2 พฤษภาคม 2556 ICT ยิ้มออก++ การจัดอันดับการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (ไทยอยู่อันดับที่ 20 จาก 55 ประเทศทั่วโลกซึ่งลำดับที่ 2 อาเซียน)
ประเด็นหลัก
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความก้าวหน้าการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งประเทศไทยถูกจัดอันดับทางด้านรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (อี-กัฟเวิร์นเมนต์) หรือ e-Government ลำดับสูงขึ้น และมาอยู่ที่อันดับที่ 20 จากการสำรวจของมหาวิทยาลัย วาเซดะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการศึกษาเรื่องนี้โดยตรง ทำให้เห็นว่าประเทศไทยพัฒนามาอย่างถูกทาง และไอซีที กับสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ สรอ. ได้วางแผนการพัฒนาระบบอี-กัฟเวิร์นเมนต์ ของประเทศไทย โดยทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยวาเซดะอย่างเป็นระบบ โดยวางเป้าหมายให้ประเทศไทยขยับอันดับขึ้นมาอยู่ที่ 15 ของโลก
รวม.ไอซีที กล่าวต่อว่า แผนงานที่จะดำเนินการหลังจากนี้คือ การขยายการทำงานของประเทศไทยให้เข้าไปมีบทบาทใน APEC e-Government Research Center โดยมีมหาวิทยาลัยวาเซดะ เป็นแกนหลัก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมการเพื่อเสนอต่อที่ประชุมอาเซียน โดยบทบาทของไทยผ่านสรอ.นั้น จะเข้าไปร่วมวิจัยติดตามและประเมินความก้าวหน้าด้านไอทีของเอเปก เพื่อทำให้เกิดการทำงานและเชื่อมต่อกับระบบให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ของอาเซียนได้
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวอีกว่า ไอซีที ได้เร่งพัฒนาระบบอี-กัฟเวิร์นเมนต์ ของไทยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสรอ. ตามดัชนีชี้วัดที่สำคัญทั้ง 7 รายการของ Waseda e-Gov Ranking ตั้งแต่ความพร้อมของเครือข่าย/โครงสร้างพื้นฐาน ที่วัดกันตั้งแต่จำนวนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต บรอดแบนด์ มือถือจนถึงผู้ใช้พีซี โดยในปีนี้โครงการ Super GIN จะทำให้เครือข่ายอี-กัฟเวิร์นเมนต์ ภายในประเทศครอบคลุมทุกพื้นที่ในประเทศไทย ส่วนเรื่องประสิทธิภาพในการบริหารจัดการของหน่วยงานว่าทำให้ผู้ใช้ตระหนักรู้ถึงระบบมากน้อยเพียงใด จนถึงการหลอมรวมระหว่างระบบเก่า-ใหม่ และการจัดการด้านงบลงทุนระบบ รวมถึงแอพพลิเคชั่นย่อยๆ และตัวบทกฎหมายที่ควบคุมการใช้อี-กัฟเวิร์นเมนต์ เช่น กฎหมายอาชญากรรมคอมพิวเตอร์, ระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์, ระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ และระบบบริการเกี่ยวกับประกันสังคมให้ประชาชน ก็จะมีการพัฒนาโดยหน่วยงานในสังกัดของไอซีท่มากขึ้น ซึ่งคาดว่าภายในปี 2556 จะมีการขยายตัวมาก
สำหรับรายงานล่าสุดในการจัดอันดับการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ในระดับสากล ของ Waseda University International e-Government Ranking 2013 ซึ่งจัดทำโดยสถาบันรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยวาเซดะ ประเทศญี่ปุ่น ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์อยู่ในอันดับที่ 20 จาก 55 ประเทศทั่วโลก เป็นการขยับสูงขึ้น 3 อันดับ จากปี 2555 ที่อยู่ในอันดับ 23 จาก 55 ประเทศ โดยอยู่ในลำดับที่ 2 ของประเทศในภูมิภาคอาเซียนรองจากประเทศสิงคโปร์ และอยู่ในอันดับที่ 9 จาก 20 ประเทศของกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือ เอเปก (Asia-Pacific Economic Cooperation : APEC) จากรายงานดังกล่าวเป็นการสะท้อนถึงความพยายามในการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทย ซึ่งทำให้เห็นถึงจุดแข็งที่จะต้องส่งเสริมและจุดอ่อนที่จะต้องแก้ไขและปรับปรุงต่อไป
______________________________________
ไอซีที ผนึก สรอ. ตั้งเป้าดันไทย ผงาดอี-กัฟเวิร์นเมนต์ อันดับ15 ของโลก
ไอซีที ผนึก EGA ประกาศกร้าวดันลำดับอี-กัฟเวิร์นเมนต์ไทยบนเวทีโลกขึ้นอันดับ 15 เตรียมแผนดันทั้งระบบ พร้อมร่วมมือ ม.วาเซดะ วางระบบรับเอเปกอิเล็กทรอนิกส์...
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความก้าวหน้าการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งประเทศไทยถูกจัดอันดับทางด้านรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (อี-กัฟเวิร์นเมนต์) หรือ e-Government ลำดับสูงขึ้น และมาอยู่ที่อันดับที่ 20 จากการสำรวจของมหาวิทยาลัย วาเซดะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการศึกษาเรื่องนี้โดยตรง ทำให้เห็นว่าประเทศไทยพัฒนามาอย่างถูกทาง และไอซีที กับสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ สรอ. ได้วางแผนการพัฒนาระบบอี-กัฟเวิร์นเมนต์ ของประเทศไทย โดยทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยวาเซดะอย่างเป็นระบบ โดยวางเป้าหมายให้ประเทศไทยขยับอันดับขึ้นมาอยู่ที่ 15 ของโลก
รวม.ไอซีที กล่าวต่อว่า แผนงานที่จะดำเนินการหลังจากนี้คือ การขยายการทำงานของประเทศไทยให้เข้าไปมีบทบาทใน APEC e-Government Research Center โดยมีมหาวิทยาลัยวาเซดะ เป็นแกนหลัก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมการเพื่อเสนอต่อที่ประชุมอาเซียน โดยบทบาทของไทยผ่านสรอ.นั้น จะเข้าไปร่วมวิจัยติดตามและประเมินความก้าวหน้าด้านไอทีของเอเปก เพื่อทำให้เกิดการทำงานและเชื่อมต่อกับระบบให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ของอาเซียนได้
นอกจากนั้น กิจกรรมของ ยังเตรียมการเพื่อร่วมจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการในประเด็นด้าน อี-กัฟเวิร์นเมนต์ ในการประชุม APECTEL ในครั้งต่อไป ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญทางด้านไอทีและโทรคมนาคมของภาครัฐในภูมิภาคนี้มากขึ้น รวมถึงกิจกรรมการจัดทำ Data Bank หรือคลังข้อมูลสำหรับ อี-กัฟเวิร์นเมนต์ เพื่อรองรับบรรดาสมาชิกทางด้านเศรษฐกิจ และเข้าไปดูแลด้านการฝึกอบรมในหลักสูตรระยะสั้นๆ ให้แก่ CIO ผ่านระบบออนไลน์ โครงการ APEC e-Government Research Center เกิดจากความร่วมมือด้าน อี-กัฟเวิร์นเมนต์ ขององค์กรด้าน e-Gov หลักจาก 4 ประเทศ คือ Institute of e-Government มหาวิทยาลัยวาเซดะ ประเทศญี่ปุ่น, สรอ.ประเทศไทย และอีกสองหน่วยคือ Infocom Development Authority of Singapore (IDA) และ Chinese Taipei’s Taiwan e-Governance Research Center หรือ TEG
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวอีกว่า ไอซีที ได้เร่งพัฒนาระบบอี-กัฟเวิร์นเมนต์ ของไทยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสรอ. ตามดัชนีชี้วัดที่สำคัญทั้ง 7 รายการของ Waseda e-Gov Ranking ตั้งแต่ความพร้อมของเครือข่าย/โครงสร้างพื้นฐาน ที่วัดกันตั้งแต่จำนวนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต บรอดแบนด์ มือถือจนถึงผู้ใช้พีซี โดยในปีนี้โครงการ Super GIN จะทำให้เครือข่ายอี-กัฟเวิร์นเมนต์ ภายในประเทศครอบคลุมทุกพื้นที่ในประเทศไทย ส่วนเรื่องประสิทธิภาพในการบริหารจัดการของหน่วยงานว่าทำให้ผู้ใช้ตระหนักรู้ถึงระบบมากน้อยเพียงใด จนถึงการหลอมรวมระหว่างระบบเก่า-ใหม่ และการจัดการด้านงบลงทุนระบบ รวมถึงแอพพลิเคชั่นย่อยๆ และตัวบทกฎหมายที่ควบคุมการใช้อี-กัฟเวิร์นเมนต์ เช่น กฎหมายอาชญากรรมคอมพิวเตอร์, ระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์, ระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ และระบบบริการเกี่ยวกับประกันสังคมให้ประชาชน ก็จะมีการพัฒนาโดยหน่วยงานในสังกัดของไอซีท่มากขึ้น ซึ่งคาดว่าภายในปี 2556 จะมีการขยายตัวมาก
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มระดับช่องทางการสื่อสารบนหน้าโฮมเพจ ศักยภาพของผู้บริหารฝ่ายเทคโนโลยีในภาครัฐ โปรโมชั่นส่งเสริมระบบอี-กัฟเวิร์นเมนต์ จนถึงระบบกลไกที่ทำให้อี-กัฟเวิร์นเมนท์ทำงานได้ประสบความสำเร็จ โดยหลังจากนี้จะมีการจัดกลุ่มหน่วยงานรัฐตามศักยภาพ และจะได้วางแนวทางการพัฒนาแต่ละกลุ่มที่เหมาะสมมากขึ้น ซึ่งในส่วนนี้ทางมหาวิทยาลัยวาเซดะได้เข้ามาเป็นที่ปรึกษาในการกำหนดแนวทางด้วย
สำหรับรายงานล่าสุดในการจัดอันดับการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ในระดับสากล ของ Waseda University International e-Government Ranking 2013 ซึ่งจัดทำโดยสถาบันรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยวาเซดะ ประเทศญี่ปุ่น ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์อยู่ในอันดับที่ 20 จาก 55 ประเทศทั่วโลก เป็นการขยับสูงขึ้น 3 อันดับ จากปี 2555 ที่อยู่ในอันดับ 23 จาก 55 ประเทศ โดยอยู่ในลำดับที่ 2 ของประเทศในภูมิภาคอาเซียนรองจากประเทศสิงคโปร์ และอยู่ในอันดับที่ 9 จาก 20 ประเทศของกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือ เอเปก (Asia-Pacific Economic Cooperation : APEC) จากรายงานดังกล่าวเป็นการสะท้อนถึงความพยายามในการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทย ซึ่งทำให้เห็นถึงจุดแข็งที่จะต้องส่งเสริมและจุดอ่อนที่จะต้องแก้ไขและปรับปรุงต่อไป
โดย: ไทยรัฐออนไลน์
http://m.thairath.co.th/content/tech/342424
ไม่มีความคิดเห็น: