Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

05 มีนาคม 2557 (บทความ) "โนเกีย" กดปุ่ม "แอนดรอยด์" และที่ยืนของ "วินโดวส์โฟน" ในตลาดโลก // Windows ส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 10% ใน 5 ประเทศยุโรป ได้แก่ เยอรมนี, สหราชอาณาจักร,สเปน, ฝรั่งเศส และอิตาลี


ประเด็นหลัก


เรื่องที่น่าสนใจคือ "วินโดวส์โฟน" สามารถทำผลงานได้ค่อนข้างดีในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากยึดครองส่วนแบ่งตลาดได้มากกว่า 10% ใน 5 ประเทศยุโรป ได้แก่ เยอรมนี, สหราชอาณาจักร,สเปน, ฝรั่งเศส และอิตาลี

หากดูข้อมูลแยกกันไปในแต่ละประเทศ พบว่าส่วนแบ่งตลาดวินโดวส์โฟนค่อนข้างแตกต่างกันไป เฉพาะในอิตาลีวินโดวส์โฟนมีส่วนแบ่งมากกว่า 16% ขณะที่ในสเปนและเยอรมนีมีส่วนแบ่งตลาดเพียง 5% และในสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสอยู่ที่ 11%

______________________________________







"โนเกีย" กดปุ่ม "แอนดรอยด์" และที่ยืนของ "วินโดวส์โฟน" ในตลาดโลก


คอลัมน์ Click World



ทางฝั่งยุโรป "วินโดวส์โฟน" เริ่มสร้างแรงกระเพื่อมในตลาดบ้างแล้ว หากพิจารณาจากผลสำรวจล่าสุดที่เริ่มแย่งแชร์จากสองผู้นำสมาร์ทโฟนโลก "ซัมซุง-แอปเปิล" บ้างแล้ว

สำนักข่าว "เดอะ การ์เดียน" รายงานข้อมูลโดยการสำรวจของบริษัท "แคนต้า คอมเทค" ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2556 ที่ผ่านมาจนถึงสิ้นสุดเดือน ม.ค.ปีนี้ พบว่าสมาร์ทโฟนที่รองรับระบบปฏิบัติการ "แอนดรอยด์" กินส่วนแบ่งตลาด 70% จากทั่วทั้งภูมิภาคยุโรป แม้ "ซัมซุง" จะยังเป็นผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ แต่กองทัพคู่แข่งตั้งแต่แอลจี, โซนี่, โมโตโรล่า หรือแม้แต่แบรนด์หน้าใหม่ "วิโก้" ก็เริ่มเข้ามาชิงส่วนแบ่งมากขึ้นต่อเนื่อง

เรื่องที่น่าสนใจคือ "วินโดวส์โฟน" สามารถทำผลงานได้ค่อนข้างดีในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากยึดครองส่วนแบ่งตลาดได้มากกว่า 10% ใน 5 ประเทศยุโรป ได้แก่ เยอรมนี, สหราชอาณาจักร,สเปน, ฝรั่งเศส และอิตาลี

หากดูข้อมูลแยกกันไปในแต่ละประเทศ พบว่าส่วนแบ่งตลาดวินโดวส์โฟนค่อนข้างแตกต่างกันไป เฉพาะในอิตาลีวินโดวส์โฟนมีส่วนแบ่งมากกว่า 16% ขณะที่ในสเปนและเยอรมนีมีส่วนแบ่งตลาดเพียง 5% และในสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสอยู่ที่ 11%

สำหรับตัวเลขของ "แบล็คเบอร์รี่" ไม่สวยเหมือนเคย ส่วนแบ่งในตลาดสหรัฐอเมริกา, 5 ประเทศยุโรป, ออสเตรเลีย, สเปน และญี่ปุ่น เหลือแค่ 0.3% จาก 2.1% ปีก่อนหน้า โดยสหราชอาณาจักรยังเป็นตลาดที่แข็งแกร่งที่สุดด้วยส่วนแบ่งยอดขาย 2.4% แต่ยังถือว่าลดลงกว่าครึ่งหากเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วที่มีส่วนแบ่งตลาด 5.7%

ข้อมูลชุดใหม่จาก "แคนต้า คอมเทค" ไม่ได้สะท้อนให้เห็นถึงอัตราการเติบโตของตลาดสมาร์ทโฟนแบบปีต่อปี ในปี 2556 ที่ผ่านมาตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกนับรวมประเทศจีนเข้าไปด้วย มีอัตราการเติบโตประมาณ 38.4% หากตัดประเทศจีนออกจะเหลือการเติบโตแค่ 22% เทรนด์ที่เห็นได้ชัดคือตลาดประเทศพัฒนาแล้วหลายแห่งเริ่มมีการเติบโตของยอดขายสมาร์ทโฟนชะลอตัวลง เพราะเริ่มเข้าสู่จุดอิ่มตัว

"แคนต้า คอมเทค" ยังให้ข้อมูลว่า การลดราคา "ไอโฟน 5C" ทำให้สมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวมียอดขายกระเตื้องขึ้น หลังจากมียอดขายตามหลังรุ่นพี่ไอโฟน 5S มาตลอด ในช่วงแรกที่แอปเปิลเปิดตัวไอโฟน 2 รุ่นใหม่ในอังกฤษ ยอดขายของ 5S นำ 5C ในอัตราส่วน 3 ต่อ 1 แต่ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาไอโฟน 5C เริ่มทำผลงานได้ดีขึ้นจนขยับเป็นสมาร์ทโฟนที่ขายดีมากเป็นอันดับ 3 ในอังกฤษ อัตราส่วนระหว่าง 5S และ 5C เหลือเพียง 2 ต่อ 1

ในจำนวนผู้ที่ซื้อไอโฟน 5C ในอังกฤษกว่า 74% เป็นผู้หญิง และผู้ที่ซื้อไอโฟน 5S ไปใช้เป็นกลุ่มที่ใช้อุปกรณ์อย่างหนักหน่วงมากกว่า เน้นใช้ฟังก์ชั่นที่กินดาต้ามาก เช่น ดูโทรทัศน์ หรือดาวน์โหลดเพลง เป็นต้น

สำหรับสมาร์ทโฟน 2 รุ่นที่ทำยอดขายดีกว่าไอโฟน 5C และติด 2 อันดับท็อปในอังกฤษ คือ ไอโฟน 5S และซัมซุง กาแล็คซี่ เอส 4 แต่ในแง่ส่วนแบ่งการตลาดของสมาร์ทโฟนไอโอเอสและแอนดรอยด์กลับลดลงทั้งคู่ โดยส่วนแบ่งตลาดของแอปเปิลในสหราชอาณาจักร (ในแง่ยอดขายเครื่อง) ลดลงเล็กน้อยจาก 31% เหลือ 30.7% ส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ลดลงเล็กน้อยเช่นกัน จาก 55.9% เหลือเพียง 55.2%

เพราะ "วินโดวส์โฟน" รุกตลาดอย่างรุนแรงจนมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเท่าตัวจาก 6.4% เป็น 11.3% ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งรวมช่วงเวลาขายดีที่สุดประจำปีเข้าไปด้วย

"โดมินิก ซันเนโบ" หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ บริษัทแคนต้า คอมเทค แสดงความคิดเห็นว่า ตลาดในประเทศอังกฤษมีคนที่ใช้ฟีเจอร์โฟนอยู่อีก 14 ล้านคน ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนมาใช้สมาร์ทโฟน และลูกค้ากลุ่มนี้เองที่เป็นส่วนสำคัญสำหรับ "โนเกีย" และน่าจะส่งผลตอบแทนให้ทั้งโนเกียและไมโครซอฟท์ภายหลัง แม้ช่วงเวลาข้างหน้าโนเกียต้องกระโดดเข้าไปแข่งขันอย่างรุนแรงกับแบรนด์อื่น ๆ แต่เวลานี้กลยุทธ์ของ "โนเกีย" สำหรับตลาดยุโรปดูจะไปได้สวย

สิ่งสำคัญสำหรับ "โนเกีย" ขณะนี้ คือความสามารถในการรักษาฐานลูกค้า "โลว์เอนด์" ให้ได้ และผลักดันให้เปลี่ยนมาใช้มือถือระดับมิดเอนด์และไฮเอนด์ในอนาคต

อุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์ขนาดหน้าจอเกิน 5 นิ้ว หรือ "แฟ็บเลต" ที่กำลังมาแรงยังมีอัตราการเติบโตแบบฉุดไม่อยู่ในประเทศจีน

เนื่องจากกินส่วนแบ่งยอดขายสินค้าสมาร์ทโฟนกว่า 1 ใน 3 ช่วงเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา และกว่า 9% เป็นยอดสมาร์ทดีไวซ์หน้าจอใหญ่กว่า 5.5 นิ้ว หากเทียบจากข้อมูลของบริษัทวิจัยตลาดรายอื่นที่ระบุว่า ยอดขายสมาร์ทดีไวซ์ในจีนช่วงไตรมาส 4 ปีที่แล้ว (ต.ค.-ธ.ค.) มีประมาณ 90 ล้านเครื่อง แสดงว่ายอดขาย 30 ล้านเครื่องมาจากแฟ็บเลตหน้าจอใหญ่กว่า 5.5 นิ้วขึ้นไป

แต่ "แคนต้า คอมเทค" ออกมาเตือนว่าตลาดแฟ็บเลตในแต่ละพื้นที่ค่อนข้างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยยอดขายแฟ็บเลตฝั่งยุโรปและสหรัฐอเมริกาค่อย ๆ เติบโตทีละน้อย แต่ตลาดในจีนต่างหากที่ผลักดันยอดขายอย่างแท้จริง โดยแฟ็บเลตในจีนเป็นอุปกรณ์หลักที่คนใช้ท่องเว็บไซต์ออนไลน์ และเจ้าของแฟ็บเลตส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง ซึ่งตรงกันข้ามกับในยุโรปและอเมริกาที่มักเป็นผู้ชายวัยรุ่นซึ่งเพิ่งเริ่มใช้เทคโนโลยี 40% ของเจ้าของแฟ็บเลตชาวยุโรปที่จะหมดสัญญาผูกขาดแพ็กเกจกับผู้ให้บริการจะเปลี่ยนมาเลือกใช้ "สมาร์ทดีไวซ์" ที่มีขนาดเล็กลงอีกด้วย

ข้อมูลจาก "แคนต้า คอมเทค" ชี้ให้เห็นว่า ผู้ใช้แฟ็บเลตในตลาดโทรศัพท์มือถือจะมากขึ้นตามลำดับ และในอนาคตจะกินสัดส่วน 40% ขณะที่ผู้ใช้สมาร์ทโฟนจอ 4.5-4.9 นิ้ว (ขนาดประมาณเอชทีซี วัน) จะกินสัดส่วน 40% ผู้ใช้สมาร์ทดีไวซ์ขนาด 4-4.4 นิ้ว (ประมาณไอโฟน) กินสัดส่วนที่เหลืออีก 20%

ก่อนหน้านี้มีข่าวลือหลุดออกมาเป็นระยะว่าแอปเปิลจะออกกลยุทธ์ใหม่รับกระแสตลาด โดยจะผลิตโทรศัพท์รุ่นที่มีหน้าจอใหญ่ขึ้นอย่างน้อย 1 รุ่นในปีนี้ โดยอาจมีขนาด 4.7 นิ้ว หรืออาจถึง 5.5 นิ้วก็ได้

เป็นการตอบรับกระแสความต้องการของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับสมาร์ทดีไวซ์หน้าจอใหญ่มากกว่าหน้าจอเล็ก

แบรนด์ "โนเกีย" หลังลือกันมานานว่าจะจำหน่ายสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์

ในที่สุดสมาร์ทโฟนภายใต้ร่มเงาของไมโครซอฟท์ก็ออกมาเปิดตัวโนเกียแอนดรอยด์เป็นทางการ ได้แก่ รุ่น X, X+ และ XL เป็นครั้งแรกที่ยอมฉีกสายผลิตภัณฑ์ของตนเองออกจากซอฟต์แวร์วินโดวส์โฟนของไมโครซอฟท์ นับตั้งแต่ทั้งคู่ประกาศความร่วมมือกันในปี 2554

สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ของ "โนเกีย" เล็งลูกค้าในตลาดประเทศกำลังพัฒนาที่ต้องการโทรศัพท์ราคาถูก แม้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของโนเกียทั้ง 3 รุ่นจะใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เหมือนซัมซุง กาแล็คซี่ เอส 4 หรือกูเกิล เน็กซัส 5 แต่ภายในระบบปฏิบัติการของ X, X+ และ XL จะใช้แอปพลิเคชั่นและเซอร์วิสของไมโครซอฟท์แทน

ราคาโนเกีย X ขนาด 4 นิ้ว ที่มาพร้อมกล้อง 3 ล้านพิกเซล อยู่ที่ 89 ยูโร วางจำหน่ายแล้วในประเทศกำลังพัฒนา

ส่วนโนเกีย X+ ราคาสูงขึ้นมาหน่อยอยู่ที่ 99 ยูโร หน่วยความจำมากกว่า มีช่องเสียบไมโครเอสดี ขณะที่โนเกีย X+ มาพร้อมจอ 5 นิ้ว กล้อง 5 ล้านพิกเซล ราคา 109 ยูโร ทั้ง 2 รุ่นจะวางตลาดในไตรมาส 2

"โนเกีย" เปิดเผยว่า ไมโครซอฟท์และโนเกียใช้สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์เปิดทางเข้าสู่กลุ่มลูกค้าที่ต้องการสินค้าราคาย่อมเยากว่า 100 ยูโร โดยเฉพาะในอินเดียและจีน แต่ไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ที่จะนำสินค้า

รุ่นดังกล่าวมาจำหน่ายในประเทศพัฒนาแล้ว และมีแผนเปิดตัวสมาร์ทโฟนลูเมียราคาถูกในอนาคตด้วย ทำให้สายผลิตภัณฑ์โนเกีย X มีราคาถูกลงกว่าเดิม

ล่าสุด "ซัมซุง" ออกมาเผยโฉมสมาร์ทโฟนเรือธง "ซัมซุง กาแล็คซี่ เอส 5" หน้าจอ5.1 นิ้ว ฟูลเอชดี หน่วยประมวลผลควอดคอร์ 2.5 จิกะเฮิรตซ์ หน่วยความจำ 2 จิกะไบต์ กล้องความละเอียด 16 ล้านพิกเซล มีจุดเด่นที่ฟังก์ชั่นปรับการแสดงผลหน้าจอให้เป็นสีขาว-ดำเมื่อผู้ใช้ต้องการประหยัดพลังงาน และมีเซ็นเซอร์ตรวจจับลายนิ้วมือที่ปุ่มโฮมแบบเดียวกับที่มีบนไอโฟน 5S และทำงานร่วมกับอุปกรณ์เสริมสำหรับเก็บข้อมูลด้านสุขภาพ ซึ่งบริษัทเปิดตัว "เกียร์ ฟิต" พร้อม "สมาร์ทวอตช์เกียร์ 2 และเกียร์ 2 นีโอ"

"เกียร์ ฟิต" เป็นอุปกรณ์ไอทีเพื่อการสวมใส่ที่มีขนาดเล็ก เน้นใช้งานด้านสุขภาพ วัดอัตราการเต้นของหัวใจ และจำนวนก้าวแจ้งเตือนข้อความจากสมาร์ทโฟนได้ ทั้งกาแล็คซี่ เอส 5 และเกียร์ ฟิต วางจำหน่ายในเดือน เม.ย.นี้

งานนี้ไม่มีใครยอมใครในตลาดสมาร์ทโฟนที่มีความเคลื่อนไหวและเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึงตลอดเวลาต่างต้องปรับตัวปรับกลยุทธ์ไม่หยุดเพื่อให้ตนยังมีที่ยืนต่อไปได้


http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1393917163

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.