Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

19 ธันวาคม 2557 Baidu ระบุ ในอนาคตสิ่งที่เชื่อว่าจะเป็นแกนสำคัญคือ ตลาดโมบาย ที่ระบบการค้นหาจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน โดยรายได้หลักของไป่ตู้มาจากค่าโฆษณาผ่านคำค้นหาเป็นหลัก

ประเด็นหลัก


       ขณะที่ในอนาคตสิ่งที่เชื่อว่าจะเป็นแกนสำคัญคือ ตลาดโมบาย ที่ระบบการค้นหาจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ในการค้นหาสถานที่ใกล้เคียงจากระบบระบุพิกัดภายในสมาร์ทโฟนเพื่อใช้ในการนำทาง จองร้านอาหาร โรงแรม รวมไปถึงระบบการค้นหาด้วยคำสั่งเสียง การค้นหาจากฐานรูปภาพ แปลภาษาจากรูป โดยในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ไป่ตู้ สามารถสร้างรายได้จากในประเทศจีนกว่า 2.2 พันล้านเหรียญ โดยกว่า 36% มาจากการใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถือ ซึ่งปริมาณการใช้งานผ่านมือถือเติบโตสูงกว่าพีซีไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วในช่วงที่ผ่านมา
     
       “รายได้หลักของไป่ตู้มาจากค่าโฆษณาผ่านคำค้นหาเป็นหลัก แต่จะมีรายได้จากบริการแบบ Online To Offline ที่ให้บริการระบบค้นหาสินค้าจากรูปภาพ เพื่อสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้ทันที และบริการอย่าง Group Buy หรือพวกบริการขายดีลที่รู้จักกันในประเทศไทย รวมไปถึงให้บริการดูภาพยนตร์ผ่านเว็บไซต์ อ้ายคิวอี่ (Aqiyi) บริการอ่านนิตยสาร นิยาย ที่ได้ส่วนแบ่งรายได้จากทางสำนักพิมพ์เข้ามาเพิ่มเติมด้วย”


______________________________







เมื่อ “ไป่ตู้” ขอคืนความเชื่อมั่นจากผู้ใช้



หากได้ยินชื่อเสียงของ “ไป่ตู้” ในประเทศไทย ภาพที่ผู้บริโภคที่พอมีความรู้ด้านไอทีมองคือ เป็นบริษัทที่พัฒนาโปรแกรมมาติดตั้งเพื่อทำให้คอมพิวเตอร์ใช้งานได้ไม่ปกติ แต่ในความเป็นจริงบริการต่างๆ ของ ไป่ตู้ ในประเทศจีนกลับได้รับความเชื่อมั่นเป็นอย่างมากจากผู้ใช้ เนื่องจากถือเป็นการอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตของผู้บริโภคในประเทศจีนจากเทคโนโลยีต่างๆ ของไป่ตู้
     
       ดังนั้น เมื่อไป่ตู้ได้รับรู้ถึงข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น จึงพร้อมรับฟังความคิดเห็นของผู้ใช้ในประเทศไทย และเตรียมที่จะสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคในประเทศไทย ด้วยงบประมาณมากกว่าที่ผ่านมาหลายเท่า เพื่อให้ผู้ใช้ไว้วางใจในผลิตภัณฑ์ของบริษัท และเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมา
     
       ริชาร์ด ลี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดต่างประเทศ บริษัท ไป่ตู้ จำกัด ให้ข้อมูลว่า แนวคิดหลักของไป่ตู้ คือ การเป็นบริษัทที่พัฒนาเทคโนโลยี ดังนั้น จึงมองว่าไป่ตู้มีจุดแข็งหลักอยู่ที่การพัฒนาบริการค้นหา (Search) ที่สามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้งานได้หลากหลาย ในขณะที่บริษัทอื่นๆ ในจีน อย่าง อลีบาบา (Alibaba) ก็มีจุดเด่นในแง่ของการทำตลาดอีคอมเมิร์ซ เทนเซน (Tencent) ให้บริการผลิตภัณฑ์อย่างแอปพลิเคชัน QQ WeChat
     
       “สิ่งที่ไปตู้พยายามทำในตลาดต่างประเทศตอนนี้คือ การนำผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมในจีนเข้ามาให้บริการก่อน หลังจากนั้น เมื่อแต่ละประเทศเริ่มมีผู้ใช้งานมากขึ้น และมีทีมงานที่แข็งแกร่งก็จะเริ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์เฉพาะในแต่ละท้องถิ่นต่อไป”
     
       ขณะที่ในอนาคตสิ่งที่เชื่อว่าจะเป็นแกนสำคัญคือ ตลาดโมบาย ที่ระบบการค้นหาจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ในการค้นหาสถานที่ใกล้เคียงจากระบบระบุพิกัดภายในสมาร์ทโฟนเพื่อใช้ในการนำทาง จองร้านอาหาร โรงแรม รวมไปถึงระบบการค้นหาด้วยคำสั่งเสียง การค้นหาจากฐานรูปภาพ แปลภาษาจากรูป โดยในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ไป่ตู้ สามารถสร้างรายได้จากในประเทศจีนกว่า 2.2 พันล้านเหรียญ โดยกว่า 36% มาจากการใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถือ ซึ่งปริมาณการใช้งานผ่านมือถือเติบโตสูงกว่าพีซีไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วในช่วงที่ผ่านมา
     
       “รายได้หลักของไป่ตู้มาจากค่าโฆษณาผ่านคำค้นหาเป็นหลัก แต่จะมีรายได้จากบริการแบบ Online To Offline ที่ให้บริการระบบค้นหาสินค้าจากรูปภาพ เพื่อสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้ทันที และบริการอย่าง Group Buy หรือพวกบริการขายดีลที่รู้จักกันในประเทศไทย รวมไปถึงให้บริการดูภาพยนตร์ผ่านเว็บไซต์ อ้ายคิวอี่ (Aqiyi) บริการอ่านนิตยสาร นิยาย ที่ได้ส่วนแบ่งรายได้จากทางสำนักพิมพ์เข้ามาเพิ่มเติมด้วย”
     
       ส่วนตลาดในประเทศไทย ริชาร์ด มองว่า ก่อนหน้านี้มีผู้ผลิตจากจีนในกลุ่มผลิตภัณฑ์อย่าง หัวเว่ย และแซตทีอี เข้ามาทำตลาด และได้รับการยอมรับไปแล้ว และเชื่อว่าจะถึงคราวของไป่ตู้ และรายอื่นๆ ที่ให้บริการเป็นอินเทอร์เน็ต คอมพานี จากการที่ไป่ตู้มองเห็นถึงความสำคัญของประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จึงเริ่มทยอยเข้ามาให้บริการ
     
       โดย ริชาร์ด ยืนยันว่า ไป่ตู้ ให้ความเคารพต่อกฎหมายในแต่ละประเทศทำให้ต้องมีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมต่อภาพรวมวัฒนธรรมของแต่ละประเทศในการเข้าไปให้บริการ เพราะอย่างในประเทศจีน ไป่ตู้ให้บริการภายใต้ข้อจำกัดที่ค่อนข้างสูงของทางภาครัฐ ดังนั้น เมื่อเข้ามาให้บริการในไทยก็จะทำตามกฎต่างๆ ของไทย
     
       ***ปั้นภาพใหม่ “Internet Company” ลบความผิดพลาด
     
       ริชาร์ด กล่าวถึงการที่ผู้ใช้ในประเทศไทยมองบริการต่างๆ ของไป่ตู้ในทางลบว่า สิ่งที่ไป่ตู้ต้องทำคือ การสื่อสารไปยังผู้ใช้ว่า บริษัทขนาดใหญ่อย่างไป่ตู้ ที่มีมูลค่าในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ สูงกว่า 7-8 หมื่นล้านเหรียญ จะไม่นำบริการที่เป็นมัลแวร์ไปให้แก่ผู้ใช้งานอย่างแน่นอน
     
       ที่ผ่านมา ช่วงที่เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ไป่ตู้ได้รับความไม่พอใจจากผู้บริโภคนั้น เกิดจากการทำแคมเปญร่วมกับผู้ผลิตซอฟต์แวร์จากส่วนแบ่งรายได้ของการติดตั้ง ทำให้เมื่อมีการติดตั้งไป่ตู้ลงบนเครื่องผู้ใช้งานผู้ผลิตซอฟต์แวร์เหล่านั้นจะได้รับเงินส่วนแบ่งทำให้เกิดเหตุการณ์ที่นักพัฒนาเหล่านั้นนำไป่ตู้เข้าร่วมไปกับซอฟต์แวร์ที่พัฒนาเพื่อให้ผู้บริโภคติดตั้งไป่ตู้ลงไปพร้อมๆ กัน
     
       ขณะที่ในความเป็นจริง ไป่ตู้ มีข้อกำหนดไว้ว่าถ้ามีการติดตั้งโปรแกรมต้องให้ผู้ใช้ยอมรับเสียก่อนโดยการติ๊กในช่องยืนยัน แต่ปรากฏว่ามีบริษัทซอฟต์แวร์รายเล็กบางรายข้ามขั้นตอนดังกล่าวไปทำให้เกิดการติดตั้งโปรแกรมไป่ตู้แบบอัตโนมัติทันที และมีการบังคับให้ติดตั้งแบบไม่สามารถลบออกได้ รวมไปถึงการที่มีโฆษณาสูงกว่าปกติก็เกิดจากเหตุดังกล่าวเช่นเดียวกัน
     
       ทางไป่ตู้ จึงต้องพยายามตรวจสอบย้อนกลับไปว่า เกิดจากพาร์ตเนอร์รายใดเพื่อระงับการให้บริการแต่ก็ยังล่าช้า เนื่องจากมีการแตกไลน์ของพาร์ตเนอร์ออกเป็นหลายขั้น หลายชั้น ทำให้ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบเป็นอย่างมาก จนเกิดการลุกลามของปัญหา และส่งผลให้เกิดประสบการณ์ไม่ดีต่อผู้ใช้งาน
     
       ริชาร์ด กล่าวว่า แผนขั้นต่อไปของไป่ตู้ในการทำตลาดประเทศไทยเพื่อสร้างความเชื่อมั่น คือ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้น ผู้บริโภคก็จะเกิดความเชื่อมั่นขึ้นมา พร้อมกับเตรียมเงินลงทุนที่จะสื่อสารไปยังผู้บริโภคให้มากขึ้นกว่าเดิม
     
       “ต้องเข้าใจว่าเมื่อเป็นบริการฟรีผู้ใช้งานส่วนใหญ่ที่พอใจจะไม่ค่อยออกมาชื่นชม หรือป่าวประกาศให้ผู้อื่นรู้ แต่กลุ่มผู้ใช้ที่ไม่พอใจในบริการจะเสียงดังกว่า ซึ่งในความเป็นจริงไป่ตู้ก็ไม่เคยออกมาให้ข้อมูลถึงข้อดีจากการให้บริการของไป่ตู้เลย อย่างเช่น บริการค้นหาด้วยภาพที่ช่วยตามหาเด็กหายในประเทศจีน”
     
       ขณะเดียวกัน ไป่ตู้ ก็ได้มีการเปิดช่องทางรับฟังความคิดเห็นจากผู้ใช้ เพื่อนำข้อมูลดังกล่าวมาพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้น ผ่านช่องทางหน้าเว็บไซต์ คอลเซ็นเตอร์ และเพจเฟซบุ๊กเพื่อช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้ด้วย
     
       ชฎากร ธนสุวรรณเกษม ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ไป่ตู้ ประเทศไทย จำกัด ให้ข้อมูลเสริมว่า ปัจจุบันธุรกิจหลักของไป่ตู้ ประกอบไปด้วย 4 ส่วนด้วยกันคือ บริการค้นหาข้อมูล (Search Engine) บริการข้อมูลผ่านระบบมือถือ (Mobile Cloud) การนำพิกัดมาใช้ในการให้บริการ (Location Base Service) และสุดท้ายคือ บริการทั่วไประดับโลก (International Bussiness)
     
       โดยในประเทศไทยมีพนักงานประมาณ 20 คน มีบริการที่เปิดให้ใช้ในประเทศไทย ทั้งหมด 8 ชนิด แบ่งเป็น 4 บริการบนพีซี และ 4 บริการบนมือถือ ตั้งแต่ Baidu PC Faster ที่มีผู้ใช้งานกว่า 5 ล้านคน ถัดมาเป็น Baidu Antivirus 2 ล้านคน Spark Browser 2 ล้านคน และ Hao123 ในพีซี ส่วนในสมาร์ทโฟนจะมีบริการ Baidu Browser ที่มีการลงทุนตั้งเซิร์ฟเวอร์ อยู่ในประเทศไทย DU Battery Saver แอปพลิเคชันช่วยจัดการพลังงาน DU Speed Booste แอปพลิเคชันช่วยเร่งความเร็วในการใช้งาน และ PhotoWonder แอปพลิเคชันตกแต่งภาพ
     
       นอกจากนี้ ยังเปิดให้บริการ Baidu SEM เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยที่อยากลงโฆษณาในประเทศจีนเข้ามาใช้บริการด้วย ส่วนตัวเว็บไซต์ค้นหาBaidu.co.th กำลังอยู่ในช่วงทดลองใช้งานตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ผ่านมา คาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการได้ในช่วงกลางปี 2015
     
       “จุดต่างของไป่ตู้กับบริการค้นหาอื่นๆ คือ เน้นพัฒนาคอนเทนต์ท้องถิ่น เพื่อนำคำค้นมาตอบสนองผลการค้นหา ที่ไม่จำเป็นต้องแสดงเพียงแค่ลิงก์เพื่อเข้าไปยังเว็บไซต์ แต่จะมีการแสดงผล รวมไปถึงตารางการแข่งขันงานอีเวนต์ต่างๆ ผลฟุตบอลโดยไม่จำเป็นต้องกดเข้าไปดูในหน้าเว็บไซต์ ระบบแปลภาษาออนไลน์โดยใช้ฐานข้อมูลภาษาไทยจากทางเนคเทค ค้นหาเพลง และเข้าไปฟังได้ทันที”
     
       ***ในจีน “ไป่ตู้” ทำอะไรได้บ้าง
     
       ด้วยการที่ไป่ตู้ ถูกพัฒนาขึ้นมาภายใต้แนวคิดการนำเทคโนโลยีมาช่วยให้ชีวิตดีขึ้น ดังนั้น รูปแบบการให้บริการค้นหาในประเทศจีน จึงไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่หาค้นหาข้อมูลจากหน้าเว็บไซต์เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงความต้องการอื่นๆ ของผู้ใช้งานด้วย ไม่ว่าจะเป็นแผนที่ เทรนด์การใช้งาน ดิกชันนารี และบริการอื่นๆ อีกมากมายที่ใกล้เคียงกับความสามารถของกูเกิล
     
       เนื่องจากเปิดให้บริการในจีนมายาวนาน ส่งผลให้ไป่ตู้มีฐานข้อมูลการใช้งานที่ค่อนข้างเยอะ ทำให้สามารถนำผลการค้นหาเหล่านั้นมาประยุกต์ใช้ ออกมาเป็นบริการค้นหาข้อมูลแบบอินเตอร์แอ็กทีฟ กล่าวคือ เมื่อมีการค้นหาสถานที่ก็จะบอกเส้นทางการเดินทางโดยอัตโนมัติ รวมถึงการบอกความหนาแน่นของประชากรในช่วงเวลานั้น เพื่อแสดงผลด้วย
     
       “เนื่องจากประชากรที่ใช้งานไป่ตู้ในประเทศจีนมีจำนวนเยอะมาก ดังนั้น เมื่อมีการติดตั้งแอปไว้ในสมาร์ทโฟนก็จะช่วยระบุตำแหน่งผู้ใช้ในแต่ละสถานที่ได้ จึงสามารถนำข้อมูลดังกล่าวมาประมวลผล และแสดงผลออกมาบนแผนที่เพื่อให้รับรู้ถึงความหนาแน่นในแต่ละพื้นที่ก่อนเดินทางไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ”
     
       นอกจากในแง่ของความหนาแน่น ไปตู้ ยังสามารถใช้ค้นหา และจองที่พัก ร้านอาหาร รวมไปถึงการค้นหาสถานบันเทิง บริการร้านอาหารส่งถึงบ้าน ห้างสรรพสินค้า ตู้เอทีเอ็ม ที่จอดรถ ร้านกาแฟ โรงเรียน โรงพยาบาล และห้องน้ำ โดยใช้ความสามารถของระบบระบุพิกัดบนมือถือเพื่อช่วยให้การค้นหาได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น
     
       ริชาร์ด ให้ความมั่นใจว่า บริการค้นหาที่เป็นประโยชน์เหล่านี้จะถูกนำมาให้บริการในประเทศไทยอย่างแน่นอน รวมไปถึงนวัตกรรมต่างๆ ที่ไป่ตู้พัฒนาขึ้นด้วย และแน่นอนว่าถ้ามีบริษัทสตาร์ทอัปรายใดที่มีความโดดเด่นในประเทศไทย ไป่ตู้ ก็พร้อมที่จะเข้าไปลงทุน เพื่อนำมาให้บริการร่วมกันเหมือนเช่นความร่วมมือกับอูเบอร์ในประเทศจีน
     
       โดยความคืบหน้าล่าสุดของไป่ตู้ ในประเทศจีนคือ การตกลงเป็นพันธมิตรกับอูเบอร์ (Uber) ที่ให้บริการรถรับส่งผ่านแอปพลิเคชันมือถือ ทั้งบนแอนดรอยด์ และในไอโอเอส เพียงแต่ผู้ใช้แอนดรอยด์ในจีนไม่สามารถเข้าถึงกูเกิลเพลย์ได้ ไป่ตู้จึงนำบริการของอูเบอร์ มาผูกเข้ากับบริการของไป่ตู้เพื่อให้คนจีนสามารถเข้าถึงการให้บริการได้
     
       อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องจับตากันต่อไปก็คือ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ของไป่ตู้ ในอนาคตว่าจะออกมาแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในอดีตได้หรือไม่ และผู้บริโภคชาวไทยจะเปิดใจให้กับบริษัทอินเทอร์เน็ตยักษ์ใหญ่จากจีนรายนี้เหมือนกับที่ใช้บริการกูเกิลในประเทศไทยหรือไม่
     
     


     
       ***3 นวัตกรรมเด่นไป่ตู้***
     
       1.DuBike ปัจจุบันพัฒนาอยู่ในระดับทดลอง เวอร์ชัน 0.134 (ออกเสียงใกล้เคียงกับคำว่าคงอยู่ตลอดไปในภาษาจีน) โดยความสามารถหลักที่พัฒนาขึ้นมาตอนนี้ คือ ใช้เพื่อเก็บข้อมูลการขี่จักรยาน วัดอัตราการเต้นของหัวใจ จากเซ็นเซอร์บริเวณแฮนด์จักรยาน พร้อมมีไฟแสดงสัญลักษณ์ต่างๆ เพื่อบอกว่า เป็นการปั่นในจังหวะที่เหมาะสมแล้วซึ่งจะทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันในมือถือเพื่อบอกค่าปริมาณแคลอรีที่เผาผลาญไป
     
       อนาคต สิ่งที่ไป่ตู้ต้องการทำ คือ การพัฒนา DuBike ให้เข้ากับชีวิตประจำวันมากขึ้นเพราะปัจจุบันความสามารถไม่แตกต่างจากอุปกรณ์เสริมในการขี่จักรยานทั่วๆ ไปที่วางไว้คือ การทำให้ DuBike ช่วยสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้อย่างการนำทาง ที่ใช้ร่วมกับตัวแผนที่ของ Baidu ในการคำนวนความหนาแน่นของรถ
     
       แน่นอนว่าด้วยการที่ Baidu เน้นพัฒนาทางด้านซอฟต์แวร์ ดังนั้น ในอนาคตเมื่อต้องการออกสู่ตลาดจึงน่าจะต้องร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ที่เป็นผู้ผลิตจักรยานในการนำไปผลิต และออกสู่ตลาดในอนาคตต่อไป
     
       2.BaiDuEye ที่ออกแบบมาจากการเห็น Wearable Device มีจุดเด่นที่การใช้คำสั่งเสียงในการออกคำสั่ง (ภาษาจีน) มีจุดประสงค์เพื่อนำกล้องมาใช้ในการค้นหาข้อมูลจากรูปต่างๆ ร่วมกับ แอปพลิเคชัน DuEye อย่างเช่น การดูรูปภาพ สิ่งของก็จะมีการอธิบายรายละเอียดต่างๆ ออกมาผ่านหูฟังที่ติดตั้งอยู่ใน DuEye
     
       รูปแบบการทำตลาดของ DuEye คือ ทำตลาดโดยตรงเข้าไปยังห้างสรรพสินค้า และพิพิธภัณฑ์ในปักกิ่ง ก่อนขยายไปเมืองอื่นในอนาคต เพื่อให้ข้อมูลสินค้า หรือภาพ และรายละเอียดสิ่งของที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์แก่ผู้ที่เข้าชม เป็นต้น
     
       3.Baidu Smart Chopstick ตะเกียบอัจฉริยะที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้ตรวจสอบปริมาณ และความสะอาดของน้ำมันเพื่อช่วยให้ผู้บริโภคที่ต้องการควบคุมปริมาณแคลอรี หรือนำไปใช้เพื่อตรวจสอบอาหารที่อาจจะเป็นอันตรายหากรับประทานเข้าไป และความเป็นกรดเป็นด่างของอาหาร โดยใช้เซ็นเซอร์ที่ปลายตะเกียบในการตรวจจับ หลังจากนั้น จะส่งข้อมูลผ่านแอปพลิเคชันไปยังระบบคลาวด์เพื่อค้นหารายละเอียดจากฐานข้อมูลก่อนมานำเสนอบนแอปเพื่อให้รับรู้ว่าอาหารที่กินมีความสะอาด ปริมาณน้ำมัน และความเป็นกรด ด่างอย่างไร
     


http://www.manager.co.th/CbizReview/ViewNews.aspx?NewsID=9570000145471

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.