Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

10 กันยายน 2557 กสทช.สุภิญญา ระบุ กรณีช่อง 3 อนาล็อกกับการถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ (Asian Games) ครั้งที่ 17 ต้องการให้ประเด็นการออกอากาศคู่ขนานของช่อง 3 มีความชัดเจนก่อน เพราะเกรงว่าหากอนุมัติให้ช่อง 3 อนาล็อก ก็จะยิ่งทำให้ปมปัญหาช่อง 3 อนาล็อก มีความซับซ้อนขึ้นไปอีก

ประเด็นหลัก


นอกจากนี้ ผู้สื่อข่ารายงานว่า ในวันที่ 10 ก.ย. สำนักงาน กสทช.ได้เชิญตัวแทนโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทีวีพูล) ช่อง 3 อนาล็อก และบริษัท ทรูวิชั่นส์ จำกัด และผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล 24 ช่อง มาหารือถึงกรณีที่ช่อง 3 อนาล็อก ขอถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ (Asian Games) ครั้งที่ 17 จากเมืองอินชอน สาธารณรัฐเกาหลี วันที่ 19 ก.ย.-4 ต.ค.57 โดยจะออกอากาศคู่ขนาน กับช่องดิจิตอล 3 ช่องคือ 13, 28, 33 สลับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป และออกอากาศบนโครงข่ายทรู-วิชั่นส์ ซึ่งเป็นโครงข่ายแบบบอกรับสมาชิกด้วย ขณะนี้ มีความเห็นที่แตกต่างกัน โดย น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการ กสทช. ต้องการให้ประเด็นการออกอากาศคู่ขนานของช่อง 3 มีความชัดเจนก่อน เพราะเกรงว่าหากอนุมัติให้ช่อง 3 อนาล็อก สามารถออกอากาศการถ่ายทอดกีฬาเอเชียนเกมส์ได้ ก็จะยิ่งทำให้ปมปัญหาช่อง 3 อนาล็อก มีความซับซ้อนขึ้นไปอีก

ขณะที่สำนักงาน กสทช.ให้ความเห็นว่า การตกลงถ่ายทอดสดกีฬาเอเชียนเกมส์นั้น ทีวีพูลประมูลลิขสิทธิ์มาก่อนหน้านี้แล้ว และมีข้อตกลงกับทีวีอนาล็อกเดิมทุกช่อง แต่เมื่อช่อง 3 จะนำไปออกอากาศในระบบอนาล็อกเดิมด้วย และออกอากาศคู่ขนาน บนช่องดิจิตอลนั้น เป็นการเจรจาระหว่างช่อง 3 กับทีวีพูลในฐานะผู้ซื้อลิขสิทธิ์ อีกทั้งยังเป็นไปตามประกาศ กสทช.เรื่องหลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สำคัญที่เผยแพร่ได้เฉพาะในบริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป พ.ศ.2555 หรือ Must Have ด้วย ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะจะทำให้ประชาชนได้รับชมการถ่ายทอดการแข่งขันอย่างทั่วถึง มากกว่าจะไม่อนุญาตให้ช่อง 3 และทรูวิชั่นส์ถ่ายทอดการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ดังกล่าว

ขณะเดียวกัน มีความคิดเห็นจากผู้ประกอบการธุรกิจเคเบิลและจานดาวเทียม โดยนายมานพ โตการค้า ประธานชมรมผู้ประกอบการโครงข่ายโทรทัศน์ดาวเทียม/เคเบิล เปิดเผยว่า ขณะนี้กลุ่มผู้ประกอบการชมรม ซึ่งมีฐานผู้ชมอยู่ที่ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนครัวเรือน 22.9 ล้านครัว เรือนทั่วประเทศ หรือราว 45-50 ล้านผู้ชม คงทำได้แค่รอคำสั่งทางปกครองที่จะให้ผู้ประกอบการโครงข่ายดาวเทียมและเคเบิล ยุติการออกอากาศช่อง 3 อนาล็อก ซึ่งสิ้นสุดสถานภาพความเป็นฟรีทีวีไปแล้ว โดยหลักการ ผู้ประกอบการทุกรายยินดีปฏิบัติตามคำสั่งที่ให้ช่อง 3 อนาล็อกจอดำ แม้จะไม่ต้องการให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น

“เราต้องยอมรับว่าเราเป็นส่วนปลายทาง ก็อยากให้ช่อง 3 และ กสท. เจรจาหาทางออกตกลง กันให้ได้ ลูกค้าของพวกผมจะได้ไม่ต้องรับผลกระทบ ทั้งที่ปัญหาเป็นของช่อง 3 และ กสท. แต่กลุ่มผู้ประกอบการกลับเป็นกลุ่มที่ต้องรับคำสั่ง เนื่องจากเป็นผู้ประกอบการรับใบอนุญาต ภายใต้การกำกับดูแลของ กสทช. ได้รับคำสั่งอย่างไร ก็ต้องปฏิบัติตามนั้น” นายมานพกล่าว แต่ยังระบุว่าหลังได้รับคำสั่งปกครองแล้ว คงต้องมาพิจารณากันในชมรมอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะผู้ประกอบการโครงข่ายดาวเทียม-เคเบิล ไม่ใช่คู่กรณีในเรื่องนี้ ส่วนแนวทางการแก้ปัญหาไม่ให้จอดำ เพียงแค่ช่อง 3 ปรับลดสัดส่วนโฆษณาลงเหลือชั่วโมงละ 6 นาทีตามเงื่อนไขของทีวีบอกรับสมาชิก (เพย์ทีวี) นั้น ตนในฐานะประธานชมรมขอสงวนการออกความคิดเห็น เพราะก้าวล้ำแนวทางการดำเนินธุรกิจของช่อง 3 รวมทั้งนโยบายของ กสท. ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องไม่เหมาะสม

“ในทางปฏิบัติ หลังได้รับคำสั่งปกครอง ผู้ประกอบการมีเวลา 15 วัน ในการแจ้งต่อลูกค้า คงต้องใช้ตัววิ่งหน้าจอแจ้ง เชื่อว่าหากสถานการณ์เลยเถิดไปถึงขั้นช่อง 3 จอดับ คงรับมือลูกค้าไม่ไหว เพราะตั้งแต่มีข่าว ก็เริ่มมีลูกค้าโทร.เข้ามาสอบถามมากมายแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น และลูกค้าไม่ต้องการทำความเข้าใจในเรื่องยากๆ แค่ขอให้ได้ดูช่องที่พึงพอใจเท่านั้น” นายมานพกล่าว

ด้านนายสมพร ธีระโรจนพงษ์ ประธานเจ้า– หน้าที่บริหารบริษัทพีเอสไอ โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่า เบื้องต้นกลุ่มผู้ประกอบการไม่มีความปรารถนาที่จะต่อสู้ในแนวทางที่แข็งกร้าว ต้องการเน้นการประนี ประนอมให้มากที่สุด เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของกลุ่มผู้ประกอบการโดยตรง จึงวอนให้ช่อง 3 และกสท.หาทางออกที่ดีให้ได้ เช่นเดียวกับนายวิชิต เอื้อ–อารีวรกุล กรรมการผู้จัดการบริษัทเจริญยิ่ง (8888) จำกัด เจ้าของเจริญเคเบิลทีวี กล่าวว่า หากช่อง 3 อนาล็อกต้องจอดำ ก็ต้องบอกว่าไม่ใช่ความผิดของผู้ประกอบการ ผู้ชมต้องต่อว่าไปที่ กสท.และช่อง 3 เอง อย่างเจริญเคเบิลนั้น ยอมรับว่าลำบากแน่ เนื่องจากเป็นเคเบิลแบบเก็บค่าบริการรายเดือน ลูกค้าจ่ายเงินแล้วดูไม่ได้ ย่อมเป็นปัญหาใหญ่

