปกติ ถ้า กสท.ยังเห็นว่าพีซทีวีทำผิด ต้องไปตั้งต้นรวบรวมข้อมูลหลักฐานกันใหม่ แล้วมายื่นร้องต่อศาลให้ศาลพิจารณา ถ้าถึงขั้นตอนนั้นพีซทีวียอมรับได้ ดังนั้น ต้องขอบคุณศาลปกครองในวันนี้ทำให้หลักการกฎหมายศักดิ์สิทธิ์ ยุติธรรม
http://www.matichon.co.th/news/202724
ไม่มีความคิดเห็น: