23 เมษายน 2556 NOKIAไทย บุกนักศึกษาเริ่มที่ม.รังสิต!!! เร่งเด็กไทยทำ APP (ย้ำมีรายได้) หากมียอดโหลดสูงสุดพาดูศูนย์พัฒนาและวิจัยของโนเกีย ที่กรุงปักกิ่ง (พร้อมได้งานทำ)
ประเด็นหลัก
นายจิรพัฒน์ กล่าวต่อว่า ล่าสุดโนเกียจึงได้ร่วมกับ มหาวิทยาลัยรังสิต ในการจัดโครงการ มาย เฟิรส์ แอพ (My First App) เพื่อผลิตนักพัฒนาแอพพลิเคชั่นรุ่นใหม่ รองรับความต้องการด้านการพัฒนาแอพพลิเคชั่นที่มากขึ้น โดยเฉพาะการมาของโทรศัพท์มือถือระบบ 3 จี และการเติบโตของตลาดสมาร์ทโฟน โดยจะคัดเลือกแอพพลิเคชั่นจาก 10 โครงการจากทีมนักศึกษาจำนวน 10 ทีม นำเผยแพร่บน วินโดวส์ โฟน สโตร์ เพื่อให้ผู้บริโภคดาวน์โหลดไปใช้งานจริง ซึ่งแอพพลิเคชั่นที่มียอดดาวน์โหลดสูงสุด ผู้พัฒนาจะได้ไปทัศนศึกษาที่ศูนย์พัฒนาและวิจัยของโนเกีย ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน
ด้าน ผศ.ดร.ม.ล. กุลธร เกษมสันต์ คณบดี คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่าตลาดแอพพลิเคชั่นในประเทศไทยกำลังขยายตัว เพื่อตอบรับการเปิดบริการ 3 จี ส่งผลให้ความต้องการบุคลากรด้านนี้มีสูงขึ้นด้วย ทางมหาวิทยาลัยจึงให้ความสำคัญในการผลิตบุคลากรด้านนี้ ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้ทางโนเกียจะเข้ามาจัดฝึกอบรมให้นักศึกษา ให้การสนับสนุนเครื่องมือ พร้อมทั้งตั้งโมบายแล็ป และสุดท้ายคือการจัดประกวดแอพพลิเคชั่นเพื่อหาผู้ชนะไปดูงานในต่างประเทศ โดยโครงการนี้จะช่วยพัฒนาให้นักศึกษาที่จบไปสามารถทำงานในตลาดได้ทันที
_____________________________________
“โนเกีย”ฟุ้งแอพบน “วินโดวส์
โฟน สโตร์” โตเกิน 1,000%
โนเกียเผยจำนวนแอพพลิเคชั่นบนวินโดวส์ โฟน
สโตร์ โตมากกว่า 1,000% มีแล้วมากกว่า 1.35
แสนแอพลิเคชั่น ล่าสุดจับมือ ม.รังสิต ปั้นนักพัฒนารุ่นใหม่ป้อนตลาด รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมหลังการมาของ
3 จี
วันนี้(23
เม.ย.) ที่บริษัท โนเกีย (ประเทศไทย) จำกัด
นายจิรพัฒน์ จันทร์เจิดศักดิ์ หัวหน้าฝ่ายสนับสนุนนักพัฒนา บริษัท โนเกีย
(ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า
ปัจจุบันในวินโดวส์ โฟน สโตร์ มีแอพพลิเคชั่นแล้วมากกว่า 135,000
แอพพลิเคชั่น เมื่อเทียบกับเดือน ก.พ. ปี 2011 ที่มีจำนวนเพียง 7,000
แอพพลิเคชั่น ถือว่ามีอัตราการเติบโตมากว่า 1,000%
และมีนักพัฒนามากกว่า 2 แสนรายที่ได้ลงทะเบียนไว้
และมีจำนวนยอดดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นสูงถึง 4
ล้านดาวน์โหลดต่อวันในปัจจุบัน ส่งผลให้นักพัฒนาแอพพลิเคชั่นบนวินโดวส์ โฟน สโตร์
มีโอกาสที่จะสร้างรายได้อย่างเต็มที่
ทั้งนี้โนเกียจะให้ความสำคัญกับนักพัฒนา
เพื่อที่จะพัฒนาแอพพลิเคชั่นที่มีคุณภาพมากกว่าเน้นเรื่องจำนวนแอพพลิเคชั่นบนสโตร์
เนื่องจากจำนวนเงินมากกว่า 80% ของการดาวน์โหลดจะอยู่ในแอพพลิเคชั่นที่มีคุณภาพดีระดับเรทติ้ง 4-5 ดาว
ซึ่งจะมีโอกาสสร้างรายได้จากช่องทางต่างๆ ทั้งการขายแอพพลิเคชั่น
การซื้อไอเทมในแอพพลิเคชั่น และขายโฆษณาในแอพ
โดยปัจจุบันมีแอพลิเคชั่นสัญชาติไทยคือ
เฟสบุ๊ค เอชดี (Facebook HD)ที่ได้รับความนิยมสูงสุดทำสถิติมียอดดาวน์โหลดมากกว่า
375,000 ครั้งในเวลาไม่ถึง 2
เดือน
อย่างไรก็ตามปัจจุบันนักพัฒนาคนไทยมีฝีมือแต่ส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าจะพัฒนาแอพพลิเคชั่นประเภทไหนถึงจะประสบความสำเร็จ
รวมถึงเมื่อพัฒนาเสร็จแล้วไม่รู้ช่องทางในการจำหน่ายหรือการหารายได้ ซึ่งทางโนเกียเตรียมจะเข้าไปสนับสนุนในช่องทางจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ
นายจิรพัฒน์ กล่าวต่อว่า
ล่าสุดโนเกียจึงได้ร่วมกับ มหาวิทยาลัยรังสิต ในการจัดโครงการ มาย เฟิรส์ แอพ (My
First App) เพื่อผลิตนักพัฒนาแอพพลิเคชั่นรุ่นใหม่
รองรับความต้องการด้านการพัฒนาแอพพลิเคชั่นที่มากขึ้น
โดยเฉพาะการมาของโทรศัพท์มือถือระบบ 3 จี และการเติบโตของตลาดสมาร์ทโฟน โดยจะคัดเลือกแอพพลิเคชั่นจาก 10
โครงการจากทีมนักศึกษาจำนวน 10 ทีม นำเผยแพร่บน วินโดวส์ โฟน สโตร์
เพื่อให้ผู้บริโภคดาวน์โหลดไปใช้งานจริง ซึ่งแอพพลิเคชั่นที่มียอดดาวน์โหลดสูงสุด
ผู้พัฒนาจะได้ไปทัศนศึกษาที่ศูนย์พัฒนาและวิจัยของโนเกีย ที่กรุงปักกิ่ง
ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน
ด้าน ผศ.ดร.ม.ล. กุลธร เกษมสันต์ คณบดี
คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยรังสิต
กล่าวว่าตลาดแอพพลิเคชั่นในประเทศไทยกำลังขยายตัว เพื่อตอบรับการเปิดบริการ 3 จี
ส่งผลให้ความต้องการบุคลากรด้านนี้มีสูงขึ้นด้วย
ทางมหาวิทยาลัยจึงให้ความสำคัญในการผลิตบุคลากรด้านนี้
ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้ทางโนเกียจะเข้ามาจัดฝึกอบรมให้นักศึกษา
ให้การสนับสนุนเครื่องมือ พร้อมทั้งตั้งโมบายแล็ป
และสุดท้ายคือการจัดประกวดแอพพลิเคชั่นเพื่อหาผู้ชนะไปดูงานในต่างประเทศ
โดยโครงการนี้จะช่วยพัฒนาให้นักศึกษาที่จบไปสามารถทำงานในตลาดได้ทันที
http://www.dailynews.co.th/technology/199354
ไม่มีความคิดเห็น: