28 ตุลาคม 2557 ราคูเท็น. ภาวุธ ระบุ ขณะนี้เข้าสู่การเป็นผู้ให้บริการอี-คอมเมิร์ซเต็มรูปแบบ โดยมีรายได้จากค่าคอมมิสชันจากการขายของผู้ประกอบการ มีบริการให้คำปรึกษากับร้านค้า และจัดกิจกรรมตลาดกระตุ้นการขายให้กับร้านค้า

ประเด็นหลัก


เบื้องต้นน่าจะเป็นบริการด้านการเงิน
    "5 ปีภายหลังราคูเท็นเข้ามาถือหุ้นในบริษัททำให้ธุรกิจของบริษัทเปลี่ยนจากผู้ให้บริการเช่าพื้นที่ขายสินค้า สู่ผู้ให้บริการอี-คอมเมิร์ซเต็มรูปแบบ โดยมีรายได้จากค่าคอมมิสชันจากการขายของผู้ประกอบการ  มีบริการให้คำปรึกษากับร้านค้า   และจัดกิจกรรมตลาดกระตุ้นการขายให้กับร้านค้า    เป็นรายแรกที่พัฒนาช่องทางขายสินค้าอี-คอมเมิร์ซผ่านทางมือถือ   มีการนำไลน์สติกเกอร์ มาใช้ในการดึงขึ้นเข้ามา   โดยขณะนี้ยอดซื้อขาย 50% มาจากช่องทางมือถือ ขณะที่ 5 ปีที่ผ่านมาเราเติบโตขึ้น  1,876%    และ 8 เดือนที่ผ่านมาเติบโต 102%  คาดว่าภายในสิ้นปีจะเติบโตขึ้น 120%   และคาดว่าปีนี้จะเติบโตขึ้นอีก 100%"


______________________________


ราคูเท็นฯ กางแผนรับดิจิตอลอีโคโนมี


  ราคูเท็น ตลาดดอตคอม เดินหน้าขยายธุรกิจรับดิจิตอลอีโคโนมี  กางแผนรีแบรนด์ก้าวสู่แพลตฟอร์มระดับโลก   นำร่องหนุนผู้ประกอบการไทยขายออกตลาดต่างประเทศ   พร้อมดึงบริการบริษัทแม่เสริมธุรกิจ  เตรียมเสนอรูปแบบธุรกิจเป็นตัวอย่างภาครัฐ ผลักดันอี-คอมเมิร์ซไทย
 ภาวุธ   พงษ์วิทยภานุภาวุธ พงษ์วิทยภานุ   นายภาวุธ   พงษ์วิทยภานุ  กรรมการผู้จัดการ และผู้ก่อตั้งเว็บไซต์  ราคูเท็น ตลาดดอตคอม  เปิดเผยว่าทิศทางธุรกิจของบริษัทในการรองรับการเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิตอล   หรือ ดิจิตอลอีโคโนมี  คือการมุ่งขยายธุรกิจออกไปมากขึ้น โดยประมาณต้นปีหน้าจะมีการรีแบรนด์ เป็นราคูเท็น ตลาดดอตคอม ชัดเจนมากขึ้น เพื่อก้าวเข้าสู่โกลบัลแพลตฟอร์มของราคูเท็น โดยมีการเชื่อมโยงร้านค้าของผู้ประกอบการไทยออกไปขายยังตลาดทั่วโลก   ขณะเดียวกันผู้ซื้อในไทยสามารถใช้แต้มซื้อสินค้าในต่างประเทศได้    โดยเบื้องต้นคาดว่าจะมีการคัดเลือกผู้ประกอบการที่มีศักยภาพ 5-10 ราย   มาร่วมโครงการนำร่องก่อน  โดยหากประสบความสำเร็จก็ค่อยขยายจำนวนเพิ่มเติม
    นอกจากนี้กลุ่มราคูเท็น ในญี่ปุ่นยังมีระบบนิเวศ หรืออีโคซิสเต็ม ทางด้านอี-คอมเมิร์ซที่พร้อม   ทั้งบริการบัตรเครดิต   บริการดิจิตอลคอนเทนต์   ล่าสุดเพิ่งซื้อไวเปอร์  แอพพลิเคชันโทรศัพท์ผ่านอินเตอร์เน็ตฟรี เข้ามาเสริมธุรกิจ และราคูเท็น  ยังได้ตั้งแผนกบิ๊กดาต้า  และวิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคขึ้นมา  ซึ่งเดิมลูกค้าต้องเข้าไปเลือกดู หรือ ค้นหาสินค้า   แต่การทำอี-คอมเมิร์ซต่อไปนั้นสินค้าจะเข้าไปหาผู้ซื้อเอง โดยในไทยนั้นคงดูจังหวะเวลาที่เหมาะสมในการนำบริการเหล่านี้เข้ามา  เบื้องต้นน่าจะเป็นบริการด้านการเงิน
    "5 ปีภายหลังราคูเท็นเข้ามาถือหุ้นในบริษัททำให้ธุรกิจของบริษัทเปลี่ยนจากผู้ให้บริการเช่าพื้นที่ขายสินค้า สู่ผู้ให้บริการอี-คอมเมิร์ซเต็มรูปแบบ โดยมีรายได้จากค่าคอมมิสชันจากการขายของผู้ประกอบการ  มีบริการให้คำปรึกษากับร้านค้า   และจัดกิจกรรมตลาดกระตุ้นการขายให้กับร้านค้า    เป็นรายแรกที่พัฒนาช่องทางขายสินค้าอี-คอมเมิร์ซผ่านทางมือถือ   มีการนำไลน์สติกเกอร์ มาใช้ในการดึงขึ้นเข้ามา   โดยขณะนี้ยอดซื้อขาย 50% มาจากช่องทางมือถือ ขณะที่ 5 ปีที่ผ่านมาเราเติบโตขึ้น  1,876%    และ 8 เดือนที่ผ่านมาเติบโต 102%  คาดว่าภายในสิ้นปีจะเติบโตขึ้น 120%   และคาดว่าปีนี้จะเติบโตขึ้นอีก 100%"  
    ทั้งนี้ตนมีแผนนำเสนอรูปแบบการดำเนินธุรกิจ  หรือ บิสิเนส โมเดล ของ ราคูเท็น ตลาดดอตคอม   ผ่านทางสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย  หรือ อี-คอมเมิร์ซ ไปยังภาครัฐและคณะทำงานร่างแผนเศรษฐกิจดิจิตอลหรือ  ดิจิตอลอีโคโนมี    เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมอี-คอมเมิร์ซของไทย   ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของดิจิตอลอีโคโนมี    เนื่องจากมองว่าเป็นโมเดล ที่ช่วยสร้างผู้ประกอบการเข้ามาสู่อี-คอมเมิร์ซ   และช่วยให้ผู้ประกอบการเติบโตขึ้น
    สำหรับทิศทางของราคูเท็นตลาดดอตคอมใน 5 ปีข้างหน้านั้นคงก้าวสู่ยุคที่เรียกว่า ออมนิ แชนแนล  ที่ไม่ใช่การขายของผ่านหน้าร้านบนอินเตอร์เน็ตอีกต่อไป   โดยทุกอย่างจะถูกหลอมรวมเข้ากันหมด  ทั้งออนไลน์  , หน้าร้าน ,   คอลล์เซ็นเตอร์   และโซเชียลมีเดีย    ซึ่งจะเน้นการบริหารประสบการณ์การใช้บริการของลูกค้าเป็นหลัก โดยลูกค้าสามารถสั่งซื้อออนไลน์แล้วไปรับของหน้าร้าน   หรือ ลูกค้าเดินไปซื้อของหน้าร้านแล้วร้านค้าสามารถนำเสนอโปรโมชันสินค้าลูกค้าซื้อผ่านทางออนไลน์
    นายภาวุธ  กล่าวต่ออีกว่าขณะนี้รู้สึกเป็นห่วงว่าจะเกิดฟองสบู่ในธุรกิจอี-คอมเมิร์ซไทยขึ้นมา  เช่นเดียวกับปี  2540    เนื่องจากมีเว็บไซต์อี-คอมเมิร์ซ  โดยเฉพาะเว็บไซต์ที่ได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศ ที่มีการทุ่มเม็ดเงินการตลาด และโฆษณามหาศาล  เพื่อสร้างความสำเร็จขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=251520:2014-10-23-09-57-39&catid=123:2009-02-08-11-44-33&Itemid=491#.VE9IDodAeuw