Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

28 ธันวาคม 2559 COM7 รายได้รวมของบริษัท งวดไตรมาส 3 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 3,941.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 3,325.8 ล้านบาท เป็นผลจากการเติบโตของยอดขายกลุ่มสมาร์ทโฟน อาทิ ไอโฟนเอสอี , ไอโฟน6 เอส. และซัมซุง เจ รวมทั้ง รายได้อื่นๆที่เพิ่มขึ้นจากการที่ได้รับสนับสนุนค่าการตลาด ส่วนรายได้รวมงวด 9 เดือนแรกปีนี้อยู่ที่ 11,825 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.5%

ประเด็นหลัก





สำหรับรายได้รวมของบริษัท งวดไตรมาส 3 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 3,941.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 3,325.8 ล้านบาท เป็นผลจากการเติบโตของยอดขายกลุ่มสมาร์ทโฟน อาทิ ไอโฟนเอสอี , ไอโฟน6 เอส. และซัมซุง เจ รวมทั้ง รายได้อื่นๆที่เพิ่มขึ้นจากการที่ได้รับสนับสนุนค่าการตลาด ส่วนรายได้รวมงวด 9 เดือนแรกปีนี้อยู่ที่ 11,825 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 10,609 ล้านบาท



ขณะที่งบการเงิน ณ สิ้นงวดเดือนกันยายนของปีนี้ บริษัทมีทรัพย์สินรวม 3,900.5 ล้านบาทลดลง 11.4% จากไตรมาส 4/2558 เนื่องจากสินค้าคงเหลือลดลงจาก 2,250.1 ล้านบาท ในไตรมาส4/2558 ลดลงเหลือ 2,072.5 ล้านบาทในไตรมาส 3/2559 จากเงินสด ลดลงจาก730.2 ล้านบาท ในไตรมาส 4/2558 ลดลงเหลือ 265.6 ล้านบาท ในไตรมาส3/2559 จากการนำไปขยายกิจการ(ทรัพย์สินถาวร) นำเงินสดไปวางเป็นหลักทรัพย์คํ้าประกัน โดยมีส่วนของหนี้สินรวม ณ สิ้นงวดเดือนกันยายนของปี 2559 เป็นจำนวนทั้งสิ้น 2,027.0 ล้านบาท ลดลง 23.1% จากไตรมาส 4/2558 เนื่องจากเจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้อื่นๆ ลดลงจาก 1,767.9 ล้านบาท ในไตรมาส 4/2558 เหลือ 1,069.2 ล้านบาท ในไตรมาส 3/2559 และส่วนของเจ้าของ ณ สิ้นงวดเดือนกันยายนของปี 2559 เพิ่มขึ้น 6.2%เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2558 จากหนี้สินรวมที่ลดลงและกำไรสะสมที่เพิ่มขึ้น ทำให้อัตราหนี้สินรวมต่อผู้ถือหุ้นลดลงจาก 1.49 เท่า ในไตรมาส 4/2558 เหลือ 1.08เท่า ในไตรมาส 3/2559



___________________________________________________________







คอมเซเว่นรับยอดขาย‘ไอโฟน7’พุ่ง ดันแนวโน้มธุรกิจไอทีส่งท้ายปีสดใส

คอมเซเว่นมองตลาดไอทีโค้งสุดท้ายสดใส ระบุเป็นช่วงที่ผู้บริโภคมีจับจ่ายซื้อสินค้าไอทีสูงสุดของปีเชื่อกระแสไอโฟน 7 และไอโฟน 7 พลัสหนุนยอดขายเติบโต หลังกระแสตอบรับช่วงเปิดตัวล้น เผยเร่งให้บริการ ทรู ช้อป ครบ 44 สาขาภายในสิ้นปี

นายสุระ คณิตทวีกุล ประธานกรรมการเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 ผ้าปลีกสินค้าไอทีรายใหญ่ ภายใต้ชื่อ บานาน่า และตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ แอปเปิล ภายใต้ชื่อ สตูดิโอ 7 เปิดเผยว่าบริษัทคาดการณ์ว่าในช่วงโค้งสุดท้ายของปีจะมียอดการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นช่วงที่ผู้บริโภคมีจับจ่ายซื้อสินค้าไอทีสูงสุดของปีโดยสินค้ากลุ่มสมาร์ทโฟนจะมีการเติบโตสูงขึ้น โดยเฉพาะไอโฟน7และไอโฟน7 พลัส ของแอปเปิล ที่ภายหลังเปิดตัวปลายเดือนตุลาคม 2559 ได้รับ กระแสตอบรับจากกลุ่มลูกค้าของคอมเซเว่น มีเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยมีตัวเลขสูงกว่าช่วงวางจำหน่ายไอโฟน6 เอส และไอโฟน6 เอสพลัส

