Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

05 มกราคม 2557 สำรวจการโตของ3G ไตรมาสที่ 3/2556 รายได้จากบริการข้อมูล AIS 8.2 พันล้านบาท // DTAC 5.9 พันล้านบาท // TRUE 3.6 พันล้านบาท // กสทช.ทราบตัวเลขนำเข้าสมาร์ทโฟนและแท็บเลตคิดเป็นมูลค่ากว่า 6.5 แสนล้านบาท


ประเด็นหลัก

  เมื่อพลิกดูผลประกอบการของเอไอเอส  ในไตรมาสที่ 3/2556 รายได้จากบริการข้อมูล อยู่ที่ 8.2 พันล้านบาทเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 6.6 พันล้านบาท ขณะที่รายได้ประเภทบริการเสียงไตรมาส 3/2556 อยู่ที่ 17.8 หมื่นล้านบาท และ เปรียบเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 18.4 หมื่นล้านบาท  มีจำนวนผู้ใช้บริการอยู่ที่ 39 ล้านเลขหมาย นั้นก็พิสูจน์ได้เป็นอย่างดีแล้วว่าธุรกิจคอนเทนต์ (บริการเนื้อหา) กำลังเป็นดาวรุ่งในยุคนี้!


    เช่นเดียวกับดีแทค มีรายได้เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน โดยผลประกอบการในช่วงไตรมาส 3/2556 มีจำนวนผู้ใช้บริการทั้งสิ้น 27.5 ล้านเลขหมาย โดยมีจำนวนผู้ใช้บริการสุทธิใหม่เพิ่มขึ้น 2.4 แสนเลขหมาย และมีจำนวนผู้ใช้บริการข้อมูล 10.5 ล้านเลขหมาย โดยผู้ใช้บริการประเภทเสียงในไตรมาสที่ 3/2556 อยู่ที่ 10.1 หมื่นล้านบาท เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 10.6 หมื่นล้านบาท และรายได้ประเภทข้อมูลอยู่ที่ 5.9 พันล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 3.8 พันล้านบาท
    ด้านนายปกรณ์ พรรณเชษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานการตลาดของดีแทค กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมาบริการประเภทข้อมูล ดีแทคมีอัตราการเติบโตถึง 30%  เนื่องจากการใช้โมบายอินเตอร์เน็ตเพิ่มสูงขึ้นตามลำดับ ดังนั้นในเรื่องของคอนเทนต์ ดีแทคจะให้ความสำคัญ 2 กลุ่ม คือ บริการทางด้านเพลง คือ DEEZER และ แอพพลิเคชัน Readever อ่าน เขียน แชร์  เป็นหนังสือพิมพ์ดิจิตอล



    ขณะที่บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยถึงผลประกอบการในส่วนของรายได้จากโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลุ่มทรูโมบาย โดยผลประกอบการในไตรมาส 3/2556 อยู่ที่ 4.7 พันล้านบาท เปรียบเทียบช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 4.8 พันล้านบาท และรายได้จากบริการประเภทข้อมูลไตรมาส 3/2556 อยู่ที่ 3.6 พันล้านบาท เปรียบเทียบช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 2.3 พันล้านบาท ขณะที่ฐานลูกค้าอยู่ที่  22.4 ล้านราย
 



    อย่างไรก็ตามจากสถิติการนำเข้าโทรศัพท์เคลื่อนที่และแท็บเลต ที่ กสทช. (คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ) ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลการนำเข้าอุปกรณ์ทั้ง 2 ส่วนตั้งแต่ปี 2552-2556  (วันที่ 19 ธันวาคม 2556) ปรากฏว่า ประเทศไทยมีการนำเข้าโทรศัพท์เคลื่อนที่และแท็บเลตรวม 3,880 รุ่น เป็นจำนวนทั้งสิ้น 92,729,417 เครื่อง คิดเป็นมูลค่ากว่า 6.5 แสนล้านบาท








______________________________________

ยุคโมบายเน็ตฯ แรง




 ถึงตอนนี้พิสูจน์ได้แล้วว่าตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมาผ่านมาถึงปี 2557  ซึ่งตรงกับปีมะเมีย ถือว่าปีนี้เป็นปีทองบริการรายได้ทางข้อมูล (nonvoice) อย่างเต็มรูปแบบ
alt    เหตุผลหลักๆ อันเนื่องมาจากการเปิดให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3 จี ย่านความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ที่ กสทช. (คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ) ได้ออกใบอนุญาตเมื่อปลายปี 2555 ที่ผ่านมาให้กับบรรดาผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้ง 3 ราย ไล่เรียงตั้งแต่ เอไอเอส หรือบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน), ดีแทค หรือบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่เปิดให้บริการตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2556 ที่ผ่านมา
***เอไอเอส ฟันรายได้ 8.2 พันล้าน
    เมื่อพลิกดูผลประกอบการของเอไอเอส  ในไตรมาสที่ 3/2556 รายได้จากบริการข้อมูล อยู่ที่ 8.2 พันล้านบาทเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 6.6 พันล้านบาท ขณะที่รายได้ประเภทบริการเสียงไตรมาส 3/2556 อยู่ที่ 17.8 หมื่นล้านบาท และ เปรียบเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 18.4 หมื่นล้านบาท  มีจำนวนผู้ใช้บริการอยู่ที่ 39 ล้านเลขหมาย นั้นก็พิสูจน์ได้เป็นอย่างดีแล้วว่าธุรกิจคอนเทนต์ (บริการเนื้อหา) กำลังเป็นดาวรุ่งในยุคนี้!
*** ถึงยุคโมบายอินเตอร์เน็ต
    นายปรัธนา ลีลพนัง ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานผลิตภัณฑ์และบริการดิจิตอล บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า  บริการรายได้ประเภทคอนเทนต์มีอัตราการเติบโตเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากเป็นยุคโมบายอินเตอร์เน็ต หลังจากนี้จะเห็นผู้บริโภคถือโทรศัพท์เคลื่อนที่สมาร์ทโฟนในราคา 2.5 พันบาทเพิ่มมากขึ้น และต่อไปเครื่องฟีดเจอร์โฟนจะลดลงตามลำดับ เพราะผู้ใช้สมาร์ทโฟนจะติดต่อผ่านทางด้านดาต้า ตัวอย่างเห็นได้ชัด คือการติดต่อผ่านโปรแกรมแชตทางไลน์ และ ประเภทอื่นๆ เพิ่มมากขึ้น
    "ช่วงปลายปี 2556 จะเห็นว่ามีการตัดราคาเครื่องลูกข่ายลงมา 4-5 พันบาท เพราะต้องการกระตุ้นผู้บริโภคมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3 จี รูปแบบการแข่งขันจะเป็นลักษณะนี้ ลูกค้าย้ายเข้าและย้ายออกจากระบบก็เป็นเรื่องปกติ"
    นายปรัธนายังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า แม้โทรศัพท์เคลื่อนที่สมาร์ทโฟนเข้ามามีบทบาทแต่เชื่อว่าไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคจะไม่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่จะเห็นปริมาณผู้ใช้เพิ่มมากขึ้นกระจายไปยังหัวเมืองและต่างจังหวัด เพราะต่อไปผู้บริโภคจะติดต่อผ่านออนไลน์ทั้งหมดทั้งโซเชียลมีเดีย และไลน์ โดยโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นตัวกลางในการติดต่อสื่อสาร
** วิดีโอคอนเทนต์มีสิทธิ์แจ้งเกิด
    นายปรัธนายังบอกต่ออีกว่า หลังจากเปิดให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3 จี อาจจะมีธุรกิจเกี่ยวเนื่องเกิดขึ้น คือ จะมีการโฆษณาผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียทั้งเฟซบุ๊ก และไลน์ เพิ่มขึ้นตามลำดับ นอกจากนี้ยังมีธุรกิจที่เกี่ยวกับวิดีโอคอนเทนต์ทั้งแบบประเภทให้ดูฟรี และ ชำระค่าบริการ  เพราะในประเทศเกาหลี และ ประเทศญี่ปุ่น บริการประเภทวิดีโอคอนเทนต์ถือว่าเป็นบริการประเภทหลักเชื่อว่าจะเข้ามาภายในเร็วๆ นี้
    นอกจากนี้บริการโฮมช็อปปิ้ง จากเดิมที่แม่บ้านดูทีวีและโทรศัพท์สั่งซื้อสินค้า ต่อไปคนรุ่นใหม่จะสั่งซื้อสินค้าผ่านทางด้านออนไลน์เพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกันเพราะในขณะนี้ทั้งโลตัส และท็อป ก็เริ่มให้บริการออนไลน์เช่นเดียวกัน
alt*** ดีแทคชูเรื่องแบรนด์
    เช่นเดียวกับดีแทค มีรายได้เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน โดยผลประกอบการในช่วงไตรมาส 3/2556 มีจำนวนผู้ใช้บริการทั้งสิ้น 27.5 ล้านเลขหมาย โดยมีจำนวนผู้ใช้บริการสุทธิใหม่เพิ่มขึ้น 2.4 แสนเลขหมาย และมีจำนวนผู้ใช้บริการข้อมูล 10.5 ล้านเลขหมาย โดยผู้ใช้บริการประเภทเสียงในไตรมาสที่ 3/2556 อยู่ที่ 10.1 หมื่นล้านบาท เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 10.6 หมื่นล้านบาท และรายได้ประเภทข้อมูลอยู่ที่ 5.9 พันล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 3.8 พันล้านบาท
