Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

14 มิถุนายน 2556 เด็กไทยคิดเรื่อง ไฮโซ++ นักศึกษาหนุ่มวิศวฯ มทรธ. คิดโปรแกรมจำลอง อัพลิงค์ และดาวค์ลิงค์ MIMO 4G LTE ผลการวิเคราะห์ไปใช้ในการพัฒนาในโทรศัพท์ได้จริง



ประเด็นหลัก



       ด้วยเหตุนี้ นายนันทวุธ นามบุศย์ นักศึกษาภาควิชาวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคม คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี และดร.ไพฑูรย์ รักเหลือ อาจารย์ที่ปรึกษา จึงได้คิดค้นระบบจำลอง อัพลิงค์ และดาวค์ลิงค์ MIMO สำหรับการบริการ LTE-Advanced ด้วยโปรแกรม ADS ขึ้น ซึ่งโปรแกรมที่ว่านี้ เกี่ยวกับเทคโนโลยีการสื่อสารและโทรคมนาคมที่กำลังเข้ามามีบทบาทสำหรับกับทุกคนอย่างไร


งเกี่ยวกับแบบจำลองที่คิดขึ้นเจ้าของผลงานได้อธิบายว่า แบบจำลองนี้ ประกอบด้วยการออกแบบในช่องสัญญาณ อัพลิงค์ และดาวน์ลิงค์ โดยออกแบบระบบที่มีแบนด์วิดท์ในช่วงที่กำหนด และออกแบบระบบที่ได้รับผลกระทบที่ทำให้ EVM เปลี่ยนไปมีทั้งด้านอัพลิงค์และดาวน์ลิงค์ ซึ่งจากการจำลองพบว่า แบนด์วิดท์ ต้องอยู่ในย่านความถี่ที่ต้องการใช้งานเท่านั้นเพราะถ้าไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาในเรื่องของ Out of band คือการถูกรบกวนด้วยสัญญาณอื่นๆที่อยู่ข้างเคียง ค่า EVM เป็นค่าที่ใช้กำหนดคุณภาพของสัญญาณที่จะส่งออกไปโดยทำการเปรียบเทียบเฟสของสัญญาณอ้างอิงกับเฟสของสัญญาณในทาง ซึ่งมาตรฐานนั้นมีความแตกต่างกันเช่น การมอดูเลชั่นแบบQPSK ไม่ควรมีค่าความคาดเคลื่อนเกิน 17.5 เปอร์เซ็นต์ การมอดูเลชั่นแบบ 16 QAM ไม่ควรมีค่าคาดเคลื่อนเกิน 12.5 เปอร์เซ็นต์ และการมอดูเลชั่นแบบ 16 QAM ไม่ควรมีค่าคาดเคลื่อนเกิน 8 เปอร์เซ็นต์ เพราะถ้าหากเกินมาตรฐานก็จะทำให้การรับส่งข้อมูลเกิดความผิดพลาด และอัตราความผิดพลาดของบิต คือค่าอัตราความผิดพลาดบิตเป็นหัวใจสำคัญในการวัดค่าของระบบสื่อสารว่าคุณภาพเป็นอย่างไรโดยตัวแปรต่างๆที่ส่งผลกระทบต่อค่าอัตราความผิดพลาดบิตเช่น ความเร็ว สัญญาณรบกวนเป็นต้น
   





______________________________________





นักศึกษาหนุ่มวิศวฯออกแบบจำลอง อัพลิงค์ดาวลิงค์ รองรับ 4 G ในอนาคต


       ถึงแม้บ้านเราจะเพิ่งได้ใช้เทคโนโลยี 3G ไปได้ไม่นาน แต่เชื่อแน่ว่าเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับการสื่อสารไม่มีทางหยุดนิ่ง และในขณะที่ประเทศไทยเพิ่งได้ใช้เทคโนโลยี 3G หากแต่ในหลายๆประเทศก็ได้พัฒนาไปถึงขั้นกันใช้เทคโนโลยี 4 G ซึ่งในอนาคตไม่นานประเทศไทยก็คงจะได้ใช้ 4G ด้วยเช่นกัน
   

       ด้วยเหตุนี้ นายนันทวุธ นามบุศย์ นักศึกษาภาควิชาวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคม คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี และดร.ไพฑูรย์ รักเหลือ อาจารย์ที่ปรึกษา จึงได้คิดค้นระบบจำลอง อัพลิงค์ และดาวค์ลิงค์ MIMO สำหรับการบริการ LTE-Advanced ด้วยโปรแกรม ADS ขึ้น ซึ่งโปรแกรมที่ว่านี้ เกี่ยวกับเทคโนโลยีการสื่อสารและโทรคมนาคมที่กำลังเข้ามามีบทบาทสำหรับกับทุกคนอย่างไร
     
       เจ้าของผลงานเปิดเผยว่าเนื่องจากในปัจจุบันโทรศัพท์มือถือมีความสำคัญกับมนุษย์เป็นอย่างมาก ทำให้ต้องมีวิวัฒนาการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีสื่อสารที่ใช้บนโทรศัพท์มือถือในประเทศไทยขณะนี้เข้าสู่ยุคที่ 3 แต่ผู้ให้บริการส่วนใหญ่ยังคงอิงเทคโนโลยีของการสื่อสารยุค 2.5 อยู่ แต่ถ้ามองในประเทศที่พัฒนาแล้วจะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีที่ใช้บนมือถือได้ก้าวไปสู่ระบบสื่อสารยุคที่ 4
     
       "Long Term Evolution(LTE-Advanced)หรือรู้จักกันดีกันในชื่อเทคโนโลยี 4Gนั่นเอง สำหรับโครงการนี้ เป็นการ จำลองระบบสื่อสาร 4G โดยผ่านโปรแกรม Advanced Design System(ADS) เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลทางด้านการสื่อสัญญาณข่ายการเชื่อมโยงลงและการสื่อสัญญาณข่ายการเชื่อมโยงขึ้น โดยเทียบกับมาตรฐานกับระบบ LTE(R8)"
     
       เมื่อถามว่าระบบจำลองดีอย่างไร เจ้าของแนวคิดและผลงานอธิบายว่า ในปัจจุบันถ้าหากประเทศไทยเข้าสู่เทคโนโลยียุค 4G เราก็จำเป็นจะต้องพัฒนาอุปกรณ์สำหรับรองรับ ซึ่งในปัจจุบันนี้ยังไม่มีอุปกรณ์รองรับมากนักและราคาสูงอีกด้วย ซึ่งประโยชน์ของแบบจำลองที่ตนคิดขึ้นจะสามารถนำเอาผลการวิเคราะห์ไปใช้ในการพัฒนาในโทรศัพท์ได้จริง
     
       ซึ่งเกี่ยวกับแบบจำลองที่คิดขึ้นเจ้าของผลงานได้อธิบายว่า แบบจำลองนี้ ประกอบด้วยการออกแบบในช่องสัญญาณ อัพลิงค์ และดาวน์ลิงค์ โดยออกแบบระบบที่มีแบนด์วิดท์ในช่วงที่กำหนด และออกแบบระบบที่ได้รับผลกระทบที่ทำให้ EVM เปลี่ยนไปมีทั้งด้านอัพลิงค์และดาวน์ลิงค์ ซึ่งจากการจำลองพบว่า แบนด์วิดท์ ต้องอยู่ในย่านความถี่ที่ต้องการใช้งานเท่านั้นเพราะถ้าไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาในเรื่องของ Out of band คือการถูกรบกวนด้วยสัญญาณอื่นๆที่อยู่ข้างเคียง ค่า EVM เป็นค่าที่ใช้กำหนดคุณภาพของสัญญาณที่จะส่งออกไปโดยทำการเปรียบเทียบเฟสของสัญญาณอ้างอิงกับเฟสของสัญญาณในทาง ซึ่งมาตรฐานนั้นมีความแตกต่างกันเช่น การมอดูเลชั่นแบบQPSK ไม่ควรมีค่าความคาดเคลื่อนเกิน 17.5 เปอร์เซ็นต์ การมอดูเลชั่นแบบ 16 QAM ไม่ควรมีค่าคาดเคลื่อนเกิน 12.5 เปอร์เซ็นต์ และการมอดูเลชั่นแบบ 16 QAM ไม่ควรมีค่าคาดเคลื่อนเกิน 8 เปอร์เซ็นต์ เพราะถ้าหากเกินมาตรฐานก็จะทำให้การรับส่งข้อมูลเกิดความผิดพลาด และอัตราความผิดพลาดของบิต คือค่าอัตราความผิดพลาดบิตเป็นหัวใจสำคัญในการวัดค่าของระบบสื่อสารว่าคุณภาพเป็นอย่างไรโดยตัวแปรต่างๆที่ส่งผลกระทบต่อค่าอัตราความผิดพลาดบิตเช่น ความเร็ว สัญญาณรบกวนเป็นต้น
     
       อย่างไรก็ตาม เจ้าของผลงานยังได้บอกอีกว่า หากว่าระบบจำลองนี้ได้ถูกนำไปใช้จริงนอกจากจะได้รับความสะดวกในการนำค่าการวิเคราะห์ไปเปรียบเทียบเพื่อพัฒนาอุปกรณ์รองรับเทคโนโลยี 4G แล้วยังสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้เป็นจำนวนไม่น้อยอีกด้วย



http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9560000070526

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.