Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

2 พฤษภาคม 2556 3G ทำผู้บริโภคเปลื่ยน!!! ล่าสุด ผู้ประกอบการ เตรียบรับมือ อีคอมเมิร์ซ(ซื้อขายบริการผ่านสมาร์ทโฟน) เชื่อเติบโตไม่ต่ำกว่า 105% หากเทียบกับปีที่แล้ว


ประเด็นหลัก


"ภาวุธ" กล่าวต่อว่า ตลาดอีคอมเมิร์ซน่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 105% หากเทียบกับปีที่แล้ว จากการมาของ 3G และจำนวนคนใช้อินเทอร์เน็ตที่เพิ่มมากขึ้น โดยไตรมาส 1 ที่ผ่านมาเติบโตมากกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วถึง 50% เนื่องจากผู้ประกอบการธุรกิจอีคอมเมิร์ซหลายรายเริ่มทุ่มงบประมาณการตลาดใช้สื่อโปรโมตอีคอมเมิร์ซมากขึ้น มีสินค้าวางจำหน่ายบนสื่อออนไลน์มากและหลากหลายขึ้น ทำให้การแข่งขันรุนแรงขึ้นด้วย

"ปีนี้บริษัทต่างชาติคงเข้ามาเล่นในตลาดอีคอมเมิร์ซประเทศไทยมากขึ้นอีก โดยจะเห็นทั้งในรูปแบบการเข้ามาซื้อเว็บไซต์ การเข้ามาตั้งออฟฟิศในไทย หรือขยายบริการเข้ามาในไทย ซึ่งผู้ประกอบการเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซในไทยคงต้องปรับตัวลงไปเล่นในตลาดเฉพาะกลุ่ม โดยส่วนตัวมองว่าตลาดอีคอมเมิร์ซยังไม่ถึงจุดอิ่มตัว น่าจะเติบโตไปได้อีกอย่างน้อย 10 ปี"

ขาใหญ่อีคอมเมิร์ซอีกราย "สืบสกล สกลสัตยาทร" ผู้จัดการทั่วไป ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ บริษัท ทรู ดิจิตอล คอนเท้นท์ แอนด์ มีเดีย จำกัด กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมาเว็บไซต์วีเลิฟช็อปปิ้งมีร้านค้ากว่า 300,000 ราย มีสินค้ากว่า 8.4 ล้านชิ้น มีจำนวนคนเข้าชมสินค้าในเว็บไซต์กว่า 400,000 คนต่อวัน ปีนี้จะต่อยอดด้วยการเพิ่มยอดขายให้ผู้จำหน่ายสินค้าในเว็บไซต์ ด้วยการให้คำแนะนำด้านการทำตลาดออนไลน์ และเชื่อมข้อมูลให้สินค้าที่วางจำหน่ายบนเว็บไปปรากฏบนหน้าเฟซบุ๊กของผู้ค้า รวมถึงนำสินค้าไปจำหน่ายผ่านช่องทรูวิชั่นส์ และจับมือกับกรมพัฒนาชุมชนดึงดูดให้กลุ่มเอสเอ็มอีและโอท็อปนำสินค้ามาวางจำหน่ายในเว็บไซต์ด้วย





ด้าน "ทิวา ยอร์ค" กรรมการผู้จัดการ ส่วนธุรกิจอีคอมเมิร์ซ บริษัท สนุก ออนไลน์ จำกัด เปิดเผยว่า จะเดินหน้าผลักดันให้ผู้ใช้เว็บไซต์ Sabuy.com และ Dealfish.co.th ได้ประสบการณ์ซื้อขายสินค้าที่ดีที่สุด สะดวกง่ายดาย ไม่ว่าจะใช้เว็บไซต์จากอุปกรณ์ประเภทใดก็ตาม เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคกำลังเปลี่ยนแปลงไปจากกระแสความนิยมสมาร์ทโฟน และการเปิดตัว 3G คลื่น 2.1 GHz

"ไตรมาส 1 เราเห็นการเติบโตชัดเจนในตลาดอีคอมเมิร์ซ ส่งผลให้อัตราการเติบโตของทั้งตลาดปีนี้น่าจะอยู่ที่ 50% ปัจจัยหลักคือการใช้สมาร์ทโฟนของ

ผู้บริโภค หากมองพฤติกรรมการใช้เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของสนุกจะพบว่ามีสัดส่วนผู้ที่ใช้ Sabuy.co.th ผ่านอุปกรณ์มือถือถึง 20% หากเทียบจากช่วงเวลาเดียวกันปีที่แล้วมีสัดส่วน 12% ส่วน Dealfish.co.th ก็เพิ่มขึ้นถึง 30% จากปีที่ผ่านมาแค่ 15% ผู้บริโภคเริ่มให้การยอมรับการซื้อขายสินค้าแบบอีคอมเมิร์ซมากกว่าเดิมเช่นกัน"







______________________________________





ขาใหญ่โหมปลุกตลาดคึกคัก "อีคอมเมิร์ซ" ไทยยังไปได้อีกไกล



การมาถึงของบริการ 3G คลื่นใหม่ 2.1 GHz ทำให้การเข้าถึงโลกออนไลน์ของคนไทยรุ่นใหม่เพิ่มขึ้นมาก อันนำมาซึ่งโอกาสในการซื้อขายสินค้าผ่านอุปกรณ์พกพา จึงไม่น่าแปลกที่ผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซในบ้านเราจะหันมาขยายช่องทางการให้บริการผ่านโทรศัพท์มือถือ หรือ "โมบายคอมเมิร์ซ"

นำโดยตลาดดอทคอม "ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ" กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตลาดดอทคอม จำกัด ระบุว่า จะให้ความสำคัญกับช่องทางการจำหน่ายผ่านอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ เนื่องจากการเกิด 3G คลื่น 2.1 GHz ทำให้คนทั่วไปหันมาค้นข้อมูลและซื้อสินค้าผ่านอุปกรณ์พกพามากขึ้น โดยมีแคมเปญพิเศษ เช่น มีแต้มสะสมมากเป็นพิเศษ เป็นต้น และจับมือธนาคารหลายแห่งทำโปรโมชั่นให้เจ้าของบัตรเครดิตผ่อนชำระค่าสินค้าในเว็บไซต์โดยไม่ต้องเสียดอกเบี้ย

"เราจะพยายามดึงผู้ประกอบการให้เข้ามาค้าขายบนโลกออนไลน์มากขึ้น รวมถึงเพิ่มปริมาณร้านค้าในตลาดดอทคอม ปัจจุบันมีสินค้า 2-3 ล้านรายการ ในจำนวนนี้เป็นสินค้าจากร้านค้าที่ได้รับการการันตีจากตลาดดอทคอมกว่า 300,000 รายการ เราจะ

ขยายโมเดลการชำระค่าบริการสินค้าให้ครบถ้วนมากขึ้น ตอนนี้มีรูปแบบการผ่อน การชำระเงินผ่านบัตรเครดิต และการชำระเงินผ่านบัตรเดบิต เราพยายามทำให้ผู้ซื้อในเว็บไซต์ชำระเงินผ่านบัตรเดบิตมากขึ้น เนื่องจากไทยมีผู้ถือบัตรเดบิตมาก การชำระเงินด้วยบัตรเดบิตในตลาดดอทคอมโตถึง 119% ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา"

"ภาวุธ" กล่าวต่อว่า ตลาดอีคอมเมิร์ซน่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 105% หากเทียบกับปีที่แล้ว จากการมาของ 3G และจำนวนคนใช้อินเทอร์เน็ตที่เพิ่มมากขึ้น โดยไตรมาส 1 ที่ผ่านมาเติบโตมากกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วถึง 50% เนื่องจากผู้ประกอบการธุรกิจอีคอมเมิร์ซหลายรายเริ่มทุ่มงบประมาณการตลาดใช้สื่อโปรโมตอีคอมเมิร์ซมากขึ้น มีสินค้าวางจำหน่ายบนสื่อออนไลน์มากและหลากหลายขึ้น ทำให้การแข่งขันรุนแรงขึ้นด้วย