    ด้านนายปกรณ์ พรรณเชษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานการตลาดของดีแทค กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมาบริการประเภทข้อมูล ดีแทคมีอัตราการเติบโตถึง 30%  เนื่องจากการใช้โมบายอินเตอร์เน็ตเพิ่มสูงขึ้นตามลำดับ ดังนั้นในเรื่องของคอนเทนต์ ดีแทคจะให้ความสำคัญ 2 กลุ่ม คือ บริการทางด้านเพลง คือ DEEZER และ แอพพลิเคชัน Readever อ่าน เขียน แชร์  เป็นหนังสือพิมพ์ดิจิตอล
*** ปีมะเมียเน้นสร้างแบรนด์
    นอกจากนี้ นายปกรณ์ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า  สำหรับกลยุทธ์ทางการตลาดของดีแทค ในปีนี้จะให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์เป็นหลักเนื่องจากผู้ประกอบการให้ความสำคัญเหมือนกันทั้งหมดทั้งในเรื่องของ ราคา และการขยายเครือข่าย 3 จี
    หากแต่ในปีนี้  ดีแทคจะเน้นเรื่องแบรนด์เป็นลำดับแรกด้วยการเปลี่ยนคอนเซ็ปต์ให้แบรนด์มีความสดใสมากกว่านี้ เช่น แฮปปี้  ต้องมีความสดใสและทันสมัยมากกว่านี้ แต่ในปีที่ผ่านมาไม่ได้ดั่งใจเพราะสิ่งที่วางแผนไว้ผิดเป้าหมาย
alt *** กลุ่มทรูโมบาย มีรายได้ 3.6 พันล.
    ขณะที่บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยถึงผลประกอบการในส่วนของรายได้จากโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลุ่มทรูโมบาย โดยผลประกอบการในไตรมาส 3/2556 อยู่ที่ 4.7 พันล้านบาท เปรียบเทียบช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 4.8 พันล้านบาท และรายได้จากบริการประเภทข้อมูลไตรมาส 3/2556 อยู่ที่ 3.6 พันล้านบาท เปรียบเทียบช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 2.3 พันล้านบาท ขณะที่ฐานลูกค้าอยู่ที่  22.4 ล้านราย
    ไม่เพียงเท่านี้ในปีที่ผ่านมากลุ่มทรูได้ปลดล็อกหนี้ก้อนโตด้วยการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ทรูโกรท (TRUEGIF) มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 6-8 หมื่นล้านบาท โดย TRUE จะถือหุ้น 18% ในกองทุนนี้ หลังจากนำกองทุนเข้าจดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์ฯ
    สำหรับวัตถุประสงค์หลักของกองทุน คือ การลงทุนในกิจการโครงสร้างพื้นฐาน ประกอบด้วย กรรมสิทธิ์ในเสาโทรคมนาคมจำนวน 6 พันเสา และโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมประเภท Passive อื่นที่เกี่ยวข้องที่ใช้สำหรับการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่เป็นทรัพย์สินเสาโทรคมนาคมส่วนเพิ่ม ซึ่งทรูจะส่งมอบหรือดำเนินการให้มีการส่งมอบเสาโทรคมนาคม จำนวน 3,000 เสา ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2557 และเสาโทรคมนาคมจำนวน 3,000 เสา ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2558
alt *** กสทช.เผยสถิตินำเข้ามือถือและแท็บเลต มูลค่ากว่า 6.5 แสนล้านบาท
    อย่างไรก็ตามจากสถิติการนำเข้าโทรศัพท์เคลื่อนที่และแท็บเลต ที่ กสทช. (คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ) ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลการนำเข้าอุปกรณ์ทั้ง 2 ส่วนตั้งแต่ปี 2552-2556  (วันที่ 19 ธันวาคม 2556) ปรากฏว่า ประเทศไทยมีการนำเข้าโทรศัพท์เคลื่อนที่และแท็บเลตรวม 3,880 รุ่น เป็นจำนวนทั้งสิ้น 92,729,417 เครื่อง คิดเป็นมูลค่ากว่า 6.5 แสนล้านบาท
    โดยในปี 2555 มีการนำเข้ามากที่สุด จำนวน 660 รุ่น 23,053,090 เครื่อง รองลงมาคือปี 2554 นำเข้า 666 รุ่น เป็นจำนวน 22,786,286 เครื่อง ตามด้วยปี 2553 นำเข้า 965 รุ่น เป็นจำนวน 19,991,952 เครื่อง ปี 2552 นำเข้า 1,476 รุ่น เป็นจำนวน 16,230,612 เครื่อง และปี 2556 (ข้อมูลจนถึงวันที่ 19 ธ.ค. 2556) นำเข้า 113 รุ่น เป็นจำนวน 10,667,477 เครื่อง
    ทั้งนี้ สถิติดังกล่าวสอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้บริการโทรคมนาคมของประชากรไทยที่พบว่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นบริการโทรคมนาคมที่คนไทยในทุกพื้นที่นิยมใช้สูงสุด มากกว่าบริการโทรศัพท์ประจำที่ หรือโทรศัพท์พื้นฐาน และบริการโทรศัพท์สาธารณะ โดยขณะนี้มียอดผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งประเทศประมาณ 90 ล้านเลขหมายแล้ว
    และทั้งหมด คือ แนวโน้มอุตสาหกรรมยุคโมบายอินเตอร์เน็ต ถือว่าเป็นยุคทองคอนเทนต์ก็ว่าได้

alt++กูรูโซเชียลฟันธงตลาดโต
    นายภาวุธ พงษ์วิทยภาณุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตลาดดอทคอม จำกัด  กล่าวว่า  เหตุผลหลักๆ ที่บริการทางด้านดาต้า (ข้อมูล) มีอัตราการเติบโตมากกว่าบริการประเภทเสียงมีเหตุผลด้วยกัน 4 ปัจจัย คือ 1.บรรดาผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3 จีได้ขยายเครือข่ายครอบคลุมพื้นที่บริการทั่วประเทศ ปัจจัยที่ 2. คือ ราคาเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่ปรับตัวลดลงตามลำดับ, ปัจจัยที่ 3. คือ ซอฟต์แวร์ประเภทแอพพลิเคชันไลน์  เปิดให้บริการเพิ่มมากขึ้น และปัจจัยที่ 4 บรรดาผู้ใช้บริการโซเชียลมีเดียมีประสบการณ์มากขึ้นโดยเฉพาะผู้สูงอายุเริ่มใช้เฟซบุ๊กเพิ่มขึ้นตามลำดับ
    ด้วยปัจจัยทั้ง 4 ข้อ เข้าสู่ยุคการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดจากเดิมที่ใช้อินเตอร์เน็ตผ่านคอมพิวเตอร์ ปี 2557 จะเห็นผู้บริโภคใช้อินเตอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นหลัก ดังนั้นเมื่อศูนย์กลางทุกอย่างอยู่ที่โทรศัพท์เคลื่อนที่การติดต่อสื่อสารจะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้รวดเร็วและเป็นช่องทางในการทำธุรกิจ
    นายภาวุธยังแสดงความคิดเห็นว่าเมื่อเข้าสู่ยุคของการเปลี่ยนแปลงจะเห็นธุรกิจเกี่ยวเนื่อง การจัดงานโมบายเอ็กซ์โปเพิ่มมากขึ้น และจะเกิดปรากฏการณ์ Ecosystem (ระบบเชิงนิเวศน์) ทั้งอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เติบโตต่อเนื่อง (หมายถึงเครื่องโทรศัพท์) และจะเกิดซอฟต์แวร์ใหม่ๆ เกิดขึ้นในเมืองไทย อย่างเช่น แอพฯ วาดภาพของจีน ที่ปรากฏแจ้งเกิดภายในวันเดียว แต่แอพพลิเคชันจะมาเร็วและไปเร็ว
    "เมืองไทยเรื่องของซอฟต์แวร์ยังเป็นจุดอ่อน เพราะเราเป็นประเทศผู้บริโภค ผู้ผลิตซอฟต์แวร์ในประเทศไทยจะทำตลาดเฉพาะกลุ่มเท่านั้น" นายภาวุธกล่าว
    ด้านนายณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อุ๊คบี จำกัด แสดงความคิดเห็นในทำนองเดียวกันว่าบริการประเภทข้อมูลตลาดใหญ่มากขึ้น เนื่องจากปริมาณคนใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่สมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นตามลำดับ เพราะโทรศัพท์เคลื่อนที่กว่า 90%  ถูกผลิตขึ้นมาเป็นระบบสมาร์ทโฟน ดังนั้นเรื่องของบริการจะมีความหลากหลายต้องมีการจัดรูปแบบให้ตรงกับกลุ่มลูกค้าเช่นเดียวกัน
    อย่างไรก็ตามในปีนี้เชื่อว่ามูลค่าทางการตลาดจะเพิ่มขึ้นตามลำดับโดยเฉพาะเรื่องของ อี-แมกกาซีน จะเติบโตถึง 1 เท่าตัวปีที่ผ่านมามูลค่าทางการตลาดอยู่ที่ 250 ล้านบาทในปีนี้มูลค่าตลาดอยู่ที่ 500 ล้านบาท โดยอุ๊คบี มีส่วนแบ่งทางการตลาด 90%



จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=212704:2013-12-31-13-29-28&catid=123:2009-02-08-11-44-33&Itemid=491#.UskzxGQW1iY

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.