ขณะที่นางพันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยทีวีพูล จำกัด หรือเจ๊ติ๋มทีวีพูล เจ้าของช่องทีวีดิจิตอลไทยทีวี กล่าวว่า ทุกคนไม่ว่าจะเป็นสื่อ ประชาชน คนรวย คนจน ต้องเคารพกฎหมาย ช่อง 3 มีสิทธิเลือกที่จะไม่จอดำ ด้วยการออกอากาศคู่ขนานบนช่องทีวีดิจิตอลแบบช่อง 7 ช่อง 9 หรือช่อง 5 ทำ แต่อาจไม่อยากทำเพราะไม่ต้องการให้ทีวีดิจิตอลเกิด ก็ต้องปรับเปลี่ยนตัวเองเป็นเพย์ทีวี หั่นโฆษณาเหลือชั่วโมงละ 6 นาทีเสีย คงต้องเลือกสักอย่างเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย เพราะก่อนหน้านี้ศาลปกครองมีคำสั่งไม่คุ้มครองฉุกเฉินไปแล้ว บอร์ด กสท.ก็มีมติไม่ให้ทีวีดาวเทียมและเคเบิลออกอากาศแล้ว จากนี้เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องทำตามกฎระเบียบ

“กรณีนี้ดิฉันขอให้กำลังใจคณะกรรมการกสท. โดยเฉพาะกรรมการ 3 ท่านที่ถูกช่อง 3 ฟ้อง ทั้ง น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ พล.ท. พีระพงษ์ มานะกิจ นายธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ ที่กล้าต่อสู้กับผู้ประกอบการที่มีสื่อในมือ ยิ่งใหญ่และมีอิทธิพล ดิฉันยังขอท้าไปยังคุณสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา พิธีกรช่อง 3 ด้วย หากอยากเปิดเวทีอภิปราย ถกในประเด็นนี้ด้วยกัน ดิฉันยินดีรับคำท้า” เจ๊ติ๋มทีวีพูลกล่าว





















______________________________




วิก3ลุยแก้จอดำ โยนกสท.ยิงดิจิตอล


เปิดข้อเสนอช่อง 3 ยกเนื้อหาให้ กสท.นำไปออก อากาศในช่องดิจิตอล ขณะที่เลขาธิการ กสทช. ย้ำลงนามในคำสั่งทางปกครองให้บริการโครงข่ายดาวเทียมและเคเบิลทุกราย ยุติการเผยแพร่ช่องรายการของสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ภายใน 15 วัน ขณะเดียวกันก็เรียกผู้ประกอบการทีวีทุกค่ายหารือให้ชัดเรื่องการถ่ายทอดการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ด้านผู้ประกอบการวอนช่อง 3 เคารพกฎ อยากให้ร่วมกันหาทางออกด้วยแนวทางประนีประนอมมากกว่าแข็งกร้าว แต่ก็พร้อมบล็อกสัญญาณให้จอดำ แม้กระทบคนดูแน่นอน

กรณีคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) มีมติเมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา ให้เวลาผู้ประกอบการธุรกิจเคเบิลและโครงข่ายดาวเทียมภายใน 15 วัน บล็อกสัญญาณของช่อง 3 อนาล็อก ซึ่งจะส่งผลให้เกิดภาวะจอดำกับทีวีที่ดูรายการโทรทัศน์ผ่านกล่องเคเบิลและระบบดาวเทียมนั้น เมื่อวันที่ 9 ก.ย. พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) กล่าวว่า ได้รับหนังสือข้อเสนอจากช่อง 3 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้ส่งเรื่องให้สำนักงาน กสทช.นำไปวิเคราะห์ และเชิญช่อง 3 มาหารืออีกครั้งให้เกิดความชัดเจน และให้นำเสนอบอร์ด กสท.ต่อไป เพื่อให้ที่ประชุมบอร์ดร่วมกันพิจารณาอีกครั้ง

นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า ในวันที่ 10 ก.ย.นี้จะลงนามในคำสั่งทางปกครองถึงผู้ให้บริการโครงข่ายดาวเทียมและเคเบิลทุกราย ยุติการเผยแพร่ช่องรายการของสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ภายใน 15 วัน หลังได้รับหนังสืออย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามมติคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ และเมื่อลงนามเสร็จแล้ว จะส่งหนังสือไปยังผู้ให้บริการโครงข่ายดาวเทียมและเคเบิลทันที ด้วยวิธีการจดหมายลงทะเบียนตอบรับ เพื่อบันทึกการรับ-ส่งชัดเจน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนังสือที่บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด (มหาชน) เจ้าของสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ได้ส่งถึง พ.อ.นที ศุกลรัตน์ ประธานกสท. เมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมานั้น ระบุเป็นข้อเสนอแนะในการแก้ปัญหาเรื่องการออกอากาศคู่ขนาน ตามที่บอร์ด กสท.มอบหมายให้ไปพิจารณาแนวทางแก้ไข โดยมีรายละเอียดสั้นๆ และมีข้อเสนอเดียว ซึ่งแนะนำให้ กสท.นำสัญญาณโทรทัศน์ของช่อง 3 ทั้งหมดไปใช้เผยแพร่แบบ Real time Pass through อันหมายถึงการนำสัญญาณไปเผยแพร่ ณ วันและเวลาเดียวกัน โดยไม่มีการแก้ไข เปลี่ยนแปลงสัญญาณ เนื้อหา และโฆษณา ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน เช่นเดียวกับที่โครงข่ายทีวีดาวเทียมและเคเบิลปฏิบัติกันมาโดยตลอด

อย่างไรก็ตาม หนังสือของช่อง 3 ยังระบุเพิ่มเติมถึงความจำเป็นในการหารือกันในรายละเอียดระหว่าง กสท.และช่อง 3 เพื่อป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ของเจ้าของรายการ โดยผู้ที่ลงนามท้ายหนังสือ คือนายสุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์ รองกรรมการผู้จัดการของช่อง 3 และเป็นที่น่าสังเกตว่าหนังสือดังกล่าวนั้น ส่งถึง พ.อ.นที ประธาน กสท.เพียงผู้เดียว ไม่ได้ส่งให้กรรมการ กสท.คนอื่นๆแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อเสนอของช่อง 3 นั้น เป็นการมอบสิทธิ์ให้ กสท.นำเนื้อหาของช่อง 3 อนาล็อกไปออกอากาศ โดย กสท.ต้องเป็นผู้บริหารจัดการเงื่อนไขอื่นๆที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ต่างจากการออก อากาศคู่ขนาน (Simulcast) ทั้งบนระบบอนาล็อกและดิจิตอลใหม่ ที่ กสท.พยายามผลักดันให้ช่อง 3 ดำเนินการมาโดยตลอด ซึ่งหากมีการออกอากาศคู่ขนานบน 3 ช่องดิจิตอลใหม่ของช่อง 3 ก็เท่ากับว่าช่อง 3 ต้องบริหารจัดการ ดำเนินการเองทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องตั้งข้อสังเกตคือ กสท.จะจัดสรรช่องดิจิตอลใดในการออกอากาศแบบ Real time Pass through ให้แก่ช่อง 3 อนาล็อก เนื่องจากช่องทีวีดิจิตอลที่ออกอากาศมีโฆษณาได้ 12 นาทีนั้น มีเพียง 24 ช่องธุรกิจ ที่ประมูลเสร็จสิ้นไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งช่อง 3 ประมูลได้ 3 ช่อง แต่หากพิจารณาตามข้อเสนอดังกล่าว ดูเหมือนจะชัดเจนว่าช่อง 3 จะไม่ใช้ช่องของตัวเองในการออกอากาศช่อง 3 อนาล็อก

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่ารายงานว่า ในวันที่ 10 ก.ย. สำนักงาน กสทช.ได้เชิญตัวแทนโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทีวีพูล) ช่อง 3 อนาล็อก และบริษัท ทรูวิชั่นส์ จำกัด และผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล 24 ช่อง มาหารือถึงกรณีที่ช่อง 3 อนาล็อก ขอถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ (Asian Games) ครั้งที่ 17 จากเมืองอินชอน สาธารณรัฐเกาหลี วันที่ 19 ก.ย.-4 ต.ค.57 โดยจะออกอากาศคู่ขนาน กับช่องดิจิตอล 3 ช่องคือ 13, 28, 33 สลับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป และออกอากาศบนโครงข่ายทรู-วิชั่นส์ ซึ่งเป็นโครงข่ายแบบบอกรับสมาชิกด้วย ขณะนี้ มีความเห็นที่แตกต่างกัน โดย น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการ กสทช. ต้องการให้ประเด็นการออกอากาศคู่ขนานของช่อง 3 มีความชัดเจนก่อน เพราะเกรงว่าหากอนุมัติให้ช่อง 3 อนาล็อก สามารถออกอากาศการถ่ายทอดกีฬาเอเชียนเกมส์ได้ ก็จะยิ่งทำให้ปมปัญหาช่อง 3 อนาล็อก มีความซับซ้อนขึ้นไปอีก

ขณะที่สำนักงาน กสทช.ให้ความเห็นว่า การตกลงถ่ายทอดสดกีฬาเอเชียนเกมส์นั้น ทีวีพูลประมูลลิขสิทธิ์มาก่อนหน้านี้แล้ว และมีข้อตกลงกับทีวีอนาล็อกเดิมทุกช่อง แต่เมื่อช่อง 3 จะนำไปออกอากาศในระบบอนาล็อกเดิมด้วย และออกอากาศคู่ขนาน บนช่องดิจิตอลนั้น เป็นการเจรจาระหว่างช่อง 3 กับทีวีพูลในฐานะผู้ซื้อลิขสิทธิ์ อีกทั้งยังเป็นไปตามประกาศ กสทช.เรื่องหลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สำคัญที่เผยแพร่ได้เฉพาะในบริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป พ.ศ.2555 หรือ Must Have ด้วย ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะจะทำให้ประชาชนได้รับชมการถ่ายทอดการแข่งขันอย่างทั่วถึง มากกว่าจะไม่อนุญาตให้ช่อง 3 และทรูวิชั่นส์ถ่ายทอดการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ดังกล่าว

ขณะเดียวกัน มีความคิดเห็นจากผู้ประกอบการธุรกิจเคเบิลและจานดาวเทียม โดยนายมานพ โตการค้า ประธานชมรมผู้ประกอบการโครงข่ายโทรทัศน์ดาวเทียม/เคเบิล เปิดเผยว่า ขณะนี้กลุ่มผู้ประกอบการชมรม ซึ่งมีฐานผู้ชมอยู่ที่ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนครัวเรือน 22.9 ล้านครัว เรือนทั่วประเทศ หรือราว 45-50 ล้านผู้ชม คงทำได้แค่รอคำสั่งทางปกครองที่จะให้ผู้ประกอบการโครงข่ายดาวเทียมและเคเบิล ยุติการออกอากาศช่อง 3 อนาล็อก ซึ่งสิ้นสุดสถานภาพความเป็นฟรีทีวีไปแล้ว โดยหลักการ ผู้ประกอบการทุกรายยินดีปฏิบัติตามคำสั่งที่ให้ช่อง 3 อนาล็อกจอดำ แม้จะไม่ต้องการให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น

“เราต้องยอมรับว่าเราเป็นส่วนปลายทาง ก็อยากให้ช่อง 3 และ กสท. เจรจาหาทางออกตกลง กันให้ได้ ลูกค้าของพวกผมจะได้ไม่ต้องรับผลกระทบ ทั้งที่ปัญหาเป็นของช่อง 3 และ กสท. แต่กลุ่มผู้ประกอบการกลับเป็นกลุ่มที่ต้องรับคำสั่ง เนื่องจากเป็นผู้ประกอบการรับใบอนุญาต ภายใต้การกำกับดูแลของ กสทช. ได้รับคำสั่งอย่างไร ก็ต้องปฏิบัติตามนั้น” นายมานพกล่าว แต่ยังระบุว่าหลังได้รับคำสั่งปกครองแล้ว คงต้องมาพิจารณากันในชมรมอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะผู้ประกอบการโครงข่ายดาวเทียม-เคเบิล ไม่ใช่คู่กรณีในเรื่องนี้ ส่วนแนวทางการแก้ปัญหาไม่ให้จอดำ เพียงแค่ช่อง 3 ปรับลดสัดส่วนโฆษณาลงเหลือชั่วโมงละ 6 นาทีตามเงื่อนไขของทีวีบอกรับสมาชิก (เพย์ทีวี) นั้น ตนในฐานะประธานชมรมขอสงวนการออกความคิดเห็น เพราะก้าวล้ำแนวทางการดำเนินธุรกิจของช่อง 3 รวมทั้งนโยบายของ กสท. ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องไม่เหมาะสม

“ในทางปฏิบัติ หลังได้รับคำสั่งปกครอง ผู้ประกอบการมีเวลา 15 วัน ในการแจ้งต่อลูกค้า คงต้องใช้ตัววิ่งหน้าจอแจ้ง เชื่อว่าหากสถานการณ์เลยเถิดไปถึงขั้นช่อง 3 จอดับ คงรับมือลูกค้าไม่ไหว เพราะตั้งแต่มีข่าว ก็เริ่มมีลูกค้าโทร.เข้ามาสอบถามมากมายแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น และลูกค้าไม่ต้องการทำความเข้าใจในเรื่องยากๆ แค่ขอให้ได้ดูช่องที่พึงพอใจเท่านั้น” นายมานพกล่าว

ด้านนายสมพร ธีระโรจนพงษ์ ประธานเจ้า– หน้าที่บริหารบริษัทพีเอสไอ โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่า เบื้องต้นกลุ่มผู้ประกอบการไม่มีความปรารถนาที่จะต่อสู้ในแนวทางที่แข็งกร้าว ต้องการเน้นการประนี ประนอมให้มากที่สุด เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของกลุ่มผู้ประกอบการโดยตรง จึงวอนให้ช่อง 3 และกสท.หาทางออกที่ดีให้ได้ เช่นเดียวกับนายวิชิต เอื้อ–อารีวรกุล กรรมการผู้จัดการบริษัทเจริญยิ่ง (8888) จำกัด เจ้าของเจริญเคเบิลทีวี กล่าวว่า หากช่อง 3 อนาล็อกต้องจอดำ ก็ต้องบอกว่าไม่ใช่ความผิดของผู้ประกอบการ ผู้ชมต้องต่อว่าไปที่ กสท.และช่อง 3 เอง อย่างเจริญเคเบิลนั้น ยอมรับว่าลำบากแน่ เนื่องจากเป็นเคเบิลแบบเก็บค่าบริการรายเดือน ลูกค้าจ่ายเงินแล้วดูไม่ได้ ย่อมเป็นปัญหาใหญ่

ขณะที่นางพันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยทีวีพูล จำกัด หรือเจ๊ติ๋มทีวีพูล เจ้าของช่องทีวีดิจิตอลไทยทีวี กล่าวว่า ทุกคนไม่ว่าจะเป็นสื่อ ประชาชน คนรวย คนจน ต้องเคารพกฎหมาย ช่อง 3 มีสิทธิเลือกที่จะไม่จอดำ ด้วยการออกอากาศคู่ขนานบนช่องทีวีดิจิตอลแบบช่อง 7 ช่อง 9 หรือช่อง 5 ทำ แต่อาจไม่อยากทำเพราะไม่ต้องการให้ทีวีดิจิตอลเกิด ก็ต้องปรับเปลี่ยนตัวเองเป็นเพย์ทีวี หั่นโฆษณาเหลือชั่วโมงละ 6 นาทีเสีย คงต้องเลือกสักอย่างเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย เพราะก่อนหน้านี้ศาลปกครองมีคำสั่งไม่คุ้มครองฉุกเฉินไปแล้ว บอร์ด กสท.ก็มีมติไม่ให้ทีวีดาวเทียมและเคเบิลออกอากาศแล้ว จากนี้เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องทำตามกฎระเบียบ

“กรณีนี้ดิฉันขอให้กำลังใจคณะกรรมการกสท. โดยเฉพาะกรรมการ 3 ท่านที่ถูกช่อง 3 ฟ้อง ทั้ง น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ พล.ท. พีระพงษ์ มานะกิจ นายธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ ที่กล้าต่อสู้กับผู้ประกอบการที่มีสื่อในมือ ยิ่งใหญ่และมีอิทธิพล ดิฉันยังขอท้าไปยังคุณสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา พิธีกรช่อง 3 ด้วย หากอยากเปิดเวทีอภิปราย ถกในประเด็นนี้ด้วยกัน ดิฉันยินดีรับคำท้า” เจ๊ติ๋มทีวีพูลกล่าว

ส่วนนายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงกรณีนี้เช่นกันว่า ถ้าที่สุดแล้วมีคำสั่งให้กล่องจีเอ็มเอ็มแซท ของจีเอ็มเอ็มแกรมมี่ จอดำช่อง 3 เราไม่มีทางปฏิเสธได้ ก็คงต้องจอดำไป แต่โดยส่วนตัวอยากให้ทั้ง 2 ฝ่าย ช่อง 3 และ กสท.มานั่งคุยกันและใจเย็นๆ คุยกันให้เข้าใจ เพื่อประโยชน์ของทุกคน โดยเฉพาะประชาชนคนไทย

“เรื่องนี้ มี 3 ประเด็น 1.กสท.น่าจะรอการเสนอของช่อง 3 เพราะน่าจะเป็นการเจรจาด้านการชดเชยและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน หากช่อง 3 มาอยู่ที่ช่องดิจิตอล โดยส่วนตัวอยากให้ช่อง 3 บอกความต้องการของตัวเองไป ว่าอยากได้อะไร อย่างไร ขณะที่ กสท.ก็ต้องเสนอว่า หากช่อง 3 ยอมมาดิจิตอล จะให้สิทธิประโยชน์หรืออะไรเป็นการตอบแทนช่อง 3 ได้บ้าง เพราะปัจจุบันช่อง 3 ต้องเสียค่าสัมปทานให้กับ อสมท และต้องจ่าย 4% เป็นค่าธรรมเนียม เข้ากองทุน กสทช.จะยกเลิกอะไรให้ได้บ้าง เพื่อไม่ให้เสียเปรียบหรือมีค่าใช้จ่ายมากกว่าคนอื่น ซึ่งขอยืนยันว่าทั้ง 2 ฝ่ายต้องคุยกัน เพราะหากยังไม่คุยกัน ก็ไม่รู้ว่าใครต้องการอะไร เชื่อว่าหากเจรจากันได้ทุกอย่างก็ราบรื่น 2.ถ้าเจรจากันได้ ดิจิตอลทีวีก็ได้ประโยชน์ด้วย เพราะหากช่อง 3 ย้ายมาอยู่ดิจิตอลทีวี และออกอากาศแบบคู่ขนาน ก็จะเป็นแม่เหล็กดึงดูดให้คนมาสนใจและดูช่องดิจิตอลทีวีด้วย 3.หากศาลปกครองยกฟ้องกรณีช่อง 3 ฟ้องยกเลิกคำสั่ง กสท.ที่ให้ช่อง 3 สิ้นสุดการเป็นฟรีทีวีนั้น ถ้าศาลยกฟ้อง เรื่องราวก็จบ ก็ปรองดองกันได้ ทุกคนไม่มีใครเสียหาย ได้ประโยชน์หมด”

http://www.thairath.co.th/content/449142

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.