Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

3 เมษายน 2556 ข่าวค่ำ!! TECHTVTHAILAND โทรคมนาคมและการสือสาร 3 ข่าวเด่น ประจำวันที่ 03/04/2556 By So Magawn ( โส มกร )


ข่าวค่ำ!! TECHTVTHAILAND โทรคมนาคมและการสือสาร 3 ข่าวเด่น ประจำวันที่ 03/04/2556 By So Magawn ( โส มกร )

1....   หมอลี่กสทช.ชี้โทรคมนาคมไทยพัง!! เชื่อเกิดสป.จำแลงมากมายแน่นอน ถ้าผล4ต่อ1หลัง // หลังโดยพลังมหาศาล อ้างผู้หลักผู้ใหญ่บ้านเมือง (แก้ CAT TRUEผ่านไป277วันแล้ว)
2....   กสทช.อ้างคนไทย (ย้ายลูกค้าครั้งใหญ่ที่เดียว ออกจากอกรัฐวิสาหกิจ CAT TOT) ให้ ลงทุน 200 ล.บาท ขยายความจุย้ายค่ายเบอร์เดิม
3....   (เกาะติดประมูลDigital TV) โพลคนไทยส่วนใหญ่ไม่รู้ว่า Digital TV คืออะไร++ (แต่ต้องการให้ กสทช. แจกกล่องฟรีมากกว่าแจกคูปองส่วนลด)

หมอลี่กสทช.ชี้โทรคมนาคมไทยพัง!! เชื่อเกิดสป.จำแลงมากมายแน่นอน ถ้าผล4ต่อ1หลัง // หลังโดยพลังมหาศาล อ้างผู้หลักผู้ใหญ่บ้านเมือง (แก้ CAT TRUEผ่านไป277วันแล้ว)

ประเด็นหลัก

แหล่งข่าวจากกสทช.กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ในวันศุกร์ที่ 5 เม.ย.นี้จะมีการพิจารณาวาระสำคัญเพียงวาระเดียวคือผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเกี่ยวกับการดำเนินกิจการของบริษัท บีเอฟเคที (ประเทศไทย) จำกัดกรณีการทำสัญญาเกี่ยวกับการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รูปแบบใหม่บนคลื่นความถี่ 800 MHz กับบริษัท กสท โทรคมนาคม ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าที่ประชุมบอร์ดกทค.จะมีมติ 4 ต่อ 1 ให้บีเอฟเคทีของกลุ่มทรูพ้นผิดประเภทไร้รอยขีดข่วน ไม่ต้องโดนโทษอาญาเนื่องจากประกอบกิจการโดยไม่มีใบอนุญาตให้มัวหมอง เป็นชนักติดหลังที่อาจโดนสอยภายหลังจากป.ป.ช.



    โดยคาดว่าแนวทางออกคือ1.สรุปให้บีเอฟเคที ถือเป็นการประกอบกิจการโทรคมนาคมจำเป็นต้องมีใบอนุญาต โดยจะกำหนดระยะเวลาให้ยื่นขอรับใบอนุญาต และ 2.ความผิดทางอาญาก่อนหน้านี้ ซึ่งถือเป็นความผิดที่สำเร็จแล้วจากการประกอบกิจการโดยไม่มีใบอนุญาต ให้ถือว่า 'ไม่มีเจตนา' อันทำให้เป็นการกระทำที่ไม่ครบองค์ประกอบของความผิด ไม่จำเป็นต้องมีการร้องทุกข์กล่าวโทษ
   
     'ว่ากันว่ามีการใช้พลังมหาศาล อ้างผู้หลักผู้ใหญ่บ้านเมือง จะทำกันถึงขนาดให้ได้ข้อสรุปว่าบีเอฟเคทีไม่ถือเป็นการประกอบกิจการเพราะแค่ให้เช่าอุปกรณ์ เพื่อที่จะทำให้ไร้มลทิน ไม่ต้องถูกฟื้นฝอยภายหลัง เพราะสิ่งที่กลัวกันมากคือโทษอาญา เนื่องจากหากป.ป.ช.รับลูกต่อ ก็อาจทำได้ถึงขั้นทำให้สัญญาเป็นโมฆะ หรือ โมฆียะได้ ทำให้ศึกนี้แพ้ไม่ได้ ถึงระดับเบอร์ 1 ต้องออกโรงเอง'
   
     กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจาก บีเอฟเคที ได้ดำเนินกิจการที่อาจทำให้ผู้ใช้บริการโดยทั่วไปเข้าใจว่า เป็นผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมรายหนึ่ง แยกต่างหากจาก บริษัท กสท โทรคมนาคม ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจึงอาจเข้าข่ายเป็นการประกอบกิจการโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำที่ขัดต่อ มาตรา7แห่ง พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544ดังนั้นเพื่อให้การตรวจสอบสถานะความชอบด้วยกฎหมายของบริษัทดังกล่าว จึงมีประเด็นที่ต้องพิจารณาว่า บีเอฟเคที เป็นผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมหรือไม่
   
     โดยในเวลาต่อมา พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)และประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ได้ให้สำนักงานรองประธาน กสทช.ที่มีพล.ต.สุพิชาติ เสนานุรักษ์ ผู้ปฏิบัติงานประจำรองประธานกสทช. ทำการศึกษาพิจารณา และวิเคราะห์สถานะ บีเอฟเคที โดยได้สรุปการพิจารณา และข้อเสนอส่งให้พ.อ.เศรษฐพงค์ เมื่อวันที่ 23พ.ค.2555โดยได้วิเคราะห์แล้วเห็นว่าผู้ประกอบการที่ให้บริการโทรคมนาคมแก่ประชาชนโดยผ่านโครงข่ายโทรคมนาคมที่ตนเองมีสิทธิการใช้ ควบ และบริหารจัดการ ถือได้ว่าเป็นผู้ประกอบการที่ให้บริการโดยมีโครงข่ายด้วยกันทั้งสิ้น




น.พ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กสทช.ด้านคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคมให้ความเห็นว่า ในการประชุมวันที่ 5 เม.ย.นี้ มี 2 ประเด็นที่ต้องถกเถียงกันหนักคือ 1.ในเรื่องว่าเป็นการประกอบกิจการหรือไม่ ซึ่งหากสรุปว่าบีเอฟเคทีที่ให้เช่าอุปกรณ์ ไม่ใช่การประกอบกิจการ ก็จะสร้างผลกระทบกับการกำกับดูแลของ กสทช.อย่างมหาศาล เพราะเอกชนอีกหลายบริษัท คงเดินตามแนวทางนี้ ทำให้เหมือนเกิดสัมปทานจำแลงขึ้นมาอีก และที่สำคัญไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมใดๆ และทำให้เกิดปัญหา 2 มาตรฐานตามมาทันที 2.ในเรื่องเจตนา ซึ่งผลสรุปของทั้งสำนักงานและความเห็นของเลขาธิการ พยายามชี้ว่า ไม่มีเจตนากระทำผิด ทำให้เป็นการกระทำที่ไม่ครบองค์ประกอบของความผิด ไม่จำเป็นต้องมีการร้องทุกข์กล่าวโทษ บีเอฟเคที
   
     'ความเห็นของผม เจตนาหมายถึงต้องรู้สำนึกในการกระทำ และตั้งใจให้เกิดผล ซึ่งการเช่าใช้โครงข่ายระหว่างบีเอฟเคทีกับกสท ก็ชัดเจนแล้ว'
   
   
     'หากผลออกมา 4 ต่อ 1 สิ่งที่เกิดขึ้นคืออุตสาหกรรมโทรคมนาคมพัง เพราะเอกชนอีกหลายบริษัทจะเอาเยี่ยงอย่าง ตักตวงทรัพยากรจากหน่วยงานรัฐ การเมืองยิ่งแย่ เพราะจะเป็นการฟอกผิดให้จุติ ไกรฤกษ์ อดีตรมว.ไอซีที พรรคประชาธิปัตย์ ทั้งๆที่พรรคเพื่อไทย เคยอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลประชาธิปัตย์กรณีนี้มาก่อน แต่ถึงเวลากลับเลือกกลืนน้ำลายเหม็นๆตัวเอง และคนทำเรื่องนี้ขาข้างหนึ่งแหย่ในคุก เพราะต้องมีคนร้องกรรมาธิการแน่ และเรื่องคงส่งต่อไปถึงป.ป.ช รวมทั้งโดนมาตรา 157 และที่สำคัญไม่ควรให้อิทธิพลใดๆหรือของใครก็ตาม มาครอบงำองค์กรอิสระ' แหล่งข่าวกล่าวในที่สุด






ทั้งนี้ ในรายงานเพิ่มเติมของคณะทำงานยังคงยืนยันว่า ยังไม่มีหลักฐานที่เชื่อได้ว่า บีเอฟเคที มีเจตนาใช้คลื่นความถี่โดยไม่ได้อนุญาต หรือประกอบกิจการโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้การดำเนินการดังกล่าวจะเข้าข่ายองค์ประกอบความผิดตามกฏหมายมาตรา 67 ของพ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 แต่ก็เป็นไปโดยขาดเจตนา จึงเห็นว่า กทค.และ กสทช.ยังไม่ควรร้องทุกข์กล่าวโทษบริษัทและ กสท แต่เห็นควรให้เร่งรัดกับดูแลให้ทั้งสองบริษัทปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายและ มติ กทค. ที่เกี่ยวข้อง




สำนักข่าวที่อ้างอิงในประเด็นนี้
http://manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9560000040179
http://www.naewna.com/business/47144













