20 มกราคม 2558 SOKEN Thai.วชิรา ระบุ กล่องทีวีดิจิตอล ยอดขายไม่เป็นไปตามเป้า โดยจำหน่ายได้เพียง 100,000 กล่อง โดยอาจลดระดับความสำคัญของการทำตลาดกล่องเซตท็อปบ็อกซ์ทีวีดิจิทัลไปจำหน่ายสินค้าอื่นมากขึ้น คาดว่าปีนี้จะขายได้ประมาณ 500,000 กล่อง
ประเด็นหลัก
ฟากนางวชิราบัญชาบุษบงรองกรรมการผู้จัดการบริษัท โซเคน อิเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปีที่ผ่านมายอดขายไม่เป็นไปตามเป้า โดยจำหน่ายได้เพียง 100,000 กล่องเท่านั้น ทำให้ปีนี้ต้องประเมินสภาพตลาดตามสถานการณ์ และอาจลดระดับความสำคัญของการทำตลาดกล่องเซตท็อปบ็อกซ์ทีวีดิจิทัลไปจำหน่ายสินค้าอื่นมากขึ้น แต่คาดว่าปีนี้จะขายได้ประมาณ 500,000 กล่อง เพราะมีคูปองที่กำลังจะหมดอายุ และตั้งแต่เดือน ก.พ.-มี.ค.นี้ กสทช.จะเริ่มทำประชาสัมพันธ์มากขึ้นจึงจะมอง กสทช.เป็นหลัก เพราะขณะนี้การแลกคูปองไม่เป็นไปตามเป้า และอยู่ในช่วงเบรกพักการสั่งสินค้าลอตใหม่เข้ามา เนื่องจากยังไม่ได้รับเงินจาก กสทช.
"การสั่งสินค้าเข้ามาใหม่ต้องใช้เงินมากขึ้น และจะรอให้นโยบายของ กสทช.รวมทั้งระบบการตรวจสอบให้มีมาตรฐานมากและชัดเจนกว่านี้ อยากฝาก กสทช.ให้ช่วยเร่งแก้ปัญหาเรื่องการจ่ายเงินให้ผู้ประกอบการเร็วขึ้น และมีการตรวจสอบที่มีมาตรฐานมากขึ้น เพื่อให้เงินเข้าสู่ระบบ และเป็นไปตามกลไกตลาด"
_____________________________________________________
แลกซื้อ "เซตท็อปบ็อกซ์" ไม่เข้าเป้า ปรับแผนชะลอสั่งสินค้า-เร่ง "กสทช." เคลียร์ปัญหา
พลาดเป้าถ้วนหน้า ผู้ค้า "เซตท็อป บ็อกซ์" อ่วมชะลอสั่งสินค้าลอตใหม่ลงตลาด กระทุ้ง "กสทช." เร่งเคลียร์สารพัดปัญหาทั้งการจัดส่งคูปอง-เบิกเงินอุดหนุนล่าช้า กระทบสภาพคล่องรายย่อย แนะเพิ่มดีกรีประชาสัมพันธ์ "สามารถฯ" ยืนเป้าเดิมสิ้นปีที่ 2 ล้านกล่อง คาดยอดแลกซื้อพุ่งช่วงคูปองใกล้หมดอายุ "แพลนเน็ตคอม-โซเคน-แฟมิลี่" ขยับปรับแผนรอประเมินสถานการณ์
นายทวี อุดมกิจโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สามารถวิศวกรรม จำกัด กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ปีที่ผ่านมา ประชาชนนำคูปองส่วนลดมาแลกซื้อกับบริษัท 700,000-800,000 กล่อง ไม่เป็นไปตามเป้า จากปัญหาเดิม ๆ เรื่องการนำส่งคูปองล่าช้า และยังไม่ได้รับรวมถึงปัญหาการนำคูปองไปขึ้นเงินกับ กสทช.ล่าช้าก็ยังคงอยู่ โดยได้รับเงินงวดแรกมาแล้ว แต่ในจำนวนที่ไม่มาก แม้ปัญหาเรื่องเงินจะไม่กระทบกับบริษัทมากนัก เนื่องจากเป็นโรงงานผู้ผลิตจึงมีสต๊อกเพียงพอ แต่ผู้ประกอบการรายย่อยอาจเกิดปัญหาได้
สำหรับแผนธุรกิจปีนี้ยังคงเดิมแต่ดูนโยบายของ กสทช.ด้วยว่าจะมีส่วนช่วยประชาสัมพันธ์มากขึ้นอย่างไร โดยเป้าสิ้นปีนี้ตั้งไว้ที่ 2,000,000 กล่อง เชื่อว่าใน 1-2 เดือนนี้จากการรับรู้ของประชาชนที่เพิ่มขึ้นและระยะเวลาการใช้คูปองที่ใกล้จะหมดจะทำให้มีการนำมาแลกซื้อมากขึ้น
ด้านนายประพัฒน์รัฐเลิศกานต์กรรมการผู้อำนวยการและหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย กล่าวว่า ยอดขายปีที่ผ่านมาทำได้ 4 หมื่นกล่องเท่านั้นไม่เป็นไปตามเป้าที่ 5 หมื่นกล่อง ปัญหาที่พบคือนำคูปองมาแลกซื้อน้อย รวมทั้งคุณภาพสัญญาณยังไม่ครอบคลุมทำให้ประชาชนไม่กระตือรือร้นแต่ปัญหาใหญ่ของผู้ประกอบการ คือเรื่องเงินที่ยังไม่ได้รับจาก กสทช. ทำให้กระทบกับการนำสินค้าเข้ามาทำตลาด รวมทั้งแผนธุรกิจที่อาจชะลอออกไป
"เราใช้วิธีทยอยนำสินค้าเข้ามาทำให้ปัญหาเรื่องเงินไม่กระทบมากนักปีที่แล้วคูปองที่กสทช.แจกไปทั้งสิ้น 7 ล้านกว่าใบแต่ประชาชนนำมาแลกแค่ 2.5 ล้านใบ เราเองกระตุ้นตลาดโดยเพิ่มแคมเปญชิงรางวัล รวมทั้งรุกทำตลาดกล่องที่ 2 และ 3 ที่ไม่ได้ใช้คูปองส่วนลดมาแลกซื้อ เพราะแต่ละบ้านมีโทรทัศน์มากกว่า 1 เครื่อง"
สำหรับเป้าหมายยอดขายปีนี้อยู่ที่ 180,000 กล่อง ด้วยอายุของคูปองจะทำให้มีการนำมาแลกซื้อมากขึ้น รวมทั้งการประชาสัมพันธ์ของ กสทช.ในเดือน ก.พ.-มี.ค.นี้อาจกระตุ้นตลาดได้บ้าง โดยจะนำกล่องรุ่นใหม่เข้ามาเพิ่มเติมเน้นลูกค้าในกรุงเทพฯและเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด
"ปัญหาในปัจจุบันที่อยากฝาก กสทช.ให้เร่งแก้ไขคือ เรื่องเงินที่ยังไม่นำส่งผู้ประกอบการเป็นผลกระทบในวงการกว้างกับทุกรายที่เข้ามาทำตลาดอาจทำให้ผู้ประกอบการรายเล็กประสบปัญหาได้"
ฟากนางวชิราบัญชาบุษบงรองกรรมการผู้จัดการบริษัท โซเคน อิเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปีที่ผ่านมายอดขายไม่เป็นไปตามเป้า โดยจำหน่ายได้เพียง 100,000 กล่องเท่านั้น ทำให้ปีนี้ต้องประเมินสภาพตลาดตามสถานการณ์ และอาจลดระดับความสำคัญของการทำตลาดกล่องเซตท็อปบ็อกซ์ทีวีดิจิทัลไปจำหน่ายสินค้าอื่นมากขึ้น แต่คาดว่าปีนี้จะขายได้ประมาณ 500,000 กล่อง เพราะมีคูปองที่กำลังจะหมดอายุ และตั้งแต่เดือน ก.พ.-มี.ค.นี้ กสทช.จะเริ่มทำประชาสัมพันธ์มากขึ้นจึงจะมอง กสทช.เป็นหลัก เพราะขณะนี้การแลกคูปองไม่เป็นไปตามเป้า และอยู่ในช่วงเบรกพักการสั่งสินค้าลอตใหม่เข้ามา เนื่องจากยังไม่ได้รับเงินจาก กสทช.
"การสั่งสินค้าเข้ามาใหม่ต้องใช้เงินมากขึ้น และจะรอให้นโยบายของ กสทช.รวมทั้งระบบการตรวจสอบให้มีมาตรฐานมากและชัดเจนกว่านี้ อยากฝาก กสทช.ให้ช่วยเร่งแก้ปัญหาเรื่องการจ่ายเงินให้ผู้ประกอบการเร็วขึ้น และมีการตรวจสอบที่มีมาตรฐานมากขึ้น เพื่อให้เงินเข้าสู่ระบบ และเป็นไปตามกลไกตลาด"
ขณะที่นายสมชาย เปรื่องวิริยะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แฟมิลี่ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า มีประชาชนนำคูปองส่วนลดมาแลกซื้อแล้ว ประมาณ 2,500,000 ใบ จากจำนวนทั้งหมดที่แจกไปปีที่แล้ว ประมาณ 7 ล้านใบ ถือนำมาแลกค่อนข้างน้อยจากปัจจัยต่าง ๆ รวมถึงการตกค้างของคูปอง และการที่ยังไม่สามารถรับชมช่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ
"ปีที่ผ่านมา มีคูปองมาแลกกับเรา 4-5 แสนใบ แต่ปัญหาที่พบคือ กสทช.ยังไม่นำส่งเงินมายังผู้ประกอบการหรือนำส่งไปแล้วบางรายแต่มูลค่าไม่มากนักทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบไม่มากและไม่สามารถสั่งสินค้าลอตใหม่เข้ามาได้กลายเป็นปัญหาของผู้ประกอบการ"
สำหรับแผนธุรกิจในปีนี้รอประเมินสถานการณ์เป็นหลักว่าจะกสทช.จะมีนโยบายทิศทางใด แต่อยากให้เร่งนำเงินส่งเข้ามาในระบบมากขึ้น เพื่อที่ผู้ประกอบการจะได้สั่งสินค้าลอตใหม่เข้ามาทำตลาดได้ โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้าไว้ที่ 2-3 ล้านกล่อง หรือประมาณ 15% ของจำนวนคูปองทั้งหมด
ด้านนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า จำนวนคูปองที่แจกไปมีทั้งสิ้น 7,045,000 ใบ และมีประชาชนที่ได้รับคูปองนำมาแลกรับกล่องดิจิทัลกับผู้ประกอบการแล้ว 2.55 ล้านใบ (ณ เดือน ม.ค. 2558) หรือคิดเป็น 37% ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ เพราะตั้งแต่เริ่มแจกคูปอง ตั้งแต่ 10 ต.ค. 2557 ถึงปัจจุบันแค่ 2 เดือนกว่าเท่านั้น แม้ไม่ถึงครึ่งแต่ยังมีเวลาแลกได้อีกเกือบ 4 เดือน
สำหรับเรื่องเงินที่ผู้ประกอบการยังได้รับไม่มากนั้น เนื่องจากสำนักงาน กสทช.ต้องตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียดตามนโยบายที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) วางไว้เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาทุจริตระหว่างกระบวนการทำให้ต้องตรวจสอบคูปองทุกใบส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ ซึ่ง กสทช.รับทราบปัญหานี้ และเตรียมเชิญผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการทุกรายมาร่วมรับฟังปัญหา และชี้แจงเกี่ยวกับการนำส่งเงิน รวมทั้งเชิญตัวแทนบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) มาพูดคุยด้วย
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1421652536
ฟากนางวชิราบัญชาบุษบงรองกรรมการผู้จัดการบริษัท โซเคน อิเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปีที่ผ่านมายอดขายไม่เป็นไปตามเป้า โดยจำหน่ายได้เพียง 100,000 กล่องเท่านั้น ทำให้ปีนี้ต้องประเมินสภาพตลาดตามสถานการณ์ และอาจลดระดับความสำคัญของการทำตลาดกล่องเซตท็อปบ็อกซ์ทีวีดิจิทัลไปจำหน่ายสินค้าอื่นมากขึ้น แต่คาดว่าปีนี้จะขายได้ประมาณ 500,000 กล่อง เพราะมีคูปองที่กำลังจะหมดอายุ และตั้งแต่เดือน ก.พ.-มี.ค.นี้ กสทช.จะเริ่มทำประชาสัมพันธ์มากขึ้นจึงจะมอง กสทช.เป็นหลัก เพราะขณะนี้การแลกคูปองไม่เป็นไปตามเป้า และอยู่ในช่วงเบรกพักการสั่งสินค้าลอตใหม่เข้ามา เนื่องจากยังไม่ได้รับเงินจาก กสทช.
"การสั่งสินค้าเข้ามาใหม่ต้องใช้เงินมากขึ้น และจะรอให้นโยบายของ กสทช.รวมทั้งระบบการตรวจสอบให้มีมาตรฐานมากและชัดเจนกว่านี้ อยากฝาก กสทช.ให้ช่วยเร่งแก้ปัญหาเรื่องการจ่ายเงินให้ผู้ประกอบการเร็วขึ้น และมีการตรวจสอบที่มีมาตรฐานมากขึ้น เพื่อให้เงินเข้าสู่ระบบ และเป็นไปตามกลไกตลาด"
_____________________________________________________
แลกซื้อ "เซตท็อปบ็อกซ์" ไม่เข้าเป้า ปรับแผนชะลอสั่งสินค้า-เร่ง "กสทช." เคลียร์ปัญหา
พลาดเป้าถ้วนหน้า ผู้ค้า "เซตท็อป บ็อกซ์" อ่วมชะลอสั่งสินค้าลอตใหม่ลงตลาด กระทุ้ง "กสทช." เร่งเคลียร์สารพัดปัญหาทั้งการจัดส่งคูปอง-เบิกเงินอุดหนุนล่าช้า กระทบสภาพคล่องรายย่อย แนะเพิ่มดีกรีประชาสัมพันธ์ "สามารถฯ" ยืนเป้าเดิมสิ้นปีที่ 2 ล้านกล่อง คาดยอดแลกซื้อพุ่งช่วงคูปองใกล้หมดอายุ "แพลนเน็ตคอม-โซเคน-แฟมิลี่" ขยับปรับแผนรอประเมินสถานการณ์
นายทวี อุดมกิจโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สามารถวิศวกรรม จำกัด กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ปีที่ผ่านมา ประชาชนนำคูปองส่วนลดมาแลกซื้อกับบริษัท 700,000-800,000 กล่อง ไม่เป็นไปตามเป้า จากปัญหาเดิม ๆ เรื่องการนำส่งคูปองล่าช้า และยังไม่ได้รับรวมถึงปัญหาการนำคูปองไปขึ้นเงินกับ กสทช.ล่าช้าก็ยังคงอยู่ โดยได้รับเงินงวดแรกมาแล้ว แต่ในจำนวนที่ไม่มาก แม้ปัญหาเรื่องเงินจะไม่กระทบกับบริษัทมากนัก เนื่องจากเป็นโรงงานผู้ผลิตจึงมีสต๊อกเพียงพอ แต่ผู้ประกอบการรายย่อยอาจเกิดปัญหาได้
สำหรับแผนธุรกิจปีนี้ยังคงเดิมแต่ดูนโยบายของ กสทช.ด้วยว่าจะมีส่วนช่วยประชาสัมพันธ์มากขึ้นอย่างไร โดยเป้าสิ้นปีนี้ตั้งไว้ที่ 2,000,000 กล่อง เชื่อว่าใน 1-2 เดือนนี้จากการรับรู้ของประชาชนที่เพิ่มขึ้นและระยะเวลาการใช้คูปองที่ใกล้จะหมดจะทำให้มีการนำมาแลกซื้อมากขึ้น
ด้านนายประพัฒน์รัฐเลิศกานต์กรรมการผู้อำนวยการและหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย กล่าวว่า ยอดขายปีที่ผ่านมาทำได้ 4 หมื่นกล่องเท่านั้นไม่เป็นไปตามเป้าที่ 5 หมื่นกล่อง ปัญหาที่พบคือนำคูปองมาแลกซื้อน้อย รวมทั้งคุณภาพสัญญาณยังไม่ครอบคลุมทำให้ประชาชนไม่กระตือรือร้นแต่ปัญหาใหญ่ของผู้ประกอบการ คือเรื่องเงินที่ยังไม่ได้รับจาก กสทช. ทำให้กระทบกับการนำสินค้าเข้ามาทำตลาด รวมทั้งแผนธุรกิจที่อาจชะลอออกไป
"เราใช้วิธีทยอยนำสินค้าเข้ามาทำให้ปัญหาเรื่องเงินไม่กระทบมากนักปีที่แล้วคูปองที่กสทช.แจกไปทั้งสิ้น 7 ล้านกว่าใบแต่ประชาชนนำมาแลกแค่ 2.5 ล้านใบ เราเองกระตุ้นตลาดโดยเพิ่มแคมเปญชิงรางวัล รวมทั้งรุกทำตลาดกล่องที่ 2 และ 3 ที่ไม่ได้ใช้คูปองส่วนลดมาแลกซื้อ เพราะแต่ละบ้านมีโทรทัศน์มากกว่า 1 เครื่อง"
สำหรับเป้าหมายยอดขายปีนี้อยู่ที่ 180,000 กล่อง ด้วยอายุของคูปองจะทำให้มีการนำมาแลกซื้อมากขึ้น รวมทั้งการประชาสัมพันธ์ของ กสทช.ในเดือน ก.พ.-มี.ค.นี้อาจกระตุ้นตลาดได้บ้าง โดยจะนำกล่องรุ่นใหม่เข้ามาเพิ่มเติมเน้นลูกค้าในกรุงเทพฯและเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด
"ปัญหาในปัจจุบันที่อยากฝาก กสทช.ให้เร่งแก้ไขคือ เรื่องเงินที่ยังไม่นำส่งผู้ประกอบการเป็นผลกระทบในวงการกว้างกับทุกรายที่เข้ามาทำตลาดอาจทำให้ผู้ประกอบการรายเล็กประสบปัญหาได้"
ฟากนางวชิราบัญชาบุษบงรองกรรมการผู้จัดการบริษัท โซเคน อิเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปีที่ผ่านมายอดขายไม่เป็นไปตามเป้า โดยจำหน่ายได้เพียง 100,000 กล่องเท่านั้น ทำให้ปีนี้ต้องประเมินสภาพตลาดตามสถานการณ์ และอาจลดระดับความสำคัญของการทำตลาดกล่องเซตท็อปบ็อกซ์ทีวีดิจิทัลไปจำหน่ายสินค้าอื่นมากขึ้น แต่คาดว่าปีนี้จะขายได้ประมาณ 500,000 กล่อง เพราะมีคูปองที่กำลังจะหมดอายุ และตั้งแต่เดือน ก.พ.-มี.ค.นี้ กสทช.จะเริ่มทำประชาสัมพันธ์มากขึ้นจึงจะมอง กสทช.เป็นหลัก เพราะขณะนี้การแลกคูปองไม่เป็นไปตามเป้า และอยู่ในช่วงเบรกพักการสั่งสินค้าลอตใหม่เข้ามา เนื่องจากยังไม่ได้รับเงินจาก กสทช.
