Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

03 มิถุนายน 2556 เครือข่ายสนับสนุนธรรมะภาค ปชช.จี้ กสทช. (ให้เปิดเผยผลการศึกษาการออกใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียง ) ออกเผยแพร่ภายในกำหนดเวลา 15 วัน หากไม่ทำ เตรียมฟ้องศาล โทษฐานที่ กสทช.จงใจฝ่าฝืน พ.ร.บ.



ประเด็นหลัก



  ซึ่งผลงานวิจัยชิ้นนี้ได้ถูกจัดทำมาโดยนักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้และคุณภาพ มีข้อมูลความรู้ที่ละเอียดรอบด้าน มีคุณค่า และมีความน่าเชื่อถือทางวิชาการเหนือกว่าผลการศึกษาใดๆ ประการสำคัญ เป็นการดำเนินการตามมติ กทช. ครั้งที่ 43/2552 เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2552 โดยได้รับจัดสรรงบประมาณจากสำนักงาน กสทช. ตามมติ กทช. ครั้งที่ 39/2553 เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2553 ซึ่งเป็นการใช้งบประมาณแผ่นดินที่มาจากเงินภาษีประชาชน
   
       ประการสำคัญยิ่งกว่านั้น ผลงานชิ้นนี้ได้บ่งบอกถึงคุณลักษณะของวิทยุภาคประชาชน หรือวิทยุชุมชนเชิงประเด็นที่ครอบคลุมละเอียดกว่าผลการศึกษาใดๆ ของประเทศไทยในขณะนี้ ซึ่งเปรียบเป็น “แบบแปลนแผนผังของวิทยุภาคประชาชน” อันเป็นเจตนารมณ์สูงสุดของการปฏิรูปสื่ออย่างแท้จริง
   
       ดังนั้น ประกาศ มติ คำสั่ง หรือกฎระเบียบใดๆ ที่ออกจาก กสทช.อันเกี่ยวกับวิทยุภาคประชาชน จึงต้องไม่ขัดแย้งหรือไม่ข้ามเกินผลการศึกษาฉบับนี้โดยเด็ดขาด และหาก กสทช.ยังจงใจปิดบังซ่อนเร้นผลการศึกษาดังกล่าวมาถึง 2 ปีด้วยแล้ว เครือข่ายประชาชนพิจารณาแล้วเห็นว่า กสทช.กำลังทำผิดกฎหมาย ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หากจะเรียกว่าปิดกั้นกระบวนการปฏิรูปสื่ออย่างรุนแรงก็ไม่ผิด
   
       เครือข่ายประชาชนจึงขอเรียกร้องให้ กสทช.เผยแพร่ผลการศึกษาทางเว็บไซต์ของ กสทช.โดยเร็วภายในระยะเวลา 15 วันนับจากวันที่ยื่นหนังสือฉบับนี้ ทั้งนี้ เนื่องจากเครือข่ายประชาชนได้ให้เวลาแก่ กสทช.ยาวนานพอแล้ว นอกจากนี้ ตัวชี้วัดข้อ 9 ตามแผนแม่บทกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ฉบับที่ 1 ก็กำหนดไว้ด้วยว่า กสทช.ต้องออกหลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์คลื่นความถี่ และการส่งเสริมการใช้คลื่นความถี่ในกิจการบริการชุมชนด้านกิจการกระจายเสียงในสัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ในแต่ละพื้นที่ของการอนุญาตภายใน 2 ปี
   
       กล่าวคือ กสทช.ต้องออกหลักเกณฑ์วิทยุบริการชุมชนที่ครอบคลุมเชิงประเด็นให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2556 นี้เท่านั้น เครือข่ายประชาชนซึ่งรอการเผยแพร่ผลการศึกษาฉบับนี้มายาวนาน 2 ปีแล้วจึงไม่อาจรอคอยอีกต่อไปได้
   
       ดังนั้น หาก กสทช.ยังไม่นำผลการศึกษาออกเผยแพร่ภายในกำหนดเวลา 15 วัน เครือข่ายประชาชนมีความจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมาย โทษฐานที่ กสทช.จงใจฝ่าฝืน พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนานคม พ.ศ. 2553 มาตรา 59(5) ซึ่งบัญญัติว่า ให้สำนักงาน กสทช.เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินงานของ กสทช. และสำนักงาน กสทช. ให้ประชาชนทราบทางระบบเครือข่ายสารสนเทศ หรือวิธีการอื่นที่เห็นสมควร โดยอย่างน้อยต้องเปิดเผยข้อมูลดังต่อไปนี้ (5) ผลการศึกษาวิจัยและผลงานอื่นๆ ที่ว่าจ้างให้หน่วยงานภายนอกดำเนินการ
   
       ด้านนายฉลาด อาสายุทธ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน กสทช.เขต 8 อุดรธานี กล่าวภายหลังจากการรับหนังสือว่า ขอให้ทุกคนที่มาในวันนี้สบายใจได้ ตนจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด แต่ระยะเวลาของคำตอบนั้นต้องขึ้นกับผู้บริหาร ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการปิดสถานีวิทยุเสียงธรรม 103.25 นั้น ตนยืนยันไม่มีใครจะมาปิดได้ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย






______________________________________






เครือข่ายสนับสนุนธรรมะภาค ปชช.จี้ “กสทช.” เปิดผลการศึกษาการออกใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียง


อุดรธานี - เครือข่ายประชาชนสนับสนุนธรรมะผ่านสื่อภาคประชาชนเรียกร้อง “กสทช.” เขต 8 อุดรธานีเผยแพร่รายงานการศึกษา โครงการศึกษาความเป็นไปได้ในการอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงผ่านสื่อออนไลน์ และสื่อต่างๆ ภายใน 15 วัน ลั่นหากไม่ทำจะดำเนินการเอาผิด กสทช.ตามกฎหมาย
     
       วันนี้ (3 มิ.ย.) ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เขต 8 (อุดรธานี) ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี เครือข่ายประชาชนสนับสนุนการเผยแพร่ธรรมะผ่านสื่อภาคประชาชนกว่า 200 คน นำโดยนางสุภา คุณธีระ ประธานเครือข่าย มายื่นหนังสือขอความอนุเคราะห์ กสทช. อย่าปิดบังโครงการศึกษาความเป็นไปได้ในการอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงที่มุ่งเน้นในเชิงประเด็น ภายใต้ พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 ที่จัดทำโดยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ต่อนายฉลาด อาสายุทธ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน กสทช.เขต 8 อุดรธานี
     
       ทั้งนี้ หนังสือระบุว่า ในนามเครือข่ายประชาชน ซึ่งประกอบด้วยสมาคม มูลนิธิ ชมรม องค์กรชุมชน กลุ่ม และประชาชน ซึ่งได้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับสื่อวิทยุกระจายเสียงภาคประชาชน โดยเฉพาะกรณีวิทยุชุมชนเชิงประเด็นหรือเชิงความสนใจ (Issue-based Community Radio or Community Radio of Interest) มาโดยตลอด นับตั้งแต่การติดตามรับฟังคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับดูแลกิจการวิทยุกระจายเสียง กิจการวิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ... ณ อาคารรัฐสภา ทั้งจากฝ่ายสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา
     
       ตลอดจนการทำประชาพิจารณ์ 4 ภาค การประชุมโฟกัสกรุ๊ปเกี่ยวกับ “วิทยุชุมชนเชิงประเด็น” รวมถึงการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะในงานศึกษาวิจัยเรื่อง “โครงการศึกษาความเป็นไปได้ในการอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงที่มุ่งเน้นในเชิงประเด็น ภายใต้พ.ร.บ.การประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551”
     
       นอกจากนั้น เครือข่ายประชาชนยังได้เฝ้าติดตามการทำงานของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) จนมาเป็น กสทช.อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด และทราบมานานแล้วว่าผลการศึกษาตามโครงการดังกล่าวได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์มานานแล้วตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2554
     
       จึงมีความวิตกกังวลเป็นอย่างยิ่งที่จนกระทั่งบัดนี้ กสทช.ยังมิได้เผยแพร่ผลการศึกษาโครงการดังกล่าวให้สาธารณชนได้รับทราบแต่อย่างใด
     
       ซึ่งผลงานวิจัยชิ้นนี้ได้ถูกจัดทำมาโดยนักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้และคุณภาพ มีข้อมูลความรู้ที่ละเอียดรอบด้าน มีคุณค่า และมีความน่าเชื่อถือทางวิชาการเหนือกว่าผลการศึกษาใดๆ ประการสำคัญ เป็นการดำเนินการตามมติ กทช. ครั้งที่ 43/2552 เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2552 โดยได้รับจัดสรรงบประมาณจากสำนักงาน กสทช. ตามมติ กทช. ครั้งที่ 39/2553 เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2553 ซึ่งเป็นการใช้งบประมาณแผ่นดินที่มาจากเงินภาษีประชาชน
     
       ประการสำคัญยิ่งกว่านั้น ผลงานชิ้นนี้ได้บ่งบอกถึงคุณลักษณะของวิทยุภาคประชาชน หรือวิทยุชุมชนเชิงประเด็นที่ครอบคลุมละเอียดกว่าผลการศึกษาใดๆ ของประเทศไทยในขณะนี้ ซึ่งเปรียบเป็น “แบบแปลนแผนผังของวิทยุภาคประชาชน” อันเป็นเจตนารมณ์สูงสุดของการปฏิรูปสื่ออย่างแท้จริง
     
       ดังนั้น ประกาศ มติ คำสั่ง หรือกฎระเบียบใดๆ ที่ออกจาก กสทช.อันเกี่ยวกับวิทยุภาคประชาชน จึงต้องไม่ขัดแย้งหรือไม่ข้ามเกินผลการศึกษาฉบับนี้โดยเด็ดขาด และหาก กสทช.ยังจงใจปิดบังซ่อนเร้นผลการศึกษาดังกล่าวมาถึง 2 ปีด้วยแล้ว เครือข่ายประชาชนพิจารณาแล้วเห็นว่า กสทช.กำลังทำผิดกฎหมาย ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หากจะเรียกว่าปิดกั้นกระบวนการปฏิรูปสื่ออย่างรุนแรงก็ไม่ผิด
     
       เครือข่ายประชาชนจึงขอเรียกร้องให้ กสทช.เผยแพร่ผลการศึกษาทางเว็บไซต์ของ กสทช.โดยเร็วภายในระยะเวลา 15 วันนับจากวันที่ยื่นหนังสือฉบับนี้ ทั้งนี้ เนื่องจากเครือข่ายประชาชนได้ให้เวลาแก่ กสทช.ยาวนานพอแล้ว นอกจากนี้ ตัวชี้วัดข้อ 9 ตามแผนแม่บทกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ฉบับที่ 1 ก็กำหนดไว้ด้วยว่า กสทช.ต้องออกหลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์คลื่นความถี่ และการส่งเสริมการใช้คลื่นความถี่ในกิจการบริการชุมชนด้านกิจการกระจายเสียงในสัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ในแต่ละพื้นที่ของการอนุญาตภายใน 2 ปี
     
       กล่าวคือ กสทช.ต้องออกหลักเกณฑ์วิทยุบริการชุมชนที่ครอบคลุมเชิงประเด็นให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2556 นี้เท่านั้น เครือข่ายประชาชนซึ่งรอการเผยแพร่ผลการศึกษาฉบับนี้มายาวนาน 2 ปีแล้วจึงไม่อาจรอคอยอีกต่อไปได้
     
       ดังนั้น หาก กสทช.ยังไม่นำผลการศึกษาออกเผยแพร่ภายในกำหนดเวลา 15 วัน เครือข่ายประชาชนมีความจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมาย โทษฐานที่ กสทช.จงใจฝ่าฝืน พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนานคม พ.ศ. 2553 มาตรา 59(5) ซึ่งบัญญัติว่า ให้สำนักงาน กสทช.เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินงานของ กสทช. และสำนักงาน กสทช. ให้ประชาชนทราบทางระบบเครือข่ายสารสนเทศ หรือวิธีการอื่นที่เห็นสมควร โดยอย่างน้อยต้องเปิดเผยข้อมูลดังต่อไปนี้ (5) ผลการศึกษาวิจัยและผลงานอื่นๆ ที่ว่าจ้างให้หน่วยงานภายนอกดำเนินการ
     
       ด้านนายฉลาด อาสายุทธ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน กสทช.เขต 8 อุดรธานี กล่าวภายหลังจากการรับหนังสือว่า ขอให้ทุกคนที่มาในวันนี้สบายใจได้ ตนจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด แต่ระยะเวลาของคำตอบนั้นต้องขึ้นกับผู้บริหาร ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการปิดสถานีวิทยุเสียงธรรม 103.25 นั้น ตนยืนยันไม่มีใครจะมาปิดได้ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย

http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9560000066499&Keyword=%a1%ca%b7

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.