สำหรับความคืบหน้าการจับมือเป็นพันธมิตรรายสำคัญในกลุ่ม ทรู เพื่อบริหารจัดการขายสินค้าและการให้บริการในจุดบริการลูกค้าทรู166 สาขา ระยะเวลา 3 ปี ทั้งในห้างบิ๊กซี และห้างเทสโก้ โลตัส ทั่วประเทศ เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มทรูเพิ่มขึ้น โดยในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา เป็นช่วงของการลงทุนในเรื่องพนักงานขายและจากการเทรนด์พนักงานเพื่อเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ จึงเริ่มเปิดให้บริการเพียง 4 สาขาเท่านั้น ทำให้ผลประกอบการของบริษัทย่อยที่ดูแลเรื่องบริหารจัดการร้าน ทรู ติดลบในช่วงแรก แต่ในไตรมาส 4 นี้ มีความพร้อมแล้วเข้าไปขยายตลาดดังกล่าว และคาดว่าจะเปิดให้บริการร้านทรู ภายในสิ้นปีนี้ครบ 44 สาขา สนับสนุนรายได้และกำไรให้บริษัท อย่างมีศักยภาพ อีกทั้งการรีแบรนดิ้งครั้งใหญ่ในช่วงที่ผ่านมา เปลี่ยน iStudio , iBeatและ U Store By Comsevenเป็น สตูดิโอ 7 (Studio7 ) เพื่อสร้างความแตกต่าง และการจัดกิจกรรมการตลาดให้เหนือกว่าเดิมจะเป็นอีกจุดเริ่มต้นในการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของคอมเซเว่นได้ในอนาคต

สำหรับรายได้รวมของบริษัท งวดไตรมาส 3 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 3,941.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 3,325.8 ล้านบาท เป็นผลจากการเติบโตของยอดขายกลุ่มสมาร์ทโฟน อาทิ ไอโฟนเอสอี , ไอโฟน6 เอส. และซัมซุง เจ รวมทั้ง รายได้อื่นๆที่เพิ่มขึ้นจากการที่ได้รับสนับสนุนค่าการตลาด ส่วนรายได้รวมงวด 9 เดือนแรกปีนี้อยู่ที่ 11,825 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 10,609 ล้านบาท

Advertisement

ขณะที่งบการเงิน ณ สิ้นงวดเดือนกันยายนของปีนี้ บริษัทมีทรัพย์สินรวม 3,900.5 ล้านบาทลดลง 11.4% จากไตรมาส 4/2558 เนื่องจากสินค้าคงเหลือลดลงจาก 2,250.1 ล้านบาท ในไตรมาส4/2558 ลดลงเหลือ 2,072.5 ล้านบาทในไตรมาส 3/2559 จากเงินสด ลดลงจาก730.2 ล้านบาท ในไตรมาส 4/2558 ลดลงเหลือ 265.6 ล้านบาท ในไตรมาส3/2559 จากการนำไปขยายกิจการ(ทรัพย์สินถาวร) นำเงินสดไปวางเป็นหลักทรัพย์คํ้าประกัน โดยมีส่วนของหนี้สินรวม ณ สิ้นงวดเดือนกันยายนของปี 2559 เป็นจำนวนทั้งสิ้น 2,027.0 ล้านบาท ลดลง 23.1% จากไตรมาส 4/2558 เนื่องจากเจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้อื่นๆ ลดลงจาก 1,767.9 ล้านบาท ในไตรมาส 4/2558 เหลือ 1,069.2 ล้านบาท ในไตรมาส 3/2559 และส่วนของเจ้าของ ณ สิ้นงวดเดือนกันยายนของปี 2559 เพิ่มขึ้น 6.2%เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2558 จากหนี้สินรวมที่ลดลงและกำไรสะสมที่เพิ่มขึ้น ทำให้อัตราหนี้สินรวมต่อผู้ถือหุ้นลดลงจาก 1.49 เท่า ในไตรมาส 4/2558 เหลือ 1.08เท่า ในไตรมาส 3/2559

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,210 วันที่ 17 – 19 พฤศจิกายน 2559

http://www.thansettakij.com/2016/11/18/113815

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.