"ปีนี้บริษัทต่างชาติคงเข้ามาเล่นในตลาดอีคอมเมิร์ซประเทศไทยมากขึ้นอีก โดยจะเห็นทั้งในรูปแบบการเข้ามาซื้อเว็บไซต์ การเข้ามาตั้งออฟฟิศในไทย หรือขยายบริการเข้ามาในไทย ซึ่งผู้ประกอบการเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซในไทยคงต้องปรับตัวลงไปเล่นในตลาดเฉพาะกลุ่ม โดยส่วนตัวมองว่าตลาดอีคอมเมิร์ซยังไม่ถึงจุดอิ่มตัว น่าจะเติบโตไปได้อีกอย่างน้อย 10 ปี"

ขาใหญ่อีคอมเมิร์ซอีกราย "สืบสกล สกลสัตยาทร" ผู้จัดการทั่วไป ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ บริษัท ทรู ดิจิตอล คอนเท้นท์ แอนด์ มีเดีย จำกัด กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมาเว็บไซต์วีเลิฟช็อปปิ้งมีร้านค้ากว่า 300,000 ราย มีสินค้ากว่า 8.4 ล้านชิ้น มีจำนวนคนเข้าชมสินค้าในเว็บไซต์กว่า 400,000 คนต่อวัน ปีนี้จะต่อยอดด้วยการเพิ่มยอดขายให้ผู้จำหน่ายสินค้าในเว็บไซต์ ด้วยการให้คำแนะนำด้านการทำตลาดออนไลน์ และเชื่อมข้อมูลให้สินค้าที่วางจำหน่ายบนเว็บไปปรากฏบนหน้าเฟซบุ๊กของผู้ค้า รวมถึงนำสินค้าไปจำหน่ายผ่านช่องทรูวิชั่นส์ และจับมือกับกรมพัฒนาชุมชนดึงดูดให้กลุ่มเอสเอ็มอีและโอท็อปนำสินค้ามาวางจำหน่ายในเว็บไซต์ด้วย

ไม่ใช่แค่นั้น ยังเปิดเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ itruemart.com อีกแห่ง โดยจะคัดเลือกสินค้าและร้านค้าพันธมิตรจากเว็บไซต์ Weloveshopping ที่มีสินค้าของคนไทยหรือเป็นแบรนด์ใหม่สัญชาติไทย เพื่อนำไปต่อยอดทำการค้าขายระดับอาเซียนด้วย

"งบฯลงทุนปีนี้คงไม่มากไปกว่าทุกปี เพราะเว็บไซต์ใหม่ใช้แพลตฟอร์มเดิมที่ใช้กับ Weloveshopping คาดว่าจะมีเงินหมุนเวียนใน Weloveshopping ไม่น้อยกว่า 15,000 ล้านบาท โตจากปีที่แล้ว 25% ซึ่งมีเงินหมุนเวียน 12,000 ล้านบาท สำหรับ itruemart ปีแรกจะนับรวมไปกับ Weloveshopping ในแง่ผู้เข้าใช้เว็บในไตรมาส 1 เติบโตสูงมาก ปัจจุบันมีกว่า 450,000 คนต่อวัน"

สำหรับภาพรวมการแข่งขันในปีนี้จะมีสีสัน และมีการเพิ่มงบประมาณลงโฆษณาในสื่อทั่วไป และสื่อดิจิทัลมากขึ้น จากการเปิดบริการ 3G คลื่นใหม่ รวมถึงผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซหันมาทำการตลาดจริงจังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ

"มีโอกาสเห็นบริษัทต่างชาติเข้ามามากขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการไทยยังแข่งขันได้จากการมีจุดแข็งเรื่องความเข้าใจลูกค้า เว็บไซต์ Weloveshopping ใช้ปัจจัยเรื่องบริการหลังการขายและการสร้างความเชื่อใจให้ผู้ใช้เว็บไซต์เป็นจุดแข็งในการแข่งขัน""สืบสกล" กล่าวต่อว่า ตลาดรวมอีคอมเมิร์ซในไทย "บีทูซี" หรือ Business to Consumer ในปี 2555 ที่ผ่านมามีมูลค่า 100,000 ล้านบาท และปีนี้จะเติบโตประมาณ 25% ทำให้มีมูลค่ารวมที่ 125,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงที่ควรจับตามองในตลาดอีคอมเมิร์ซมี 4 เรื่อง เรื่องแรก คือกำไรสินค้าที่วางจำหน่าย

รูปแบบอีคอมเมิร์ซจะลดลงเพราะการแข่งขันสูงขึ้น เรื่องที่สอง สินค้าแต่ละตัวมีเวลาในการวางขายลดลง ทำให้การบริหารสต๊อกสินค้าเปลี่ยนไป เรื่องที่สาม ผู้บริโภคจะเทียบราคาสินค้าร้านค้าปลีกกับร้านค้าออนไลน์ได้รวดเร็ว และสุดท้ายเกิดความขัดแย้งด้านช่องทางจำหน่ายสินค้า โดยอาจมีการฟ้องร้องระหว่างประเทศ รวมถึงการกีดกันด้านราคาและปัญหาลิขสิทธิ์เกิดขึ้นให้เห็นมากขึ้น

ด้าน "ทิวา ยอร์ค" กรรมการผู้จัดการ ส่วนธุรกิจอีคอมเมิร์ซ บริษัท สนุก ออนไลน์ จำกัด เปิดเผยว่า จะเดินหน้าผลักดันให้ผู้ใช้เว็บไซต์ Sabuy.com และ Dealfish.co.th ได้ประสบการณ์ซื้อขายสินค้าที่ดีที่สุด สะดวกง่ายดาย ไม่ว่าจะใช้เว็บไซต์จากอุปกรณ์ประเภทใดก็ตาม เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคกำลังเปลี่ยนแปลงไปจากกระแสความนิยมสมาร์ทโฟน และการเปิดตัว 3G คลื่น 2.1 GHz

"ไตรมาส 1 เราเห็นการเติบโตชัดเจนในตลาดอีคอมเมิร์ซ ส่งผลให้อัตราการเติบโตของทั้งตลาดปีนี้น่าจะอยู่ที่ 50% ปัจจัยหลักคือการใช้สมาร์ทโฟนของ

ผู้บริโภค หากมองพฤติกรรมการใช้เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของสนุกจะพบว่ามีสัดส่วนผู้ที่ใช้ Sabuy.co.th ผ่านอุปกรณ์มือถือถึง 20% หากเทียบจากช่วงเวลาเดียวกันปีที่แล้วมีสัดส่วน 12% ส่วน Dealfish.co.th ก็เพิ่มขึ้นถึง 30% จากปีที่ผ่านมาแค่ 15% ผู้บริโภคเริ่มให้การยอมรับการซื้อขายสินค้าแบบอีคอมเมิร์ซมากกว่าเดิมเช่นกัน"

"ทิวา" กล่าวว่า จะเห็นบริษัทจากหลายประเทศทั่วโลกเข้ามาในตลาดอีคอมเมิร์ซในไทยอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจัยที่กำหนดว่าผู้ประกอบการรายใดจะเป็นผู้ชนะ คือการมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุด รวมถึงมีผลิตภัณฑ์และบริการซึ่งเป็นที่ต้องการของคนทั่วไป หัวใจสำคัญที่จะทำให้ผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซสัญชาติไทยแข่งขันได้คือ การให้ความสำคัญกับการทำความเข้าใจความต้องการของผู้บริโภค


http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1367468595&grpid=02&catid=06&subcatid=06

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.