________________________________________

กสทช.อ้างคนไทย (ย้ายลูกค้าครั้งใหญ่ที่เดียว ออกจากอกรัฐวิสาหกิจ CAT TOT) ให้ ลงทุน 200 ล.บาท ขยายความจุย้ายค่ายเบอร์เดิม


ประเด็นหลัก


พ.อ.เศรษฐพงค์ กล่าวว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้รับทราบรายงานในเรื่องการปรับปรุงการคงสิทธิเลขหมาย หรือการโอนย้ายเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ไปอีกค่ายหนึ่งของผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้ง 5 ราย ได้แก่ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด(มหาชน) หรือ เอไอเอส, บริษัท โทเทิล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ ดีแทค, บริษัท ทรูมูฟ จำกัด, บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ,บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ได้เสนอให้มีการโอนย้ายเลขหมายแบบอัตโนมัติ จากระบบ 2 จี ไป 3 จี จำนวนมากในครั้งเดียว ในรูปแบบการให้ลูกค้าตอบตกลงผ่านข้อความเชิญของผู้ประกอบการ ทั้งนี้เมื่อพิจารณาแล้วบอร์ด กทค. มีมติให้การโอนย้ายเลขหมายต้องเป็นไปในรูปแบบเดิม แต่เตรียมจะออกเป็นข้อบังคับให้เพิ่มจำนวนเลขหมายในการโอนย้ายจากปัจจุบัน โดยผู้ประกอบการทุกรายจะต้องมีจำนวนความจุในการโอนย้ายเลขหมาย วันละ 40,000 เลขหมาย ซึ่งปัจจุบันปริมาณการโอนย้ายเลขหมายของผู้ประกอบการทั้ง 5 ราย มีเฉลี่ยเพียงวันละ 3,000 ราย

สำนักข่าวที่อ้างอิงในประเด็นนี้
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1364985129&grpid=03&catid=03

____________________________

(เกาะติดประมูลDigital TV) โพลคนไทยส่วนใหญ่ไม่รู้ว่า Digital TV คืออะไร++ (แต่ต้องการให้ กสทช. แจกกล่องฟรีมากกว่าแจกคูปองส่วนลด)

ประเด็นหลัก



นายสิงห์ สิงห์ขจร อาจารย์ประจำสาขาวิชาการประชาสัมพันธ์และการสื่อสารองค์การในฐานะประธานคณะกรรมการศูนย์สำรวจความคิดเห็นบ้านสมเด็จโพลล์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา กล่าวว่า ศูนย์สำรวจความคิดเห็นบ้านสมเด็จโพลล์ ดำเนินการสำรวจโครงการสำรวจความคิดเห็นกับเกี่ยวกับทีวีดิจิตอลของประชาชน เนื่องจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มีการประกาศเกี่ยวกับเรื่องของการเปลี่ยนผ่านการรับส่งสัญญาณจากระบบอะนาล็อก มาเป็นระบบทีวีดิจิตอล แต่ประชาชนส่วนใหญ่กลับยังไม่มีความเข้าใจว่าระบบทีวีดิจิตอล นั้นจะส่งผลกระทบอย่างไรกับประชาชน และกล่องแปลงสัญญาณดิจิตอล (set-top-box) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่จะทำให้รับชมระบบทีวีดิจิตอลได้นั้นประชาชนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับอุปกรณ์นี้อย่างไร

ทั้งนี้ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ ไม่ทราบว่าช่องของทีวีดิจิตอลจะมีการแบ่งประเภทออกเป็นสามประเภทคือ ประเภทชุมชน 12 ช่อง ประเภทสาธารณะจำนวน 12 ช่อง และประเภทธุรกิจจำนวน 24 ช่อง  66.1% ทราบ 14.3% และไม่แน่ใจ 19.6%

ในส่วนของกล่องแปลงสัญญาณดิจิตอล set-top-box กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ ไม่ทราบว่าจะต้องมี set-top-box ต่อกับเครื่องโทรทัศน์ในปัจจุบันเพื่อทำให้สามารถรับชมสัญญาณในระบบดิจิตอล 44.1% ทราบ 39.1% และไม่ทราบ 16.8%

กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ ไม่ทราบว่าเมื่อติดตั้ง set-top-box เพื่อรับชมทีวีดิจิตอล ท่านจะไม่ต้องเสียค่าบริการรายเดือน (รับชมฟรี) 49.9% ทราบ  28.6% และไม่แน่ใจ 21.5% และกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่อยากให้ กสทช. มีมาตรการช่วยเหลือในเรื่องของ set-top-box เพื่อรับชมทีวีดิจิตอล โดยการแจกให้ฟรี 84.8% แจกคูปองลดราคา 11.7% และไม่ต้องการความช่วยเหลือ 3.5%.




สำนักข่าวที่อ้างอิงในประเด็นนี้
http://m.thairath.co.th/content/tech/336654

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.