19 เมษายน 2556 นักวิเคราะห์เชื่อ nokia siemens networks จะกลับมามีกำไรอีกครับ เพราะการรับตัว ไปเน้นโครงข่าย 4G
ประเด็นหลัก
นายเอกชัย ศิริจิระพัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.ไอที ซิตี้ กล่าวว่า สถานการณ์ปัจจุบันตลาดไอทีเงียบ ทรงตัวเท่ากับไตรมาส 4 ปี 2555 เท่ากับเป็นสถานะที่ไม่ดี เพราะปกติการเปรียบเทียบตลาดต้องเทียบไตรมาสเดียวกันระหว่างปีนี้ กับปีที่ผ่านมา ซึ่งถ้าเทียบเช่นนั้นยอดตกลง ไม่ดีเท่าที่ต้องการเห็นและต้องการให้เป็น แต่ก็เป็นสถานการณ์เช่นเดียวกันทั่วโลก จากความต้องการของตลาดมุ่งไปที่โมบิลิตี้
ล่าสุดโนเกียเริ่มเปิดตลาดสมาร์ทโฟนลูเมียในตลาดใหม่ๆ เช่น ประเทศจีนที่ผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนการใช้งานจากฟีเจอร์โฟนไปเป็นสมาร์ทโฟนมากขึ้น เช่นเดียวกับคู่แข่งที่สนใจตลาดนี้เช่นกัน หากโนเกียยังคงขายฟีเจอร์โฟนได้มากกว่าสมาร์ทโฟน อนาคตย่อมขึ้นอยู่กับว่า จะดึงส่วนต่างกำไรที่ได้จากสมาร์ทโฟนมาได้มากแค่ไหน
ผลการสำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์โดยสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ว่า ลูเมียน่าจะมียอดขาย 5.6 ล้านเครื่องในไตรมาสนี้ เพิ่มจากไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้วที่มี 4.4 ล้านเครื่อง ขณะที่ซัมซุงน่าจะทำได้ 61.6 ล้านเครื่อง แอ๊ปเปิ้ล 36.9 ล้านเครื่อง
นอกจากนี้นักลงทุนต่างเริ่มระมัดระวัง และกล่าวกันว่ามีสัญญาณเล็กน้อยที่ชี้ให้เห็นว่าผู้นำตลาด 2 รายของอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนอาจดึงส่วนแบ่งการตลาดมาได้น้อยลง โดยสัญญาณเป็นบวกมากขึ้นของโนเกียคงช่วยลดความกดดันของนายสตีเฟ่น อีลอป ประธานเจ้าหน้าบริหาร (ซีอีโอ) ของบริษัทได้ระดับหนึ่ง
พร้อมกันนี้ นักวิเคราะห์ยังโฟกัสไปที่สถานการณ์ของบริษัทโนเกีย ซีเมนส์ เน็ตเวิร์คส์ ที่เริ่มกลับมามีกำไรสืบเนื่องจากการปรับโครงสร้างใหม่ และปรับแผนธุรกิจไปโฟกัสกับเครือข่าย 4 จีซึ่งกำลังเป็นกระแสเทคโนโลยีที่ทั่วโลกเริ่มให้ความสำคัญ
ขณะเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศกล่าวว่า ยอดขายไอโฟนที่น้อยลงกว่าความคาดหมายเริ่มส่งผลให้บรรดาคู่ค้าบริษัทซัพพลายเออร์ต่างๆกังวลและไม่กล้าพึ่งพาเพียงไอโฟนและไอแพดเท่านั้น
_____________________________________________
สถานการณ์โลกแกว่ง'ผู้ค้า'ต้องประคองตัวรับ
สถานการณ์ตลาดไอทีทรุดทั่วโลกหลังกระแสโมบิลิตี้มาแรง
เจ้าของผลิตภัณฑ์ปรับตัวไม่ทัน ส่งผลสะเทือนรอบด้าน
นายเอกชัย ศิริจิระพัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ
บมจ.ไอที ซิตี้ กล่าวว่า สถานการณ์ปัจจุบันตลาดไอทีเงียบ ทรงตัวเท่ากับไตรมาส 4 ปี
2555 เท่ากับเป็นสถานะที่ไม่ดี
เพราะปกติการเปรียบเทียบตลาดต้องเทียบไตรมาสเดียวกันระหว่างปีนี้ กับปีที่ผ่านมา
ซึ่งถ้าเทียบเช่นนั้นยอดตกลง ไม่ดีเท่าที่ต้องการเห็นและต้องการให้เป็น
แต่ก็เป็นสถานการณ์เช่นเดียวกันทั่วโลก จากความต้องการของตลาดมุ่งไปที่โมบิลิตี้
นอกจากนี้
การเปลี่ยนเครื่องใหม่ของลูกค้าก็ชะลอตัวลง แทนที่จะเปลี่ยนภายใน 3 ปี
ก็ขยายเวลาออกไป และบางส่วนที่จำเป็นต้องเปลี่ยนเครื่องก็หันไปเลือกแทบเล็ต
หรือสมาร์ทโฟนแทน ถือเป็นการเปลี่ยนข้ามสายพันธุ์ที่กระทบธุรกิจมาก
ทั้งนี้ ผ่านเดือนเม.ย. มาครึ่งเดือน
ยังไม่เกิดความคึกคักของตลาด เทียบยอดขายครึ่งแรกของปีนี้ กับปีที่แล้วอยู่ในสถานะติดลบทั้งจำนวนเครื่อง
และตัวเงิน
ฉะนั้น ทุกฝ่ายต้องปรับตัว รวมทั้งบริษัทเอง
ซึ่งการปรับตัวของบริษัทมุ่งปรับหาผลิตภัณฑ์ที่เป็นความต้องการของตลาด
ในฐานะที่เป็นกลางน้ำ ต้องดูต้นน้ำคือเจ้าของเทคโนโลยีด้วย
ส่วนของคอมพิวเตอร์ต้องรอดูอนาคตว่าจะไปในทิศทางใด
และมีผลิตภัณฑ์ที่ตลาดต้องการออกมาเมื่อไร ขณะเดียวกัน
การเป็นผู้จำหน่ายต้องหาจุดที่ไปถึงลูกค้าโดยเพิ่มสาขา ให้เหมาะสมกับตลาดที่จะไป
"ฝั่งธุรกิจคอมพิวเตอร์ ยังทำหน้าที่ของเรา
และมุ่งทิศทางที่ตลาดต้องการเพิ่มขึ้น คือโมบิลิตี้ พร้อมกับมองหาจุดที่ยังไม่ไปเปิดตลาด
ด้วยอัตราที่รอบคอบ ปีนี้มีแผนเปิดสาขาเพิ่ม 5
แห่ง โดยจะเป็นขนาดใดขึ้นกับพื้นที่ที่นั้นมี อัตราค่าเช่า
และปริมาณลูกค้าที่เดินเข้าศูนย์การค้านั้นๆ ตั้งแต่ 400 - 1000
ตารางเมตร"
ส่วนของบริษัทได้เปลี่ยนแปลงไประดับหนึ่ง
คือการเพิ่มสินค้าโมบิลิตี้ทั้งแทบเล็ต และสมาร์ทโฟนเข้ามาจำหน่ายในพื้นที่
เริ่มตั้งแต่ปีที่ผ่านมาเป็นสัดส่วน 10% ของสินค้าทั้งหมด ปีนี้จะเพิ่มเป็น 20%
เขากล่าวว่า
ถือเป็นช่วง"นิวเวฟ"รอบใหญ่ของอุตสาหกรรม ที่ผ่านมา 18
เดือนคนคาดการณ์กันผิดทั้งหมด แต่ปัจจุบันสถานการณ์ต่างๆ
เริ่มชัดขึ้นจากคำให้สัมภาษณ์ของเจ้าของผลิตภัณฑ์ต่างๆ
แต่ยังต้องรอดูว่าสถานการณ์โดยรวมจะกลับมาดีเมื่อไร ซึ่งหมายถึงการออกสินค้าใหม่
ราคาเท่าไร
อย่างไรก็ตาม เขายอมรับว่า
กระเทือนการลงทุนปัจจุบัน ต้องประคองตัวให้ดีที่สุด
ซึ่งองค์ประกอบมีทั้งปัจจัยที่ควบคุมได้ และควบคุมไม่ได้
ที่ควบคุมได้คือการบริหารงาน
การจัดหาสินค้าที่เป็นที่ต้องการของลูกค้าสู่หน้าร้านให้เร็วขึ้น
และพยายามให้บริการที่สร้างความเชื่อถือแก่ลูกค้าได้มากที่สุด
และปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ต้องรอเวลาว่าเมื่อไรต้นน้ำจะสมบูรณ์
‘ลูเมีย’หนุนโนเกียฟื้นวิกฤติ
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า
โนเกียคาดไตรมาสที่ 1 ปีนี้สถานการณ์จะเริ่มกลับมาดีขึ้น
รับอานิสงส์ยอดขายสมาร์ทโฟนตระกูลลูเมียขยายตัวต่อเนื่อง
ประกอบกับธุรกิจบริษัทร่วมทุนโนเกีย ซีเมนส์ เน็ตเวิร์คส์
กำลังพลิกฟื้นกลับมามีกำไร แต่ “แอ๊ปเปิ้ล อิงค์” กลับมีสัญญาณที่ไม่สู้ดี
รายงานข่าวชี้ว่า ตั้งแต่ยอดขายตกลง
ตามหลังทั้งซัมซุงและแอ๊ปเปิ้ล
โนเกียตั้งความหวังไว้กับสายผลิตภัณฑ์ลูเมียที่ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดว์สของไมโครซอฟท์
แม้ปัจจุบันยังจำเป็นต้องเทงบการลงทุนไปจำนวนมากและต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่เพื่อปั้นยอดขายให้ได้เท่ากับผู้นำตลาด
อย่างไรก็ดี
ล่าสุดโนเกียเริ่มเปิดตลาดสมาร์ทโฟนลูเมียในตลาดใหม่ๆ เช่น
ประเทศจีนที่ผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนการใช้งานจากฟีเจอร์โฟนไปเป็นสมาร์ทโฟนมากขึ้น
เช่นเดียวกับคู่แข่งที่สนใจตลาดนี้เช่นกัน
หากโนเกียยังคงขายฟีเจอร์โฟนได้มากกว่าสมาร์ทโฟน อนาคตย่อมขึ้นอยู่กับว่า
จะดึงส่วนต่างกำไรที่ได้จากสมาร์ทโฟนมาได้มากแค่ไหน
ผลการสำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์โดยสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ว่า
ลูเมียน่าจะมียอดขาย 5.6 ล้านเครื่องในไตรมาสนี้ เพิ่มจากไตรมาสที่ 4
ของปีที่แล้วที่มี 4.4 ล้านเครื่อง ขณะที่ซัมซุงน่าจะทำได้ 61.6
ล้านเครื่อง แอ๊ปเปิ้ล 36.9 ล้านเครื่อง
นอกจากนี้นักลงทุนต่างเริ่มระมัดระวัง
และกล่าวกันว่ามีสัญญาณเล็กน้อยที่ชี้ให้เห็นว่าผู้นำตลาด 2
รายของอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนอาจดึงส่วนแบ่งการตลาดมาได้น้อยลง
โดยสัญญาณเป็นบวกมากขึ้นของโนเกียคงช่วยลดความกดดันของนายสตีเฟ่น อีลอป
ประธานเจ้าหน้าบริหาร (ซีอีโอ) ของบริษัทได้ระดับหนึ่ง
พร้อมกันนี้
นักวิเคราะห์ยังโฟกัสไปที่สถานการณ์ของบริษัทโนเกีย ซีเมนส์ เน็ตเวิร์คส์
ที่เริ่มกลับมามีกำไรสืบเนื่องจากการปรับโครงสร้างใหม่
และปรับแผนธุรกิจไปโฟกัสกับเครือข่าย 4
จีซึ่งกำลังเป็นกระแสเทคโนโลยีที่ทั่วโลกเริ่มให้ความสำคัญ
ขณะเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศกล่าวว่า
ยอดขายไอโฟนที่น้อยลงกว่าความคาดหมายเริ่มส่งผลให้บรรดาคู่ค้าบริษัทซัพพลายเออร์ต่างๆกังวลและไม่กล้าพึ่งพาเพียงไอโฟนและไอแพดเท่านั้น
ข่าวระบุว่า บริษัท เซอร์รัส โลจิก อิงค์
ผู้ผลิตชิพสำหรับระบบเสียงที่สัดส่วนยอดขายมาจากแอ๊ปเปิ้ล 91%
รายงานจำนวนสินค้าคงคลังที่มากกว่าปกติ นับเป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่ายอดขายไอโฟนชะลอตัวลง
พร้อมกับคาดว่ารายได้ไตรมาสแรกน่าจะต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้
อีกหนึ่งสัญญาณคือ บริษัทฮอน ไฮ พรีซิชั่น อินดัสตรี
หนึ่งในซัพพลายเออร์ระดับท็อปของแอ๊ปเปิ้ล รายงานผลประกอบการเดือนนี้ลดลงในรอบ 13 ปี
ปัจจุบัน ไอโฟนซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักที่สร้างรายได้และกำไรให้แอ๊ปเปิ้ลกำลังเผชิญกับการแข่งขันที่ดุเดือด
ขณะเดียวกันดีไวซ์ที่ส่งออกไปเพื่อเจาะตลาดใหม่ๆ เช่น ไอแพดมินิ
ให้ส่วนต่างกำไรที่น้อยกว่าสินค้าอื่นๆ
ข้อมูลระบุว่า
แอ๊ปเปิ้ลจะไม่เปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่จนกว่าจะถึงงานประชุมนักพัฒนาประจำปีที่จัดขึ้นช่วงเดือนมิ.ย.
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/it/it/20130419/501161/%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8
%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%
E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8
%84%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%
E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B
8%B1%E0%B8%9A.html
ไม่มีความคิดเห็น: