Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

31 กรกฎาคม 2557 ช่อง 7.สุภาพรรณ ระบุ ในปี 2558 บริษัทจะมีรายได้มาจาก 3 ธุรกิจคือ 1.ฟรีทีวี 80% 2.ทีวีดาวเทียม 10% และ 3.ทีวีดิจิตอล 10% หรือมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท

ประเด็นหลัก



    นางสาวสุภาพรรณ กล่าวต่อว่า จากการเพิ่มธุรกิจทีวีดิจิตอลเข้ามาจะส่งผลให้ในปี 2558 บริษัทจะมีรายได้มาจาก 3 ธุรกิจคือ 1.ฟรีทีวี 80% 2.ทีวีดาวเทียม 10% และ 3.ทีวีดิจิตอล 10% หรือมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท เติบโตจากปี 2557 อย่างน้อย 10% ขณะที่ปีนี้มองว่าจะมีรายได้รวมโตขึ้น 10% จากรายได้รวม 960 ล้านบาท แบ่งออกเป็นฟรีทีวี 800 ล้านบาท และทีวีดาวเทียม 160 ล้านบาท

______________________________




ช่อง 7 ลดเสี่ยง “ทีวีดาวเทียม” มุ่งผลิตคอนเทนต์ดิจิตอล


“สุภาพรรณ วิสฤตาภา” กรรมการผู้จัดการ บริษัท มีเดีย สตูดิโอ จำกัด หนึ่งในบริษัทลูกของช่อง 7
       “ทีวีดาวเทียม” ตั้งแผนรับมืออุตสาหกรรมทีวีแข่งเดือด “มีเดีย สตูดิโอ” ยุบ 2 ช่อง เหลือ “มีเดีย แชนแนล” เพียงช่องเดียว ชูละครดัง 7 สีสร้างเรตติ้งดูดโฆษณา หวังขึ้นแท่นท็อป 3 ในกลุ่มวาไรตี้ พร้อมกรุยทางรับจ้างผลิตรายการป้อนทีวีดิจิตอล 2 ช่องใหม่ มั่นใจปี 58 รายได้ทะลุ 1 พันล้านบาท โตขึ้น 10%
     
       นางสาวสุภาพรรณ วิสฤตาภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท มีเดีย สตูดิโอ จำกัด หนึ่งในบริษัทลูกของช่อง 7 เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุตสาหกรรมทีวีที่เปลี่ยนแปลงไปจนมีทีวีดิจิตอลเกิดขึ้นใหม่ 24 ช่อง จากเดิมฟรีทีวีเป็นอันดับหนึ่งในแง่เรตติ้งและจำนวนผู้ชมรวมถึงโฆษณา โดยทีวีดาวเทียมเป็นทางเลือกอันดับสอง แต่ปัจจุบันลงมาเป็นทางเลือกอันดับสามต่อจากฟรีทีวีและทีวีดิจิตอลตามลำดับ ส่งผลให้บริษัทต้องมีการปรับตัวจากการดำเนินธุรกิจอยู่ 2 กลุ่มคือ 1.ฟรีทีวี ในการรับจ้างผลิตรายการข่าว และละครให้ช่อง 7 รวม 5 รายการ และ 2.ทีวีดาวเทียม 2 ช่องคือ “มีเดีย นิวส์” และ “มีเดีย แชนแนล”
     
       ล่าสุดในเดือน ส.ค.นี้ ธุรกิจทีวีดาวเทียมจะปรับให้เหลือเพียง 1 ช่องคือ ช่อง “มีเดีย แชนแนล” โดยคัดเลือกรายการจากช่อง “มีเดีย นิวส์” ที่มีเรตติ้งดีมาก 7 รายการคือ “เช้านี้ที่หมอชิต” ที่ออกอากาศคู่ขนานกับทางช่อง7, รายการ “สภากาแฟ”, รายการ “ข่าวเที่ยง”, รายการ “แจ้งคลายทุกข์”, รายการ “ข่าวภาคค่ำ”, รายการ “เรื่องไม่เป็นเรื่อง”, รายการ “หมอชิตสุดสัปดาห์” และรายการ “บันเทิงสุดสัปดาห์” พร้อมรีลอนช์ช่อง “มีเดีย แชนแนล” กับผังรายการใหม่ โดยชูละครดังจากช่อง 7 ที่เคยได้รับความนิยมสูงเป็นคอนเทนต์หลักสร้างรายได้ พร้อมรายการบันเทิงต่างๆ ภายใต้โพซิชันนิ่งของช่องให้เป็นช่องวาไรตี้ จับกลุ่มผู้หญิง แม่บ้านอายุ 35 ปีขึ้นไปและเน้นคนเมืองมากขึ้น โดยมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีและก้าวขึ้นมาเป็นท็อป 3 ของช่องวาไรตี้ในแพลตฟอร์มทีวีดาวเทียม
     
       ในแง่ของรายได้โฆษณาขณะนี้ได้เริ่มพรีเซลล์ไปบ้างแล้วโดยเอเยนซีต่างให้การตอบรับอย่างดี จึงเชื่อว่า โดยเฉลี่ยแล้วราคาโฆษณาจะขยับขึ้นเป็น 1 หมื่นบาทต่อนาทีภายในไตรมาสหนึ่งปี 2558 จากที่ผ่านมาราคาโฆษณายังต่ำกว่า 1 หมื่นบาทต่อนาทีอยู่มาก โดยผังรายการใหม่นี้เวลาไพรม์ไทม์อยู่ที่ช่วงเวลา 17.00-21.00 น. ประกอบด้วย รายการข่าวและละคร เป็นต้น ถึงสิ้นปี 2558 มั่นใจว่าช่อง “มีเดีย แชนแนล” จะมีรายได้โตขึ้น 20% จากรายได้รวมทีวีดาวเทียม 160 ล้านบาทในปีก่อน
     
       “ที่ผ่านมาช่อง มีเดีย นิวส์ เป็นช่องข่าวที่มีเรตติ้งค่อนข้างดีของกลุ่มช่องข่าวทีวีดาวเทียมด้วยกัน แต่จากการเปลี่ยนแปลงที่มีทีวีดิจิตอลเกิดขึ้นและเป็นช่องข่าว 7 ช่อง ส่วนใหญ่เป็นช่องที่ปรับขึ้นมาจากทีวีดาวเทียม จึงมองว่าการแข่งขันเปลี่ยนไป ผู้ชมจะเลือกชมฟรีทีวีและทีวีดิจิตอล ก่อนที่จะเลือกชมช่องทีวีดาวเทียมที่มีหมายเลขช่องอยู่ในอันดับท้ายๆ”
     
       ดังนั้นช่องข่าวในทีวีดาวเทียมจึงไม่ใช่ในเวลานี้ จึงได้ปรับช่องมีเดียนิวส์มารวมกับช่อง “มีเดีย แชนแนล” และปรับช่อง “มีเดีย แชนแนล” ให้มีคอนเทนต์น่าสนใจมากขึ้นเพื่อเรียกเรตติ้งและดึงรายได้จากโฆษณาเข้ามาจากการเปลี่ยนแปลงของทีวีดาวเทียมเองที่ต้องจัดอยู่ในกลุ่มบอกรับสมาชิกและหารายได้จากโฆษณาได้ชั่วโมงละ 5-6 นาทีเท่านั้น
     
       อย่างไรก็ตาม การยุบช่อง “มีเดีย นิวส์” จะช่วยให้ต้นทุนในการทำธุรกิจทีวีดาวเทียมลดลง 20% ขณะที่ในแง่บุคลากรไม่ได้ปรับลดลงโดยยังคงอยู่ที่ 300 คน (เป็นทีมข่าวกว่า 200 คน) ทั้งนี้เพื่อต่อยอดธุรกิจใหม่คือ ทีวีดิจิตอล ในลักษณะผลิตรายการป้อนให้ช่องทีวีดิจิตอลรายใหม่ๆ ในทุกรูปแบบ ทั้งรับจ้างผลิตและ “ไทม์ แชริ่ง” เป็นต้น ซึ่งขณะนี้กำลังเจรจาอยู่ 2 ช่อง โดยรูปแบบรายการมีทั้งข่าวและละคร รวมถึงคอนเทนต์ที่ทางช่องสนใจให้ร่วมผลิตให้
     
       นางสาวสุภาพรรณ กล่าวต่อว่า จากการเพิ่มธุรกิจทีวีดิจิตอลเข้ามาจะส่งผลให้ในปี 2558 บริษัทจะมีรายได้มาจาก 3 ธุรกิจคือ 1.ฟรีทีวี 80% 2.ทีวีดาวเทียม 10% และ 3.ทีวีดิจิตอล 10% หรือมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท เติบโตจากปี 2557 อย่างน้อย 10% ขณะที่ปีนี้มองว่าจะมีรายได้รวมโตขึ้น 10% จากรายได้รวม 960 ล้านบาท แบ่งออกเป็นฟรีทีวี 800 ล้านบาท และทีวีดาวเทียม 160 ล้านบาท
     
       “ปีนี้บริษัทฯ ยังได้ใช้งบลงทุนกว่า 100 ล้านบาทสำหรับปรับเปลี่ยนอุปกรณ์การผลิตรายการและการออกอากาศมาเป็นระบบ HD ทั้งหมด พร้อมคืนช่องทรานสปอนเดอร์เหลือเพียง 1 ช่อง ขณะที่ธุรกิจฟรีทีวีนั้นมีการผลิตละครรวม 4 เรื่อง ออกอากาศ 2 เรื่องคือ วีรบุรุษกองขยะ ที่เพิ่งจบไป และ คีตโลกา ในเดือน ก.ย.นี้ และอีก 2 เรื่องกำลังจะเริ่มถ่ายทำ พร้อมออกอากาศต้นปีหน้า” นางสาวสุภาพรรณ กล่าวในที่สุด
     

http://www.manager.co.th/iBizchannel/viewNews.aspx?NewsID=9570000086336

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.