"การสั่งสินค้าเข้ามาใหม่ต้องใช้เงินมากขึ้น และจะรอให้นโยบายของ กสทช.รวมทั้งระบบการตรวจสอบให้มีมาตรฐานมากและชัดเจนกว่านี้ อยากฝาก กสทช.ให้ช่วยเร่งแก้ปัญหาเรื่องการจ่ายเงินให้ผู้ประกอบการเร็วขึ้น และมีการตรวจสอบที่มีมาตรฐานมากขึ้น เพื่อให้เงินเข้าสู่ระบบ และเป็นไปตามกลไกตลาด"
ขณะที่นายสมชาย เปรื่องวิริยะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แฟมิลี่ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า มีประชาชนนำคูปองส่วนลดมาแลกซื้อแล้ว ประมาณ 2,500,000 ใบ จากจำนวนทั้งหมดที่แจกไปปีที่แล้ว ประมาณ 7 ล้านใบ ถือนำมาแลกค่อนข้างน้อยจากปัจจัยต่าง ๆ รวมถึงการตกค้างของคูปอง และการที่ยังไม่สามารถรับชมช่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ
"ปีที่ผ่านมา มีคูปองมาแลกกับเรา 4-5 แสนใบ แต่ปัญหาที่พบคือ กสทช.ยังไม่นำส่งเงินมายังผู้ประกอบการหรือนำส่งไปแล้วบางรายแต่มูลค่าไม่มากนักทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบไม่มากและไม่สามารถสั่งสินค้าลอตใหม่เข้ามาได้กลายเป็นปัญหาของผู้ประกอบการ"
สำหรับแผนธุรกิจในปีนี้รอประเมินสถานการณ์เป็นหลักว่าจะกสทช.จะมีนโยบายทิศทางใด แต่อยากให้เร่งนำเงินส่งเข้ามาในระบบมากขึ้น เพื่อที่ผู้ประกอบการจะได้สั่งสินค้าลอตใหม่เข้ามาทำตลาดได้ โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้าไว้ที่ 2-3 ล้านกล่อง หรือประมาณ 15% ของจำนวนคูปองทั้งหมด
ด้านนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า จำนวนคูปองที่แจกไปมีทั้งสิ้น 7,045,000 ใบ และมีประชาชนที่ได้รับคูปองนำมาแลกรับกล่องดิจิทัลกับผู้ประกอบการแล้ว 2.55 ล้านใบ (ณ เดือน ม.ค. 2558) หรือคิดเป็น 37% ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ เพราะตั้งแต่เริ่มแจกคูปอง ตั้งแต่ 10 ต.ค. 2557 ถึงปัจจุบันแค่ 2 เดือนกว่าเท่านั้น แม้ไม่ถึงครึ่งแต่ยังมีเวลาแลกได้อีกเกือบ 4 เดือน
สำหรับเรื่องเงินที่ผู้ประกอบการยังได้รับไม่มากนั้น เนื่องจากสำนักงาน กสทช.ต้องตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียดตามนโยบายที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) วางไว้เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาทุจริตระหว่างกระบวนการทำให้ต้องตรวจสอบคูปองทุกใบส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ ซึ่ง กสทช.รับทราบปัญหานี้ และเตรียมเชิญผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการทุกรายมาร่วมรับฟังปัญหา และชี้แจงเกี่ยวกับการนำส่งเงิน รวมทั้งเชิญตัวแทนบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) มาพูดคุยด้วย
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1421652536
ไม่มีความคิดเห็น: