Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

07 มีนาคม 2557 กสทช.ประวิทย์ วอนค่ายมือถือกำหนดแพ็กเกจพื้นฐานเอื้อคนหูหนวก // ITU ศึกษาพบว่า ต้นทุนบริการเอสเอ็มเอสนั้นต่ำกว่าบริการเสียงมากกว่า 10 เท่า


ประเด็นหลัก

นายประวิทย์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวมีปัญหาหลายประเด็น โดยในเรื่องบริการเอสเอ็มเอสราคาแพงมีสาเหตุมาจากอัตราค่าเชื่อมต่อโครงข่าย ซึ่ง กสทช. มีแต่ประกาศกำหนดอัตราค่าเชื่อมต่อโครงข่ายบริการด้านเสียง ไม่มีการกำกับบริการเอสเอ็มเอส และแม้ว่าจะมีประกาศคุมค่าบริการ เช่น 2จี ต้องไม่เกินนาทีละ 99 สตางค์ หรือ 3จี ต้องลดลง 15% แต่ก็ไม่รวมค่าบริการเอสเอ็มเอส ทำให้ราคายังคงเกิน 1 บาท ทั้งที่สหภาพโทรคมนาคมนานาชาติ (ITU) ศึกษาพบว่า ต้นทุนบริการเอสเอ็มเอสนั้นต่ำกว่าบริการเสียงมากกว่า 10 เท่า ดังนั้น หากผู้ให้บริการจะร่วมกันกำหนดอัตราค่าเชื่อมต่อโครงข่ายของเอสเอ็มเอสให้สะท้อนต้นทุนจริง ราคาค่าบริการก็จะต่ำลงอย่างมาก


นายประวิทย์ ยังกล่าวถึงเรื่องการกำหนดแพ็กเกจพื้นฐานว่า ในระดับโลกมีความพยายามผลักดันให้มีแพ็กเกจพื้นฐานของบริการโทรศัพท์มือถือ ที่เปิดให้ผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในส่วนของเว็บไซต์ที่ให้ ข้อมูลพื้นฐานทั่วไปหรือแอพพลิเคชั่นพื้นฐานบางตัว ได้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ยกตัวอย่างเช่น เว็บไซต์วิกิพีเดีย เว็บไซต์พยากรณ์อากาศ เฟซบุ๊ก หรือไลน์ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ใช้บริการทั่วไปได้ทดลองใช้และเข้าถึง โลกออนไลน์ ซึ่งเมื่อเกิดความคุ้นเคยและเล็งเห็นถึงประโยชน์แล้วก็จะเกิดแรงจูงใจในการเปิดใช้บริการอย่างจริงจังต่อไป อีกทั้งแนวทางนี้ก็จะช่วยนำพาผู้คนเข้าสู่บริการ 3จี เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งเป็นทิศทางที่สอดคล้องกับการพัฒนาเทคโนโลยีของโลกปัจจุบัน ดังนั้นจึงอยากเห็นการริเริ่มลักษณะนี้จากวงการอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของไทย ในการนำเสนอบริการฟรีในการเข้าถึงแอพพลิเคชั่นสำหรับการสนทนา ซึ่งหากเป็นกรณีเช่นนี้ก็จะช่วยเรื่องการสื่อสารของคนหูหนวก-หูตึงได้โดย ปริยาย ส่วนกรณีแพ็กเกจสำหรับคนหูหนวก-หูตึงนั้น เห็นด้วยว่าทิศทางหลักอยู่ที่ส่งเสริมการใช้ 3จี มากขึ้น แต่ก็ต้องเข้าใจว่าเอสเอ็มเอส ยังเป็นบริการพื้นฐานที่จำเป็น ซึ่ง 3จี ก็มีเอสเอ็มเอสได้อยู่แล้ว นอกจากนั้นสำหรับคนหูตึงก็ยังคงต้องการบริการด้านเสียงด้วย



______________________________________






กสทช.หนุนค่ายมือถือออกแพ็กเกจเอื้อคนหูหนวก


กสทช.ด้านคุ้มครองผู้บริโภคฯ เผยหารือค่ายมือถือและตัวแทนคนหูหนวก หวังออกแพ็กเกจพื้นฐานเอื้อคนหูหนวกแชตผ่าน 3จี ได้มากขึ้น รวมทั้งลดภาระค่าใช้จ่ายจากการส่งข้อความผ่านเอสเอ็มเอส...

เมื่อเร็วๆ นี้ นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) ด้านคุ้มครองผู้บริโภคและสิทธิเสรีภาพของประชาชน ได้จัดประชุมหารือกับผู้ประกอบการโทรศัพท์มือถือ (โอเปอเรเตอร์) ในประเด็นอัตราค่าเชื่อมต่อ โครงข่ายกับการมีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับให้บริการคนหูหนวก โดยมีตัวแทนจากผู้ประกอบการโทรศัพท์มือถือค่ายต่างๆ และตัวแทนคนหูหนวกเข้าร่วมหารือ

นายวิทยุต บุนนาค ประธานชมรมคนหูหนวกจังหวัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ในอดีตการสื่อสารผ่านโทรศัพท์มือถือของคนหูหนวกมีค่าใช้จ่ายสูง เพราะต้องสื่อสารด้วยการส่งข้อความผ่านเอสเอ็มเอส หรือเอ็มเอ็มเอส แม้ที่ผ่านมาจะมีบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส จะมีแพ็กเกจสำหรับคนหูหนวกให้ส่งเอสเอ็มเอส ได้ 3,000 ข้อความต่อเดือน และเอ็มเอ็มเอส 1,500 ข้อความต่อเดือน ในราคา 99 บาท แต่การส่งข้ามเครือข่ายก็ยังเสียเงินในอัตราปกติ และถึงแม้ในปัจจุบันจะมีเทคโนโลยี 3จี ซึ่งสามารถสื่อสารผ่านแอพพลิเคชั่นต่างๆ ได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่ก็มีคนหูหนวกบางส่วนเท่านั้นที่เปลี่ยนพฤติกรรมมาใช้ 3จี เนื่องจากสมาร์ทโฟนยังคงมีราคาแพง เพราะถ้าหากสมาร์ทโฟนที่มีราคาถูก คุณภาพของกล้องวิดีโอก็จะไม่ดี ซึ่งในกรณีของคนหูหนวกนั้น ต้องใช้ภาษามือในการสื่อสาร กล้องวิดีโอจึงจำเป็นต้องมีคุณภาพ

นายประวิทย์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวมีปัญหาหลายประเด็น โดยในเรื่องบริการเอสเอ็มเอสราคาแพงมีสาเหตุมาจากอัตราค่าเชื่อมต่อโครงข่าย ซึ่ง กสทช. มีแต่ประกาศกำหนดอัตราค่าเชื่อมต่อโครงข่ายบริการด้านเสียง ไม่มีการกำกับบริการเอสเอ็มเอส และแม้ว่าจะมีประกาศคุมค่าบริการ เช่น 2จี ต้องไม่เกินนาทีละ 99 สตางค์ หรือ 3จี ต้องลดลง 15% แต่ก็ไม่รวมค่าบริการเอสเอ็มเอส ทำให้ราคายังคงเกิน 1 บาท ทั้งที่สหภาพโทรคมนาคมนานาชาติ (ITU) ศึกษาพบว่า ต้นทุนบริการเอสเอ็มเอสนั้นต่ำกว่าบริการเสียงมากกว่า 10 เท่า ดังนั้น หากผู้ให้บริการจะร่วมกันกำหนดอัตราค่าเชื่อมต่อโครงข่ายของเอสเอ็มเอสให้สะท้อนต้นทุนจริง ราคาค่าบริการก็จะต่ำลงอย่างมาก

กสทช. ด้านคุ้มครองผู้บริโภคและสิทธิเสรีภาพของประชาชน กล่าวอีกว่า ในกรณีของคนหูหนวก หากผู้ให้บริการจะร่วมกันที่ลดอัตราค่าเชื่อมต่อโครงข่ายเอสเอ็มเอสให้ต่ำกว่ากรณีทั่วไป ก็จะทำให้สามารถนำเสนอแพ็กเกจพิเศษให้ได้ ซึ่งกรณีเช่นนี้ไม่จำเป็นที่ กสทช. จะต้องกำกับดูแล แต่เกิดขึ้นได้หากผู้ให้บริการมีนโยบายด้านความรับผิดชอบต่อสังคม หรือ CSR (Corporate Social Responsibility) ที่ชัดเจน เช่นเดียวกับเรื่องของสมาร์ทโฟนก็มีความเป็นไปได้ทั้งในแนวทางที่ผู้ให้บริการจะอุดหนุนให้ หรือหากจะให้เป็นลักษณะที่มีการใช้เงินสนับสนุนจากกองทุน ไม่ว่าจะเป็นกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือกองทุน USO ก็เป็นเรื่องที่สามารถประสานให้มีการพูดคุยกันต่อไปได้

นายประวิทย์ ยังกล่าวถึงเรื่องการกำหนดแพ็กเกจพื้นฐานว่า ในระดับโลกมีความพยายามผลักดันให้มีแพ็กเกจพื้นฐานของบริการโทรศัพท์มือถือ ที่เปิดให้ผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในส่วนของเว็บไซต์ที่ให้ ข้อมูลพื้นฐานทั่วไปหรือแอพพลิเคชั่นพื้นฐานบางตัว ได้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ยกตัวอย่างเช่น เว็บไซต์วิกิพีเดีย เว็บไซต์พยากรณ์อากาศ เฟซบุ๊ก หรือไลน์ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ใช้บริการทั่วไปได้ทดลองใช้และเข้าถึง โลกออนไลน์ ซึ่งเมื่อเกิดความคุ้นเคยและเล็งเห็นถึงประโยชน์แล้วก็จะเกิดแรงจูงใจในการเปิดใช้บริการอย่างจริงจังต่อไป อีกทั้งแนวทางนี้ก็จะช่วยนำพาผู้คนเข้าสู่บริการ 3จี เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งเป็นทิศทางที่สอดคล้องกับการพัฒนาเทคโนโลยีของโลกปัจจุบัน ดังนั้นจึงอยากเห็นการริเริ่มลักษณะนี้จากวงการอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของไทย ในการนำเสนอบริการฟรีในการเข้าถึงแอพพลิเคชั่นสำหรับการสนทนา ซึ่งหากเป็นกรณีเช่นนี้ก็จะช่วยเรื่องการสื่อสารของคนหูหนวก-หูตึงได้โดย ปริยาย ส่วนกรณีแพ็กเกจสำหรับคนหูหนวก-หูตึงนั้น เห็นด้วยว่าทิศทางหลักอยู่ที่ส่งเสริมการใช้ 3จี มากขึ้น แต่ก็ต้องเข้าใจว่าเอสเอ็มเอส ยังเป็นบริการพื้นฐานที่จำเป็น ซึ่ง 3จี ก็มีเอสเอ็มเอสได้อยู่แล้ว นอกจากนั้นสำหรับคนหูตึงก็ยังคงต้องการบริการด้านเสียงด้วย

"อยากให้ผู้ประกอบการมองว่านี่เป็นบริการเพื่อสังคมแบบหนึ่ง ไม่ใช่เรื่องของการทำธุรกิจ และมองว่าเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับคนด้อยโอกาสให้สามารถเข้าถึงการสื่อสารได้มากขึ้น" นายประวิทย์ กล่าว.

โดย: ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์
http://m.thairath.co.th/content/tech/408368

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.