15 ตุลาคม 2557 เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค.สารี ระบุ หากประชาชนซื้อกล่องเซต ท็อป บ็อกซ์ มาแล้ว หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้ มูลนิธิอาสาตั้งโครงการรับบริจาคกล่องเพื่อนำไปบริจาคให้แก่คนไร้บ้าน
ประเด็นหลัก
อย่างไรก็ตาม น.ส.สารี กล่าวว่า หากประชาชนซื้อกล่องเซต ท็อป บ็อกซ์ มาแล้ว หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้ มูลนิธิอาสาตั้งโครงการรับบริจาคกล่องเพื่อนำไปบริจาคให้แก่คนไร้บ้าน หรือตามมูลนิธิต่างๆ ที่ไม่มีสิทธิได้รับคูปองดิจิตอล
______________________________
มูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภคชี้พบการทุจริตคูปองดิจิตอลราวดอกเห็ด
มูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค แฉพบผู้นำชุมชนหลายพื้นที่ทั้งใน กทม. และต่างจังหวัด รับค่าหัวคิวจากบริษัทผู้ผลิตกล่อง ด้วยการรวบรวมบัตรประชาชน และคูปองดิจิตอลนำไปแลกกล่องเซต ท็อป บ็อกซ์ เอง ลั่นหากมีหลักฐานชัดเจนจะดำเนินการส่งเรื่องให้ กสทช.ดำเนินการทันที ย้ำคูปองมูลค่า 690 บาท สามารถแลกได้ทั้งกล่องและเสา ขอให้ประชาชนอย่าใจร้อน ควรรอโปรโมชันที่บริษัทผู้ผลิตกล่องจะแข่งขันกันเอง แต่ต้องดูความน่าเชื่อถือของบริษัทผู้ผลิตด้วย หวั่นไม่ได้รับบริการหลังการขาย เตือนก่อนซื้อต้องพิจารณาคุณสมบัติกล่องให้ครบถ้วน พร้อมอาสารับบริจาคกล่องเซต ท็อป บ็อกซ์ เพื่อมอบให้คนไร้บ้าน และมูลนิธิต่างๆได้เข้าถึงการรับชมทีวีดิจิตอล
น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า ขณะนี้พบปัญหาเรื่องการนำคูปองส่วนลดแลกซื้ออุปกรณ์รับสัญญาณโทรทัศน์ระบบดิจิตอลสำหรับภาคพื้นดิน (ทีวีดิจิตอล) มูลค่า 690 บาท ตามชุมชนต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดแล้ว โดยผู้นำในชุมชนได้รับการติดต่อจากบริษัทผู้ผลิตกล่องเซต ท็อป บ็อกซ์ ให้ดำเนินการรวบรวมบัตรประชาชน และคูปองดิจิตอลมาแลกกล่องเองเพื่อแลกกับค่าหัวคิว ซึ่งขณะที่ทางมูลนิธิเฝ้าจับตามองอยู่ หากสามารถรวบรวมหลักฐาน และทราบแน่ชัดว่าเป็นการกระทำของบริษัทใด มูลนิธิจะส่งหลักฐานทั้งหมดให้แก่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพื่อดำเนินการเอาผิดต่อไป
“รายชื่อ 42 บริษัทที่ กสทช.อนุมัติให้ผ่าน และเข้าร่วมโครงการแลกกล่องเซต ท็อป บ็อกซ์ นั้น ประชาชนต้องดูให้ดี เพราะบางบริษัทมีความเกี่ยวข้องทางการเมือง มีการทำการตลาดผ่านหัวคะแนนเพื่อให้ตัวเองมียอดขาย และอาจส่งกล่องที่ไม่มีคุณภาพมาให้ประชาชน นอกจากนี้ บางบริษัทก็อาจจะตั้งขึ้นมาเฉพาะกิจสำหรับโครงการนี้ และเมื่อหมดโครงการบริษัทอาจจะปิด ประชาชนจะรับบริการหลังการขาย หรือนำกล่องไปแลกเปลี่ยนในระยะเวลารับประกันไม่ได้”
มูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภคชี้พบการทุจริตคูปองดิจิตอลราวดอกเห็ด
ด้าน นางมณี จิตรโชติมงคลกุล อนุกรรมการด้านสื่อและโทรคมนาคม คณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชน กล่าวว่า กสทช.ควรประชาสัมพันธ์โครงการนี้อย่างทั่วถึง เพราะมีประชาชนจำนวนหนึ่งที่ได้รับคูปองดิจิตอลแล้วแต่ไม่รู้รายละเอียดว่าต้องแลกหลังวันที่ 20 ต.ค.เป็นต้นไป ก็เข้ามาสอบถามและจะรีบนำไปแลก บางชุมชนไปรษณีย์ก็สนิทกับผู้นำชุมชนไม่ยอมนำคูปองดิจิตอลไปส่งให้ประชาชนทุกครัวเรือน แต่กลับนำไปส่งไว้ที่ผู้นำชุมชนจึงกลายเป็นช่องให้เกิดการทุจริต ผู้นำชุมชนก็ทำหน้าที่รวบรวมบัตรประชาชน และขอคูปองดิจิตอล พร้อมทั้งให้ประชาชนเซ็นชื่อโดยอ้างว่าถ้าไม่เซ็นชื่อจะไม่ได้รับกล่อง ประชาชนที่ไม่รู้ก็กลัวว่าจะไม่ได้ จึงตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มบุคคลเหล่านี้ ดังนั้น กสทช.ควรมีมาตรการป้องกัน และลงโทษผู้ประกอบการอย่างจริงจัง
ขณะที่ น.ส.ชลดา บุญเกษม กรรมการเขตภาคกลาง และอนุกรรมการด้านสื่อและโทรคมนาคม คณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชน กล่าวเสริมว่า ตนเองอาศัยอยู่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นจังหวัดนำร่องในการแจกคูปองดิจิตอล แต่กลับพบว่าประชาชนไม่มีความรู้จำนวนมาก อีกทั้งเบื้องต้นยังพบการกระทำความผิดดังกล่าวใน 3 อำเภอ แล้ว ได้แก่ อ.เสนา อ.พระนครศรีอยุธยา และ อ.บางบาล
น.ส.สารี กล่าวว่า สำหรับประชาชนที่ได้รับคูปองดิจิตอลแล้วอย่าเพิ่งรีบนำไปแลกกล่องเซต ท็อป บ็อกซ์ แนะนำให้รอการแข่งขันของบริษัทต่างๆ ซึ่งในที่สุดจะทำให้ประชาชนสามารถแลกซื้อได้ทั้งกล่อง และเสาในราคา 690 บาท โดยไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม
พร้อมกันนี้ นายวีรพันธ์ รังสีวิจิตรประภา อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ข้อสำคัญก่อนที่ประชาชนจะตัดสินใจเลือกซื้อกล่องเซต ท็อป บ็อกซ์ ควรพิจารณาให้รอบคอบหลายด้าน โดยในส่วนของตัวกล่องภายนอกต้องเลือกกล่องที่มีปุ่มปิด เปิดที่ตัวกล่องด้วย เพราะหากรีโมตหาย หรือใช้งานไม่ได้ ก็ยังสามารถรับชมทีวีดิจิตอลได้โดยการใช้ปุ่มกดจากตัวกล่อง นอกจากนี้ ผู้บริโภคควรเลือกซื้อกล่องที่ใช้สายพ่วงตัวแปลงไฟ (อะแดปเตอร์) เพราะหากกล่องมีปัญหาตรงสายต่อก็ยังสามารถหาซื้ออะแดปเตอร์มาเปลี่ยนได้ และต้องสังเกตด้วยว่า อะแดปเตอร์ต้องมีกระแสการจ่ายไฟมากกว่า หรือเท่ากับตัวกล่อง
อย่างไรก็ตาม น.ส.สารี กล่าวว่า หากประชาชนซื้อกล่องเซต ท็อป บ็อกซ์ มาแล้ว หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้ มูลนิธิอาสาตั้งโครงการรับบริจาคกล่องเพื่อนำไปบริจาคให้แก่คนไร้บ้าน หรือตามมูลนิธิต่างๆ ที่ไม่มีสิทธิได้รับคูปองดิจิตอล
นายปิยะวัตร์ มหาเปารยะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส (สายงานระบบปฏิบัติการ) รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) กล่าวถึงความคืบหน้าในการนำจ่ายคูปองดิจิตอลว่า ได้ดำเนินการไปได้แล้วทั้งสิ้นกว่า 770,000 ใบ โดยนำจ่ายไปยังประชาชนผู้ได้รับสิทธิใน 6 จังหวัดแรก ได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ พระนครศรีอยุธยา และสุพรรณบุรี โดยคาดว่าจะสามารถนำจ่ายได้แล้วเสร็จทั้ง 4.65 ล้านใบ ภายในวันที่ 18 ต.ค. นี้ เพื่อให้ประชาชนสามารถนำคูปองที่ได้รับไปใช้สิทธิได้ในวันที่ 20 ต.ค. ตามที่ กสทช. ระบุไว้
ทั้งนี้ หลังทราบข่าวการนำจ่ายคูปองดิจิตอลในพื้นที่อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี จำนวน 1 ราย ว่า ได้รับคูปองในสภาพฉีกขาดนั้น ขณะนี้ได้มอบหมายให้ที่ทำการไปรษณีย์ธัญบุรีเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง และจะรายงานผลให้ทราบต่อไป
ด้านขั้นตอนในการนำจ่ายคูปองไปยังครัวเรือนต้องมีผู้เซ็นรับทุกราย เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันการรับคูปอง กรณีที่นำจ่ายแล้วไม่มีผู้รับอยู่บ้าน เจ้าหน้าที่จะนำไปจ่ายให้ในวันรุ่งขึ้นอีกครั้งหนึ่ง หากไม่มีใครลงนามรับอีกก็จะหย่อนใบแจ้ง (ขนาดเท่าโปสการ์ด) ไว้ให้เจ้าของบ้านว่าไปรษณีย์ได้มานำจ่ายแล้วแต่ไม่พบคนในบ้าน จึงขอให้ไปติดต่อขอรับ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ เมื่อครบกำหนด 7 วัน ยังไม่มีผู้มาติดต่อขอรับ ทางเจ้าหน้าที่จะส่งใบเตือนแจ้งให้มารับเป็นครั้งที่ 2 และหากครบกำหนดเวลา 15 วัน ยังไม่มีผู้มารับอีก ปณท จะเก็บรักษาคูปองไว้เพื่อรอผู้มาติดต่อขอรับจนกว่าคูปองจะหมดอายุการใช้งาน คือ 31 พ.ค. 2558 และหากครบกำหนดการใช้คูปองยังไม่มีผู้มาติดต่อรับ ทางที่ทำการไปรษณีย์จะเก็บรวบรวม และส่งคืน กสทช. ทันที ซึ่งเจ้าของบ้านทุกหลังที่ได้รับสิทธิสามารถตรวจสอบหมายเลขไปรษณีย์ลงทะเบียนได้จากเว็บไซต์ของ กสทช. จากนั้นนำหมายเลขมาเช็กสถานะการจัดส่งได้ผ่านแอปพลิเคชัน Track & Trace และเว็บไซต์ www.thailandpost.co.th
http://www.manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9570000118239&Keyword=%A1%CA%B7
อย่างไรก็ตาม น.ส.สารี กล่าวว่า หากประชาชนซื้อกล่องเซต ท็อป บ็อกซ์ มาแล้ว หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้ มูลนิธิอาสาตั้งโครงการรับบริจาคกล่องเพื่อนำไปบริจาคให้แก่คนไร้บ้าน หรือตามมูลนิธิต่างๆ ที่ไม่มีสิทธิได้รับคูปองดิจิตอล
______________________________
มูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภคชี้พบการทุจริตคูปองดิจิตอลราวดอกเห็ด
มูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค แฉพบผู้นำชุมชนหลายพื้นที่ทั้งใน กทม. และต่างจังหวัด รับค่าหัวคิวจากบริษัทผู้ผลิตกล่อง ด้วยการรวบรวมบัตรประชาชน และคูปองดิจิตอลนำไปแลกกล่องเซต ท็อป บ็อกซ์ เอง ลั่นหากมีหลักฐานชัดเจนจะดำเนินการส่งเรื่องให้ กสทช.ดำเนินการทันที ย้ำคูปองมูลค่า 690 บาท สามารถแลกได้ทั้งกล่องและเสา ขอให้ประชาชนอย่าใจร้อน ควรรอโปรโมชันที่บริษัทผู้ผลิตกล่องจะแข่งขันกันเอง แต่ต้องดูความน่าเชื่อถือของบริษัทผู้ผลิตด้วย หวั่นไม่ได้รับบริการหลังการขาย เตือนก่อนซื้อต้องพิจารณาคุณสมบัติกล่องให้ครบถ้วน พร้อมอาสารับบริจาคกล่องเซต ท็อป บ็อกซ์ เพื่อมอบให้คนไร้บ้าน และมูลนิธิต่างๆได้เข้าถึงการรับชมทีวีดิจิตอล
น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า ขณะนี้พบปัญหาเรื่องการนำคูปองส่วนลดแลกซื้ออุปกรณ์รับสัญญาณโทรทัศน์ระบบดิจิตอลสำหรับภาคพื้นดิน (ทีวีดิจิตอล) มูลค่า 690 บาท ตามชุมชนต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดแล้ว โดยผู้นำในชุมชนได้รับการติดต่อจากบริษัทผู้ผลิตกล่องเซต ท็อป บ็อกซ์ ให้ดำเนินการรวบรวมบัตรประชาชน และคูปองดิจิตอลมาแลกกล่องเองเพื่อแลกกับค่าหัวคิว ซึ่งขณะที่ทางมูลนิธิเฝ้าจับตามองอยู่ หากสามารถรวบรวมหลักฐาน และทราบแน่ชัดว่าเป็นการกระทำของบริษัทใด มูลนิธิจะส่งหลักฐานทั้งหมดให้แก่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพื่อดำเนินการเอาผิดต่อไป
“รายชื่อ 42 บริษัทที่ กสทช.อนุมัติให้ผ่าน และเข้าร่วมโครงการแลกกล่องเซต ท็อป บ็อกซ์ นั้น ประชาชนต้องดูให้ดี เพราะบางบริษัทมีความเกี่ยวข้องทางการเมือง มีการทำการตลาดผ่านหัวคะแนนเพื่อให้ตัวเองมียอดขาย และอาจส่งกล่องที่ไม่มีคุณภาพมาให้ประชาชน นอกจากนี้ บางบริษัทก็อาจจะตั้งขึ้นมาเฉพาะกิจสำหรับโครงการนี้ และเมื่อหมดโครงการบริษัทอาจจะปิด ประชาชนจะรับบริการหลังการขาย หรือนำกล่องไปแลกเปลี่ยนในระยะเวลารับประกันไม่ได้”
มูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภคชี้พบการทุจริตคูปองดิจิตอลราวดอกเห็ด
ด้าน นางมณี จิตรโชติมงคลกุล อนุกรรมการด้านสื่อและโทรคมนาคม คณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชน กล่าวว่า กสทช.ควรประชาสัมพันธ์โครงการนี้อย่างทั่วถึง เพราะมีประชาชนจำนวนหนึ่งที่ได้รับคูปองดิจิตอลแล้วแต่ไม่รู้รายละเอียดว่าต้องแลกหลังวันที่ 20 ต.ค.เป็นต้นไป ก็เข้ามาสอบถามและจะรีบนำไปแลก บางชุมชนไปรษณีย์ก็สนิทกับผู้นำชุมชนไม่ยอมนำคูปองดิจิตอลไปส่งให้ประชาชนทุกครัวเรือน แต่กลับนำไปส่งไว้ที่ผู้นำชุมชนจึงกลายเป็นช่องให้เกิดการทุจริต ผู้นำชุมชนก็ทำหน้าที่รวบรวมบัตรประชาชน และขอคูปองดิจิตอล พร้อมทั้งให้ประชาชนเซ็นชื่อโดยอ้างว่าถ้าไม่เซ็นชื่อจะไม่ได้รับกล่อง ประชาชนที่ไม่รู้ก็กลัวว่าจะไม่ได้ จึงตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มบุคคลเหล่านี้ ดังนั้น กสทช.ควรมีมาตรการป้องกัน และลงโทษผู้ประกอบการอย่างจริงจัง
ขณะที่ น.ส.ชลดา บุญเกษม กรรมการเขตภาคกลาง และอนุกรรมการด้านสื่อและโทรคมนาคม คณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชน กล่าวเสริมว่า ตนเองอาศัยอยู่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นจังหวัดนำร่องในการแจกคูปองดิจิตอล แต่กลับพบว่าประชาชนไม่มีความรู้จำนวนมาก อีกทั้งเบื้องต้นยังพบการกระทำความผิดดังกล่าวใน 3 อำเภอ แล้ว ได้แก่ อ.เสนา อ.พระนครศรีอยุธยา และ อ.บางบาล
น.ส.สารี กล่าวว่า สำหรับประชาชนที่ได้รับคูปองดิจิตอลแล้วอย่าเพิ่งรีบนำไปแลกกล่องเซต ท็อป บ็อกซ์ แนะนำให้รอการแข่งขันของบริษัทต่างๆ ซึ่งในที่สุดจะทำให้ประชาชนสามารถแลกซื้อได้ทั้งกล่อง และเสาในราคา 690 บาท โดยไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม
พร้อมกันนี้ นายวีรพันธ์ รังสีวิจิตรประภา อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ข้อสำคัญก่อนที่ประชาชนจะตัดสินใจเลือกซื้อกล่องเซต ท็อป บ็อกซ์ ควรพิจารณาให้รอบคอบหลายด้าน โดยในส่วนของตัวกล่องภายนอกต้องเลือกกล่องที่มีปุ่มปิด เปิดที่ตัวกล่องด้วย เพราะหากรีโมตหาย หรือใช้งานไม่ได้ ก็ยังสามารถรับชมทีวีดิจิตอลได้โดยการใช้ปุ่มกดจากตัวกล่อง นอกจากนี้ ผู้บริโภคควรเลือกซื้อกล่องที่ใช้สายพ่วงตัวแปลงไฟ (อะแดปเตอร์) เพราะหากกล่องมีปัญหาตรงสายต่อก็ยังสามารถหาซื้ออะแดปเตอร์มาเปลี่ยนได้ และต้องสังเกตด้วยว่า อะแดปเตอร์ต้องมีกระแสการจ่ายไฟมากกว่า หรือเท่ากับตัวกล่อง
อย่างไรก็ตาม น.ส.สารี กล่าวว่า หากประชาชนซื้อกล่องเซต ท็อป บ็อกซ์ มาแล้ว หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้ มูลนิธิอาสาตั้งโครงการรับบริจาคกล่องเพื่อนำไปบริจาคให้แก่คนไร้บ้าน หรือตามมูลนิธิต่างๆ ที่ไม่มีสิทธิได้รับคูปองดิจิตอล
นายปิยะวัตร์ มหาเปารยะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส (สายงานระบบปฏิบัติการ) รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) กล่าวถึงความคืบหน้าในการนำจ่ายคูปองดิจิตอลว่า ได้ดำเนินการไปได้แล้วทั้งสิ้นกว่า 770,000 ใบ โดยนำจ่ายไปยังประชาชนผู้ได้รับสิทธิใน 6 จังหวัดแรก ได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ พระนครศรีอยุธยา และสุพรรณบุรี โดยคาดว่าจะสามารถนำจ่ายได้แล้วเสร็จทั้ง 4.65 ล้านใบ ภายในวันที่ 18 ต.ค. นี้ เพื่อให้ประชาชนสามารถนำคูปองที่ได้รับไปใช้สิทธิได้ในวันที่ 20 ต.ค. ตามที่ กสทช. ระบุไว้
ทั้งนี้ หลังทราบข่าวการนำจ่ายคูปองดิจิตอลในพื้นที่อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี จำนวน 1 ราย ว่า ได้รับคูปองในสภาพฉีกขาดนั้น ขณะนี้ได้มอบหมายให้ที่ทำการไปรษณีย์ธัญบุรีเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง และจะรายงานผลให้ทราบต่อไป
ด้านขั้นตอนในการนำจ่ายคูปองไปยังครัวเรือนต้องมีผู้เซ็นรับทุกราย เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันการรับคูปอง กรณีที่นำจ่ายแล้วไม่มีผู้รับอยู่บ้าน เจ้าหน้าที่จะนำไปจ่ายให้ในวันรุ่งขึ้นอีกครั้งหนึ่ง หากไม่มีใครลงนามรับอีกก็จะหย่อนใบแจ้ง (ขนาดเท่าโปสการ์ด) ไว้ให้เจ้าของบ้านว่าไปรษณีย์ได้มานำจ่ายแล้วแต่ไม่พบคนในบ้าน จึงขอให้ไปติดต่อขอรับ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ เมื่อครบกำหนด 7 วัน ยังไม่มีผู้มาติดต่อขอรับ ทางเจ้าหน้าที่จะส่งใบเตือนแจ้งให้มารับเป็นครั้งที่ 2 และหากครบกำหนดเวลา 15 วัน ยังไม่มีผู้มารับอีก ปณท จะเก็บรักษาคูปองไว้เพื่อรอผู้มาติดต่อขอรับจนกว่าคูปองจะหมดอายุการใช้งาน คือ 31 พ.ค. 2558 และหากครบกำหนดการใช้คูปองยังไม่มีผู้มาติดต่อรับ ทางที่ทำการไปรษณีย์จะเก็บรวบรวม และส่งคืน กสทช. ทันที ซึ่งเจ้าของบ้านทุกหลังที่ได้รับสิทธิสามารถตรวจสอบหมายเลขไปรษณีย์ลงทะเบียนได้จากเว็บไซต์ของ กสทช. จากนั้นนำหมายเลขมาเช็กสถานะการจัดส่งได้ผ่านแอปพลิเคชัน Track & Trace และเว็บไซต์ www.thailandpost.co.th
http://www.manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9570000118239&Keyword=%A1%CA%B7
ไม่มีความคิดเห็น: