Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

08 กรกฎาคม 2557 ไปรษณีย์ไทย เร่งตรวจสอบ “ iPhone กลายเป็นหิน” โดยชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 2,043 บาท (ตำหนิผู้ใช้) ใช้เพียงซองใส่จดหมายขนาด C5 ซึ่งไม่เหมาะกับการใส่ไอโฟนหรือสิ่งของมีค่าใดๆทั้งสิ้น


ประเด็นหลัก


อย่างไรก็ตาม ปณท ได้ตรวจสอบการวัดน้ำหนักต้นทางปลายทางถ้าพบวัตถุที่มีความคลาดเคลื่อนระหว่างน้ำหนักต้นทางและปลายทาง รวมถึงในกรณีที่การส่งพัสดุมีความบกพร่อง เสียหาย ปณท มีนโยบายชดใช้ค่าเสียหายซึ่งเป็นรูปแบบการให้บริการที่เป็นมาตรฐานสากล โดยผู้ใช้บริการที่ส่งสินค้ามีมูลค่าสูงสามารถพิจารณาใช้บริการประกันการส่งสินค้าที่วงเงินชดเชยสูงสุดถึง 50,000 บาททั้งนี้ เบื้องต้น ปณท ได้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 2,043 บาท แบ่งเป็นเงื่อนไขการส่งแบบ EMS จำนวน 2 พันบาท และ 43 บาท เป็นค่านำส่ง ให้กับผู้เสียหายแล้ว

"การส่งสิ่งของดังกล่าว ผู้ส่งใช้เพียงซองใส่จดหมายขนาด C5 ซึ่งไม่เหมาะกับการใส่ไอโฟนหรือสิ่งของมีค่าใดๆทั้งสิ้น ดังนั้น ปณท จึงอยากให้ผู้ส่งระมัดระวังในการส่งสิ่งของทุกครั้งและขอคำแนะนำจากพนักงานไปรษณีย์ ซึ่งไปรษณีย์อนุญาต (ปณอ.) รังสิต (ต้นทาง) ยืนยันว่าไม่ทราบว่าข้างในเป็นอะไร และกว่าที่สินค้าจะถึงปลายทางคือ ปณอ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช จะผ่านที่ทำการปณท หลายจุด ซึ่งทั้งต้นทางและปลายทางเป็น ปณอ.ทั้งนี้ หากพบว่าความผิดเกิดจากปณทและปณอ.เอง ทางปณท ยินดีชดใช้ค่าเสียหายตามจำนวนสินค้า" นางสุชาดา กล่าว







______________________________________

ไปรษณีย์ไทย เร่งตรวจสอบ “ไอโฟน กลายเป็นหิน” เบื้องต้น ชดใช้ค่าเสียหายแล้ว 2,043 บาท ตามกรอบเงื่อนไขการส่ง EMS ปกติ ขอเวลาตรวจสอบ 5-7 วัน เตือน หากจะส่งสิ่งของมีราคาควรรับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่


วันนี้ (8 ก.ค.) ที่บริษัท ไปรษณีย์ไทย จํากัด (ปณท) แจ้งวัฒนะ นางสาวสุชาดา พุทธรักษา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการตลาด ปณท กล่าวว่า จากกรณีที่มีการแชร์ “ไอโฟน กลายเป็นหิน” ทางโลกออนไลน์เมื่อวันที่ 5 ก.ค.57 โดยผู้เสียหายโพสต์ภาพการได้รับสิ่งของที่ภายในบรรจุเป็นก้อนหินและเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดย ปณท ได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ ผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนรวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ทั้งนี้ อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบข้อมูลตั้งแต่กระบวนการฝากส่งต้นทางจนถึงขั้นตอนการนำจ่ายถึงมือผู้รับปลายทางอย่างละเอียดซึ่งจะใช้เวลาในการดำเนินการ 5–7 วัน

อย่างไรก็ตาม ปณท ได้ตรวจสอบการวัดน้ำหนักต้นทางปลายทางถ้าพบวัตถุที่มีความคลาดเคลื่อนระหว่างน้ำหนักต้นทางและปลายทาง รวมถึงในกรณีที่การส่งพัสดุมีความบกพร่อง เสียหาย ปณท มีนโยบายชดใช้ค่าเสียหายซึ่งเป็นรูปแบบการให้บริการที่เป็นมาตรฐานสากล โดยผู้ใช้บริการที่ส่งสินค้ามีมูลค่าสูงสามารถพิจารณาใช้บริการประกันการส่งสินค้าที่วงเงินชดเชยสูงสุดถึง 50,000 บาททั้งนี้ เบื้องต้น ปณท ได้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 2,043 บาท แบ่งเป็นเงื่อนไขการส่งแบบ EMS จำนวน 2 พันบาท และ 43 บาท เป็นค่านำส่ง ให้กับผู้เสียหายแล้ว

"การส่งสิ่งของดังกล่าว ผู้ส่งใช้เพียงซองใส่จดหมายขนาด C5 ซึ่งไม่เหมาะกับการใส่ไอโฟนหรือสิ่งของมีค่าใดๆทั้งสิ้น ดังนั้น ปณท จึงอยากให้ผู้ส่งระมัดระวังในการส่งสิ่งของทุกครั้งและขอคำแนะนำจากพนักงานไปรษณีย์ ซึ่งไปรษณีย์อนุญาต (ปณอ.) รังสิต (ต้นทาง) ยืนยันว่าไม่ทราบว่าข้างในเป็นอะไร และกว่าที่สินค้าจะถึงปลายทางคือ ปณอ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช จะผ่านที่ทำการปณท หลายจุด ซึ่งทั้งต้นทางและปลายทางเป็น ปณอ.ทั้งนี้ หากพบว่าความผิดเกิดจากปณทและปณอ.เอง ทางปณท ยินดีชดใช้ค่าเสียหายตามจำนวนสินค้า" นางสุชาดา กล่าว

ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวเป็นการส่ง EMS โทรศัพท์มือถือไอโฟนและกลับได้เป็นก้อนหิน จากนางสาวปิยนุช เสนามิตร โดยระบุว่าพี่สาวเป็นผู้ฝากส่ง EMS ดังกล่าวที่ ปณอ.รังสิต 101 มหาวิทยาลัยรังสิต เมื่อวันที่ 3 ก.ค.2557 และได้รับ EMS ปณอ.ฉวางวันที่ 5 ก.ค.57

http://www.dailynews.co.th/Content/IT/250854/ไปรษณีย์ไทย+แจง+กรณีส่งไอโฟนกลายเป็นหิน

________________________



ปณท.เยียวยาเหยื่อส่งไอโฟนได้หินเบื้องต้น2พันบาท


ไปรษณีย์ไทย ออกตัวรับผิดชอบไอโฟนกลายเป็นหิน เยียวยาเบื้องต้น 2,000บาท ขอเวลาสอบสวน 7 วัน ลั่นพร้อมลงดทษหากเจ้าหน้าที่ผิด

นายมานพ ศรวิบูลย์ศักดิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายปฏิบัติการนครหลวง เปิดเผยว่า การสอบสวนกรณีที่มีการส่งโทรศัพท์มือถือ ไอโฟน 4 เอส ผ่านทางรูปแบบการส่งด่วน (EMS) จากไปรษณีย์ใน มหาวิทยาลัยรังสิต มายังที่ทำการไปรษณีย์ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช แต่ปรากฏว่าภายในไม่ได้บรรจุโทรศัพท์ไว้ ได้กลายเป็นก้อนหินแทน กรณีดังกล่าวได้เริ่มตรวจสอบขั้นตอนการรับส่งวัสดุแล้ว ไม่พบการฉีกขาด ไม่พบการเปลี่ยนซองบรรจุ ในเบื้องต้นยังไม่พบสิ่งผิดปกติ

ทั้งนี้ ขั้นตอนการตรวจสอบ คาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 7 วัน ซึ่งระหว่างการตรวจสอบจะมีมาตรการเยียวยาในเบื้องต้น คือการชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 2,000 บาท และคืนค่าบริการ 43 บาท รวมทั้งอาจจะมีการเยียวยาพิเศษต่อไป ภายหลังตรวจสอบแน่ชัดแล้วว่ากรณีที่เกิดขึ้นมาจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ของไปรษณีย์ไทยจริง โดยจะมีขั้นตอนการลงโทษทางวินัยร้ายแรง ซึ่งเป็นคดีอาญาหรือโทษสูงสุดคือให้ออกจากราชการ

สำหรับการตรวจสอบซองบรรจุ ได้มีการสอบถามเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ที่มหาวิทยาลัยรังสิต ได้คำตอบว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้สอบถามผู้ส่งว่าภายในคืออะไร เนื่องจากช่วงนั้นมีผู้มาใช้บริการมาก ซึ่งผู้ส่งได้ใส่วัสดุไว้ในซองแล้วปิดผนึกแล้ว และมีการชั่งน้ำหนักบันทึกไว้ที่ 162 กก. เมื่อนำโทรศัพท์ไอโฟน 4เอส (เครื่องทดสอบ) มาชั่งน้ำหนักก็พบว่ามีน้ำหนักตรงกันที่ 162 กก. ขณะที่น้ำหนักของก้อนหินที่พบอยู่ภายในมีน้ำหนักเพียง 138 กก. เท่านั้น ส่วนภาพจากกล้องวงจรปิดในทุกจุดได้มีการเรียกขอภาพมาตรวจสอบแล้ว

“ทุกขั้นตอนการส่งวัสดุจากต้นทาง กลางทาง ไปจนถึงปลายทางจะผ่านหลายคนซึ่งมีทั้งเจ้าหน้าของไปรษณีย์ และของเอกชนที่รับจ้างขนส่ง จึงอาจเกิดปัญหาจากจุดใดก็ได้ อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดเหตุขึ้นทางไปรษณีย์พร้อมรับผิดชอบทันที แต่ยืนยันว่าระบบที่มีอยู่ไม่ได้มีปัญหาอะไร โดยทางไปรษณีย์ มีขั้นตอนการรับบุคลากรเข้ามาทำงานโดยต้องผ่านการตรวจสอบประวัติการทำงาน ต้องไม่มีพฤติกรรมที่เคยถูกร้องเรียนเรื่องเสื่อมเสีย ทั้งยังมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดทุกศูนย์บริการไปรษณีย์ทั่วประเทศสามารถตรวจสอบได้”นายนพ กล่าว

นอกจากนี้ ถ้ามีการส่งของมีค่ามากขึ้นลูกค้าสามารถซื้อประกันสิ่งของเสียหาย สูญหายได้ ซึ่งจะมีการรับผิดชอบตามมูลค่าตั้งแต่ 5 หมื่นบาทถึง 2 แสนบาท

นายมานพ กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีการเผยแพร่ในอินเตอร์เน็ตว่ามีเจ้าหน้าที่ของไปรษณีย์เปิดบรรจุภัณฑ์สิ่งของภายใน แล้วไปเรียกเก็บภาษีจากบริษัทที่จ่าหน้าซองบรรจุภัณฑ์นั้น ยืนยันไม่เป็นความจริง เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ไม่มีอำนาจเปิดบรรจุภัณฑ์โดยเด็ดขาด ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ ยังไม่สามารถปฏิเสธซองบรรจุภัณฑ์ที่ลูกค้าเขียนว่า “กรุณาอย่าโยน อย่าพับ ระวังแตก” ตามที่มีการร้องเรียนในสังคมโซเซียล เพราะเจ้าหน้าที่มีหน้าที่ต้องรับวัสดุนั้นไว้ ถือเป็นคำเตือนของลูกค้า แต่ถ้าพิจารณาแล้วมีคำไม่สุภาพ คำหยาบคายทางเจ้าหน้าที่ตัดสินใจไม่รับส่งได้เช่นกัน



http://www.posttoday.com/สังคม/สังคมทั่วไป/305525/ปณท-เยียวยาเหยื่อส่งไอโฟนได้หินเบื้องต้น2พันบาท

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.