15 พฤษภาคม 2555 ( ดูการทำงาน2หน่อยงานดูสิ)อนุป.ป.ช.เรียกCEO CAT ตรวจสอบ3Gเพิ่ม//กสทช.ขอเวลาเพิ่มอีก15วันจากเดิม45วันอ้างข้อมูลอื้อ!
( ดูการทำงาน2หน่อยงานดูสิ)อนุป.ป.ช.เรียกCEO CAT ตรวจสอบ3Gเพิ่ม//กสทช.ขอเวลาเพิ่มอีก15วันจากเดิม45วันอ้างข้อมูลอื้อ!
ประเด็นหลัก
“คณะอนุกรรมการ ป.ป.ช.เรียกให้ไปชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติม เพราะผมเพิ่งมารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา และได้ร่วมแถลงข่าวกับ รมว.ไอซีทีด้วย ถือเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องด้วย จึงต้องเดินทางไปชี้แจงในวันที่พฤหัสบดีที่ 17 พ.ค.นี้ ส่วนการเชิญเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องคนอื่นๆ และคณะกรรมการ (บอร์ด) ชุดก่อนไปชี้แจงเพิ่มอีกหรือไม่ ขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสือจากคณะอนุกรรมการ ป.ป.ช.”
ด้าน พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค)กล่าวว่า การสอบสวนข้อเท็จจริงการทำสัญญา 3 จี ระหว่างบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) กับกลุ่มบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)ว่า เข้าข่ายขัดมาตรา 46 พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 (พ.ร.บ. กสทช.) หรือไม่นั้น ทางคณะทำงานได้ขอขยายเวลาการสอบสวนข้อเท็จจริงออกไปอีก 15 วัน จากเดิมได้กำหนดให้แล้วเสร็จภายใน 45 วัน โดยคณะทำงานฯแจ้งว่ามีข้อมูลและรายละเอียดที่ต้องตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง
_________________________________________________________
อนุป.ป.ช.เรียก "ซีอีโอ" กสท แจงข้อมูลตรวจสอบ 3 จีเพิ่ม
คณะอนุ ป.ป.ช. เรียก "กิตติศักดิ์" แจงข้อมูลเพิ่มการสัญญา 3 จี “กสท-ทรู” ขณะที่ กสทช.ขอขยายเวลาสอบออกไปอีก 15 วัน เหตุข้อมูลอื้อ!
เมื่อ วันที่ 15 พ.ค. นายกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในวันที่ 17 พ.ค.นี้ จะเดินทางไปชี้แจงพร้อมให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่คณะอนุกรรมการสวบสวนข้อเท็จ จริงกรณีการทำสัญญาธุรกิจโทรศัพท์มือถือเพื่อให้บริการ 3 จี ด้วยเทคโนโลยีเอชเอสพีเอ ระหว่าง กสท กับกลุ่มบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่มีนายเมธี ครองแก้ว กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นประธาน ทั้งนี้เนื่องจากทางคณะอนุกรรมการ ป.ป.ช. ได้ทำหนังสือเชิญตนในฐานะกรรมการผู้จัดการใหญ่ และรวมแถลงข่าวร่วมกับ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เมื่อครั้งมีหลักฐานการเข้าซื้อกิจการของบริษัท ฮัทชิสัน จำกัด และได้ส่งหลักฐานดังกล่าวให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อไปดำเนินการสอบสวนต่อไป โดยคณะอนุกรรมการ ป.ป.ช.แจ้งว่าให้ตนนำผลการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบภาย ใน กสท ไปให้ ป.ป.ช.พิจารณาร่วมกับการให้ปากคำด้วย เพื่อประกอบเป็นหลักฐานในการพิจารณาคดีดังกล่าวต่อไป
นายกิตติศักดิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ กสท ไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบการให้บริการโครงข่ายได้ อันเป็นผลทำให้ กสท ไม่สามารถชี้วัดคุณภาพและตรวจสอบข้อมูลสถานีฐานได้ การออกใบแจ้งหนี้ไปยังลูกค้าได้นั้น ขณะที่ กสท.เป็นเจ้าของคลื่นความถี่ที่กลุ่มทรูนำไปให้บริการนั้น จะขัด พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับดูแลการประกอบกิจการวิทยุ กระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 (พ.ร.บ.กสทช.) หรือไม่นั้น คงต้องรอผลการสอบสวนของ ป.ป.ช.และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในฐานะผู้มีอำนาจบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว เป็นผู้พิจารณาตัดสิน
“คณะ อนุกรรมการ ป.ป.ช.เรียกให้ไปชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติม เพราะผมเพิ่งมารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา และได้ร่วมแถลงข่าวกับ รมว.ไอซีทีด้วย ถือเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องด้วย จึงต้องเดินทางไปชี้แจงในวันที่พฤหัสบดีที่ 17 พ.ค.นี้ ส่วนการเชิญเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องคนอื่นๆ และคณะกรรมการ (บอร์ด) ชุดก่อนไปชี้แจงเพิ่มอีกหรือไม่ ขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสือจากคณะอนุกรรมการ ป.ป.ช.”
ด้าน พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค)กล่าวว่า การสอบสวนข้อเท็จจริงการทำสัญญา 3 จี ระหว่างบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) กับกลุ่มบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)ว่า เข้าข่ายขัดมาตรา 46 พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 (พ.ร.บ. กสทช.) หรือไม่นั้น ทางคณะทำงานได้ขอขยายเวลาการสอบสวนข้อเท็จจริงออกไปอีก 15 วัน จากเดิมได้กำหนดให้แล้วเสร็จภายใน 45 วัน โดยคณะทำงานฯแจ้งว่ามีข้อมูลและรายละเอียดที่ต้องตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง
ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/tech/260642
ประเด็นหลัก
“คณะอนุกรรมการ ป.ป.ช.เรียกให้ไปชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติม เพราะผมเพิ่งมารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา และได้ร่วมแถลงข่าวกับ รมว.ไอซีทีด้วย ถือเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องด้วย จึงต้องเดินทางไปชี้แจงในวันที่พฤหัสบดีที่ 17 พ.ค.นี้ ส่วนการเชิญเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องคนอื่นๆ และคณะกรรมการ (บอร์ด) ชุดก่อนไปชี้แจงเพิ่มอีกหรือไม่ ขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสือจากคณะอนุกรรมการ ป.ป.ช.”
ด้าน พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค)กล่าวว่า การสอบสวนข้อเท็จจริงการทำสัญญา 3 จี ระหว่างบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) กับกลุ่มบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)ว่า เข้าข่ายขัดมาตรา 46 พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 (พ.ร.บ. กสทช.) หรือไม่นั้น ทางคณะทำงานได้ขอขยายเวลาการสอบสวนข้อเท็จจริงออกไปอีก 15 วัน จากเดิมได้กำหนดให้แล้วเสร็จภายใน 45 วัน โดยคณะทำงานฯแจ้งว่ามีข้อมูลและรายละเอียดที่ต้องตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง
_________________________________________________________
อนุป.ป.ช.เรียก "ซีอีโอ" กสท แจงข้อมูลตรวจสอบ 3 จีเพิ่ม
คณะอนุ ป.ป.ช. เรียก "กิตติศักดิ์" แจงข้อมูลเพิ่มการสัญญา 3 จี “กสท-ทรู” ขณะที่ กสทช.ขอขยายเวลาสอบออกไปอีก 15 วัน เหตุข้อมูลอื้อ!
เมื่อ วันที่ 15 พ.ค. นายกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในวันที่ 17 พ.ค.นี้ จะเดินทางไปชี้แจงพร้อมให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่คณะอนุกรรมการสวบสวนข้อเท็จ จริงกรณีการทำสัญญาธุรกิจโทรศัพท์มือถือเพื่อให้บริการ 3 จี ด้วยเทคโนโลยีเอชเอสพีเอ ระหว่าง กสท กับกลุ่มบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่มีนายเมธี ครองแก้ว กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นประธาน ทั้งนี้เนื่องจากทางคณะอนุกรรมการ ป.ป.ช. ได้ทำหนังสือเชิญตนในฐานะกรรมการผู้จัดการใหญ่ และรวมแถลงข่าวร่วมกับ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เมื่อครั้งมีหลักฐานการเข้าซื้อกิจการของบริษัท ฮัทชิสัน จำกัด และได้ส่งหลักฐานดังกล่าวให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อไปดำเนินการสอบสวนต่อไป โดยคณะอนุกรรมการ ป.ป.ช.แจ้งว่าให้ตนนำผลการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบภาย ใน กสท ไปให้ ป.ป.ช.พิจารณาร่วมกับการให้ปากคำด้วย เพื่อประกอบเป็นหลักฐานในการพิจารณาคดีดังกล่าวต่อไป
นายกิตติศักดิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ กสท ไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบการให้บริการโครงข่ายได้ อันเป็นผลทำให้ กสท ไม่สามารถชี้วัดคุณภาพและตรวจสอบข้อมูลสถานีฐานได้ การออกใบแจ้งหนี้ไปยังลูกค้าได้นั้น ขณะที่ กสท.เป็นเจ้าของคลื่นความถี่ที่กลุ่มทรูนำไปให้บริการนั้น จะขัด พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับดูแลการประกอบกิจการวิทยุ กระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 (พ.ร.บ.กสทช.) หรือไม่นั้น คงต้องรอผลการสอบสวนของ ป.ป.ช.และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในฐานะผู้มีอำนาจบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว เป็นผู้พิจารณาตัดสิน
“คณะ อนุกรรมการ ป.ป.ช.เรียกให้ไปชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติม เพราะผมเพิ่งมารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา และได้ร่วมแถลงข่าวกับ รมว.ไอซีทีด้วย ถือเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องด้วย จึงต้องเดินทางไปชี้แจงในวันที่พฤหัสบดีที่ 17 พ.ค.นี้ ส่วนการเชิญเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องคนอื่นๆ และคณะกรรมการ (บอร์ด) ชุดก่อนไปชี้แจงเพิ่มอีกหรือไม่ ขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสือจากคณะอนุกรรมการ ป.ป.ช.”
ด้าน พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค)กล่าวว่า การสอบสวนข้อเท็จจริงการทำสัญญา 3 จี ระหว่างบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) กับกลุ่มบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)ว่า เข้าข่ายขัดมาตรา 46 พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 (พ.ร.บ. กสทช.) หรือไม่นั้น ทางคณะทำงานได้ขอขยายเวลาการสอบสวนข้อเท็จจริงออกไปอีก 15 วัน จากเดิมได้กำหนดให้แล้วเสร็จภายใน 45 วัน โดยคณะทำงานฯแจ้งว่ามีข้อมูลและรายละเอียดที่ต้องตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง
ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/tech/260642
ไม่มีความคิดเห็น: