20 มกราคม 2558 Workpoint.ปัญญา ระบุ ขณะเดียวกันในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้ถอดรายการออกจากช่อง 5 และช่อง 9 มาหมดแล้ว การที่นำคอนเทนต์ดังกล่าวมาไว้ในช่องตัวเองก็จะช่วยให้มีความแน่นอนมากขึ้น
ประเด็นหลัก
++ ตั้งเป้า 2 พันล้านบาทปี 2558
สำหรับรายได้ของเวิร์คพอยท์ในปี 2557 ที่ผ่านมา มีการเติบโตก้าวกระโดดในอัตราสูงกว่า 100% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2556 และในระหว่างปี 2557 ที่ผ่านมารายได้ของ ช่องเวิร์คพอยท์ ก็เพิ่มขึ้นในทุกไตรมาส โดยคิดเฉลี่ยเป็นการเติบโตของรายได้เท่ากับ 90% ต่อไตรมาส ซึ่งการปรับตัวเพิ่มขึ้นของรายได้นั้น มีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของเรตติ้งของ ช่องเวิร์คพอยท์ ซึ่งขณะนี้ช่องของเวิร์คพอยท์ขึ้นมามีเรตติ้งอยู่ที่อันดับ 3 ทั่วประเทศแล้ว และเป้าหมายระยะยาวหลังจากนี้คือ การรักษาอันดับให้ได้ต่อไป และในปีนี้บริษัทได้ตั้งเป้ารายได้อยู่ที่ประมาณ 2 พันล้านบาทสำหรับช่องทีวีดิจิตอล จากเดิมในปี 2557 มีรายได้อยู่ที่ 800 ล้านบาท อีกทั้งในขณะนี้มีรายได้ที่รับรู้เข้ามาแล้ว จากการซื้อโฆษณาในรูปแบบแพ็กเกจแล้วกว่า 1 พันล้านบาท
"หากพูดถึงช่อง 3 และช่อง 7 โดยส่วนตัวมองว่าทั้ง 2 ช่องเป็นครูบาอาจารย์ ที่เราไม่กล้าขึ้นไปเทียบชั้น และยังห่างไกลมาก ซึ่งในวันนี้ช่องเวิร์คพอยท์ ได้ก้าวขึ้นมามีเรตติ้งอันดับ 3 แล้ว ก็จะพยายามรักษาฐานให้เป็นแบบนี้ยาวต่อเนื่อง ขณะเดียวกันในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้ถอดรายการออกจากช่อง 5 และช่อง 9 มาหมดแล้ว เนื่องจากมองว่า การที่บริษัทเป็นองค์กรที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในด้านของการบริหารงานจึงต้องการความแน่นอน ดังนั้น การที่นำคอนเทนต์ดังกล่าวมาไว้ในช่องตัวเองก็จะช่วยให้มีความแน่นอนมากขึ้น ทั้งในด้านของการบริหารและรายได้ เพราะการถอดรายการดังกล่าวออกมาก็สามารถช่วยลดเรื่องค่าเช่าเวลาที่ต้องเสียไปได้จำนวนมาก"
ด้านแผนธุรกิจสำหรับปีนี้ บริษัทเตรียมเพิ่มคอนเทนต์ใหม่ให้ช่องเวิร์คพอยท์สมบูรณ์มากขึ้น อีกทั้งจะมีการเพิ่มสตูดิโอใหม่ในพื้นที่บริเวณใกล้เคียงอีกจำนวน 6 แห่ง จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 9 แห่ง รวมเป็น 15 แห่ง ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในกลางปี เพื่อรองรับการผลิตคอนเทนต์ที่จะเพิ่มมากขึ้น
_____________________________________________________
'ปัญญา 'ลั่นปีทองวงการทีวี
แม้ทีวีดิจิตอลจะเพิ่งก่อร่างขึ้นในปี 2557 ถือเป็นการเริ่มต้นที่ยังขาดความพร้อมในหลายด้าน แต่ในฟากของผู้ประกอบการก็ยังไม่ยอมแพ้ ทุ่มงบลงทุนกันสุดตัวโดยมีเป้าหมายคือเรตติ้ง ที่จะสร้างรายได้ตอบแทนจากเม็ดเงินโฆษณา ถึงจะเป็นช่องน้องใหม่ แต่กำลังมาแรงและถูกจับตากันมากเวลานี้ ปัญญา นิรันดร์กุลปัญญา นิรันดร์กุลคงจะหนีไม่พ้นช่อง "เวิร์คพอยท์ ครีเอทีฟ ทีวี" ที่เพิ่งลงแข่งในสนามฟรีทีวี แต่ก็สามารถสร้าง"เรตติ้ง"ขึ้นแซงช่องฟรีทีวีเจ้าเก่าอย่างช่อง 5 มาได้ ภายในระยะเวลาไม่ถึงปี
"ฐานเศรษฐกิจ" ได้มีโอกาสพบปะกับนายปัญญา นิรันดร์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด(มหาชน) พร้อมทั้งเล่าเรื่องราวและแผนธุรกิจในปีนี้
++ เรตติ้งดี ปรับค่าโฆษณาเพิ่ม 4 -5 เท่า
เป็นระยะเวลากว่า 20 ปี ที่บริษัททำธุรกิจด้านการผลิตคอนเทนต์มาตลอด ซึ่งก่อนที่เวิร์คพอยท์จะเข้ามาลุยในธุรกิจทีวีดิจิตอลนั้น ได้ผ่านประสบการณ์การทำงานด้านช่องโทรทัศน์มาก่อน โดยเริ่มทดสอบจากการผลิตคอนเทนต์แล้วป้อนเข้าสู่ช่องเวิร์คพอยท์ ทีวี ที่อยู่บนระบบแพลตฟอร์มดาวเทียม ซึ่งการออกช่องทีวีครั้งนั้นบริษัทต้องการสร้างความแตกต่าง โดยให้ช่องเวิร์คพอยท์เป็นช่องทีวีวาไรตี ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดีตั้งแต่นั้น จนวันหนึ่งที่กสทช.เริ่มเปิดให้ประมูลช่องทีวีดิจิตอล บริษัทจึงมองว่านี่คือโอกาสสำคัญ ที่จะทำให้เวิร์คพอยท์สามารถเติบโตได้อีกขั้น
"หลังจากที่เวิร์คพอยท์ประมูลช่องทีวีดิจิตอลมาได้ บริษัทจึงได้โยกช่องจากแพลตฟอร์มทีวีดาวเทียม มาอยู่บนแพลตฟอร์มทีวีดิจิตอลแทน ซึ่งในช่วงเปิดช่องทีวีดิจิตอลครั้งแรกนั้น ยังไม่ได้รับกระแสตอบรับเท่าที่ควร เนื่องจากเป็นช่วงทดลองระบบ ทั้งในเรื่องของโครงข่าย และยังมีปัญหาเรื่องกล่องรับสัญญาณ แต่หลังจากช่องทีวีดิจิตอลทุกช่องสามารถรับชมได้บนแพลตฟอร์มดาวเทียมตามกฎมัสต์แคร์รี ก็ส่งผลให้เวิร์คพอยท์ทีวีมีเรตติ้งที่ดีต่อเนื่อง พร้อมทั้งบริษัทยังได้ปรับอัตราค่าโฆษณาขึ้นจากเดิมประมาณ 4-5 เท่า หรือประมาณ 4.5 หมื่น – 2 แสนบาทต่อนาที"
++ ตั้งเป้า 2 พันล้านบาทปี 2558
สำหรับรายได้ของเวิร์คพอยท์ในปี 2557 ที่ผ่านมา มีการเติบโตก้าวกระโดดในอัตราสูงกว่า 100% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2556 และในระหว่างปี 2557 ที่ผ่านมารายได้ของ ช่องเวิร์คพอยท์ ก็เพิ่มขึ้นในทุกไตรมาส โดยคิดเฉลี่ยเป็นการเติบโตของรายได้เท่ากับ 90% ต่อไตรมาส ซึ่งการปรับตัวเพิ่มขึ้นของรายได้นั้น มีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของเรตติ้งของ ช่องเวิร์คพอยท์ ซึ่งขณะนี้ช่องของเวิร์คพอยท์ขึ้นมามีเรตติ้งอยู่ที่อันดับ 3 ทั่วประเทศแล้ว และเป้าหมายระยะยาวหลังจากนี้คือ การรักษาอันดับให้ได้ต่อไป และในปีนี้บริษัทได้ตั้งเป้ารายได้อยู่ที่ประมาณ 2 พันล้านบาทสำหรับช่องทีวีดิจิตอล จากเดิมในปี 2557 มีรายได้อยู่ที่ 800 ล้านบาท อีกทั้งในขณะนี้มีรายได้ที่รับรู้เข้ามาแล้ว จากการซื้อโฆษณาในรูปแบบแพ็กเกจแล้วกว่า 1 พันล้านบาท
"หากพูดถึงช่อง 3 และช่อง 7 โดยส่วนตัวมองว่าทั้ง 2 ช่องเป็นครูบาอาจารย์ ที่เราไม่กล้าขึ้นไปเทียบชั้น และยังห่างไกลมาก ซึ่งในวันนี้ช่องเวิร์คพอยท์ ได้ก้าวขึ้นมามีเรตติ้งอันดับ 3 แล้ว ก็จะพยายามรักษาฐานให้เป็นแบบนี้ยาวต่อเนื่อง ขณะเดียวกันในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้ถอดรายการออกจากช่อง 5 และช่อง 9 มาหมดแล้ว เนื่องจากมองว่า การที่บริษัทเป็นองค์กรที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในด้านของการบริหารงานจึงต้องการความแน่นอน ดังนั้น การที่นำคอนเทนต์ดังกล่าวมาไว้ในช่องตัวเองก็จะช่วยให้มีความแน่นอนมากขึ้น ทั้งในด้านของการบริหารและรายได้ เพราะการถอดรายการดังกล่าวออกมาก็สามารถช่วยลดเรื่องค่าเช่าเวลาที่ต้องเสียไปได้จำนวนมาก"
ด้านแผนธุรกิจสำหรับปีนี้ บริษัทเตรียมเพิ่มคอนเทนต์ใหม่ให้ช่องเวิร์คพอยท์สมบูรณ์มากขึ้น อีกทั้งจะมีการเพิ่มสตูดิโอใหม่ในพื้นที่บริเวณใกล้เคียงอีกจำนวน 6 แห่ง จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 9 แห่ง รวมเป็น 15 แห่ง ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในกลางปี เพื่อรองรับการผลิตคอนเทนต์ที่จะเพิ่มมากขึ้น
++คาดเม็ดเงินโฆษณาแตะ 1 แสนล้านบาท
"ปัญญา" บอกว่า การแข่งขันของอุตสาหกรรมในปีนี้จะหนักหน่วงรุนแรง เพราะผู้ประกอบการแต่ละช่องก็มีความถนัด และประสบการณ์ในแต่ละด้านที่ต่างกัน ขณะที่เวิร์คพอยท์ทีวีเองก็ถนัดในด้านของคอนเทนต์วาไรตี และมีสัดส่วนคอนเทนต์ประเภทนี้กว่า 80% ของผังรายการทั้งหมด ดังนั้น บริษัทก็จะยังคงย้ำจุดแข็งประเภทรายการวาไรตีเช่นเดิม
"สำหรับในด้านของมูลค่าเม็ดเงินโฆษณาปีนี้ บริษัทเชื่อว่าจากเดิมที่มีเม็ดเงินอยู่ที่ประมาณ 6-7 หมื่นล้านบาท แต่ในปีนี้เม็ดเงินโฆษณาอาจจะเพิ่มขึ้นได้ถึง 1 แสนล้านบาท เนื่องจากมีสินค้าหลากหลายอุตสาหกรรม เข้ามาลงโฆษณาผ่านทีวีเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งในด้านของสื่อทีวีดิจิตอลก็ได้รับการพิจารณาจากเอเยนซีเพิ่มด้วย"
ล่าสุดบริษัทได้จับมือกับเฟรชแอร์ลุยโปรเจ็กต์ใหญ่อีกครั้ง จัดกิจกรรมโรดโชว์ทั่วประเทศกว่า 50 จังหวัด ภายใต้งาน เทศกาลเบิกบานใจ ตอน เคแบงก์ แก๊ง 3 ช่าคาราบาว ภายใต้งบการจัดงานกว่า 200 ล้านบาท โดยวางเป้าหมายเพื่อให้ผู้ชมทางบ้าน รู้จักช่องเวิร์คพอยท์ให้มากขึ้น ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วในปีที่ผ่านมา และในปีนี้บริษัทก็ยังคงให้ความสำคัญกับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ชมในต่างจังหวัดต่อเนื่อง
"เทศกาลนี้จะเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 30 มกราคม – 26 มิถุนายน 2558 โดยจะเริ่มโชว์ที่จังหวัดเลยเป็นที่แรก ซึ่งในปี 2557 ที่ผ่านมา บริษัทมองว่าการจัดโรดโชว์นี้ค่อนข้างได้รับเสียงตอบรับที่ดี อีกทั้งยังเป็นแผนการโปรโมตช่องเวิร์คพอยท์ให้ประชาชนได้รู้จักมากขึ้นไปพร้อมกัน นอกจากนี้ในด้านโครงสร้างของธุรกิจปีนี้จะมาจากทีวีดิจิตอลส่วนใหญ่ ขณะที่ธุรกิจอีเวนต์และโรงละครที่เพิ่งเกิดขึ้นจะเป็นรายได้รองลงมา อย่างไรก็ตามบริษัทเชื่อว่า ปีนี้จะเป็นปีที่เริ่มมีอนาคตสดใสอย่างแน่นอน"
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,019 วันที่ 18 - 21 มกราคม พ.ศ. 2558
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=261955:2015-01-18-00-23-07&catid=107:2009-02-08-11-34-25&Itemid=456#.VL4caMZAeuw
++ ตั้งเป้า 2 พันล้านบาทปี 2558
สำหรับรายได้ของเวิร์คพอยท์ในปี 2557 ที่ผ่านมา มีการเติบโตก้าวกระโดดในอัตราสูงกว่า 100% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2556 และในระหว่างปี 2557 ที่ผ่านมารายได้ของ ช่องเวิร์คพอยท์ ก็เพิ่มขึ้นในทุกไตรมาส โดยคิดเฉลี่ยเป็นการเติบโตของรายได้เท่ากับ 90% ต่อไตรมาส ซึ่งการปรับตัวเพิ่มขึ้นของรายได้นั้น มีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของเรตติ้งของ ช่องเวิร์คพอยท์ ซึ่งขณะนี้ช่องของเวิร์คพอยท์ขึ้นมามีเรตติ้งอยู่ที่อันดับ 3 ทั่วประเทศแล้ว และเป้าหมายระยะยาวหลังจากนี้คือ การรักษาอันดับให้ได้ต่อไป และในปีนี้บริษัทได้ตั้งเป้ารายได้อยู่ที่ประมาณ 2 พันล้านบาทสำหรับช่องทีวีดิจิตอล จากเดิมในปี 2557 มีรายได้อยู่ที่ 800 ล้านบาท อีกทั้งในขณะนี้มีรายได้ที่รับรู้เข้ามาแล้ว จากการซื้อโฆษณาในรูปแบบแพ็กเกจแล้วกว่า 1 พันล้านบาท
"หากพูดถึงช่อง 3 และช่อง 7 โดยส่วนตัวมองว่าทั้ง 2 ช่องเป็นครูบาอาจารย์ ที่เราไม่กล้าขึ้นไปเทียบชั้น และยังห่างไกลมาก ซึ่งในวันนี้ช่องเวิร์คพอยท์ ได้ก้าวขึ้นมามีเรตติ้งอันดับ 3 แล้ว ก็จะพยายามรักษาฐานให้เป็นแบบนี้ยาวต่อเนื่อง ขณะเดียวกันในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้ถอดรายการออกจากช่อง 5 และช่อง 9 มาหมดแล้ว เนื่องจากมองว่า การที่บริษัทเป็นองค์กรที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในด้านของการบริหารงานจึงต้องการความแน่นอน ดังนั้น การที่นำคอนเทนต์ดังกล่าวมาไว้ในช่องตัวเองก็จะช่วยให้มีความแน่นอนมากขึ้น ทั้งในด้านของการบริหารและรายได้ เพราะการถอดรายการดังกล่าวออกมาก็สามารถช่วยลดเรื่องค่าเช่าเวลาที่ต้องเสียไปได้จำนวนมาก"
ด้านแผนธุรกิจสำหรับปีนี้ บริษัทเตรียมเพิ่มคอนเทนต์ใหม่ให้ช่องเวิร์คพอยท์สมบูรณ์มากขึ้น อีกทั้งจะมีการเพิ่มสตูดิโอใหม่ในพื้นที่บริเวณใกล้เคียงอีกจำนวน 6 แห่ง จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 9 แห่ง รวมเป็น 15 แห่ง ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในกลางปี เพื่อรองรับการผลิตคอนเทนต์ที่จะเพิ่มมากขึ้น
_____________________________________________________
'ปัญญา 'ลั่นปีทองวงการทีวี
แม้ทีวีดิจิตอลจะเพิ่งก่อร่างขึ้นในปี 2557 ถือเป็นการเริ่มต้นที่ยังขาดความพร้อมในหลายด้าน แต่ในฟากของผู้ประกอบการก็ยังไม่ยอมแพ้ ทุ่มงบลงทุนกันสุดตัวโดยมีเป้าหมายคือเรตติ้ง ที่จะสร้างรายได้ตอบแทนจากเม็ดเงินโฆษณา ถึงจะเป็นช่องน้องใหม่ แต่กำลังมาแรงและถูกจับตากันมากเวลานี้ ปัญญา นิรันดร์กุลปัญญา นิรันดร์กุลคงจะหนีไม่พ้นช่อง "เวิร์คพอยท์ ครีเอทีฟ ทีวี" ที่เพิ่งลงแข่งในสนามฟรีทีวี แต่ก็สามารถสร้าง"เรตติ้ง"ขึ้นแซงช่องฟรีทีวีเจ้าเก่าอย่างช่อง 5 มาได้ ภายในระยะเวลาไม่ถึงปี
"ฐานเศรษฐกิจ" ได้มีโอกาสพบปะกับนายปัญญา นิรันดร์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด(มหาชน) พร้อมทั้งเล่าเรื่องราวและแผนธุรกิจในปีนี้
++ เรตติ้งดี ปรับค่าโฆษณาเพิ่ม 4 -5 เท่า
เป็นระยะเวลากว่า 20 ปี ที่บริษัททำธุรกิจด้านการผลิตคอนเทนต์มาตลอด ซึ่งก่อนที่เวิร์คพอยท์จะเข้ามาลุยในธุรกิจทีวีดิจิตอลนั้น ได้ผ่านประสบการณ์การทำงานด้านช่องโทรทัศน์มาก่อน โดยเริ่มทดสอบจากการผลิตคอนเทนต์แล้วป้อนเข้าสู่ช่องเวิร์คพอยท์ ทีวี ที่อยู่บนระบบแพลตฟอร์มดาวเทียม ซึ่งการออกช่องทีวีครั้งนั้นบริษัทต้องการสร้างความแตกต่าง โดยให้ช่องเวิร์คพอยท์เป็นช่องทีวีวาไรตี ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดีตั้งแต่นั้น จนวันหนึ่งที่กสทช.เริ่มเปิดให้ประมูลช่องทีวีดิจิตอล บริษัทจึงมองว่านี่คือโอกาสสำคัญ ที่จะทำให้เวิร์คพอยท์สามารถเติบโตได้อีกขั้น
"หลังจากที่เวิร์คพอยท์ประมูลช่องทีวีดิจิตอลมาได้ บริษัทจึงได้โยกช่องจากแพลตฟอร์มทีวีดาวเทียม มาอยู่บนแพลตฟอร์มทีวีดิจิตอลแทน ซึ่งในช่วงเปิดช่องทีวีดิจิตอลครั้งแรกนั้น ยังไม่ได้รับกระแสตอบรับเท่าที่ควร เนื่องจากเป็นช่วงทดลองระบบ ทั้งในเรื่องของโครงข่าย และยังมีปัญหาเรื่องกล่องรับสัญญาณ แต่หลังจากช่องทีวีดิจิตอลทุกช่องสามารถรับชมได้บนแพลตฟอร์มดาวเทียมตามกฎมัสต์แคร์รี ก็ส่งผลให้เวิร์คพอยท์ทีวีมีเรตติ้งที่ดีต่อเนื่อง พร้อมทั้งบริษัทยังได้ปรับอัตราค่าโฆษณาขึ้นจากเดิมประมาณ 4-5 เท่า หรือประมาณ 4.5 หมื่น – 2 แสนบาทต่อนาที"
++ ตั้งเป้า 2 พันล้านบาทปี 2558
สำหรับรายได้ของเวิร์คพอยท์ในปี 2557 ที่ผ่านมา มีการเติบโตก้าวกระโดดในอัตราสูงกว่า 100% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2556 และในระหว่างปี 2557 ที่ผ่านมารายได้ของ ช่องเวิร์คพอยท์ ก็เพิ่มขึ้นในทุกไตรมาส โดยคิดเฉลี่ยเป็นการเติบโตของรายได้เท่ากับ 90% ต่อไตรมาส ซึ่งการปรับตัวเพิ่มขึ้นของรายได้นั้น มีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของเรตติ้งของ ช่องเวิร์คพอยท์ ซึ่งขณะนี้ช่องของเวิร์คพอยท์ขึ้นมามีเรตติ้งอยู่ที่อันดับ 3 ทั่วประเทศแล้ว และเป้าหมายระยะยาวหลังจากนี้คือ การรักษาอันดับให้ได้ต่อไป และในปีนี้บริษัทได้ตั้งเป้ารายได้อยู่ที่ประมาณ 2 พันล้านบาทสำหรับช่องทีวีดิจิตอล จากเดิมในปี 2557 มีรายได้อยู่ที่ 800 ล้านบาท อีกทั้งในขณะนี้มีรายได้ที่รับรู้เข้ามาแล้ว จากการซื้อโฆษณาในรูปแบบแพ็กเกจแล้วกว่า 1 พันล้านบาท
"หากพูดถึงช่อง 3 และช่อง 7 โดยส่วนตัวมองว่าทั้ง 2 ช่องเป็นครูบาอาจารย์ ที่เราไม่กล้าขึ้นไปเทียบชั้น และยังห่างไกลมาก ซึ่งในวันนี้ช่องเวิร์คพอยท์ ได้ก้าวขึ้นมามีเรตติ้งอันดับ 3 แล้ว ก็จะพยายามรักษาฐานให้เป็นแบบนี้ยาวต่อเนื่อง ขณะเดียวกันในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้ถอดรายการออกจากช่อง 5 และช่อง 9 มาหมดแล้ว เนื่องจากมองว่า การที่บริษัทเป็นองค์กรที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในด้านของการบริหารงานจึงต้องการความแน่นอน ดังนั้น การที่นำคอนเทนต์ดังกล่าวมาไว้ในช่องตัวเองก็จะช่วยให้มีความแน่นอนมากขึ้น ทั้งในด้านของการบริหารและรายได้ เพราะการถอดรายการดังกล่าวออกมาก็สามารถช่วยลดเรื่องค่าเช่าเวลาที่ต้องเสียไปได้จำนวนมาก"
ด้านแผนธุรกิจสำหรับปีนี้ บริษัทเตรียมเพิ่มคอนเทนต์ใหม่ให้ช่องเวิร์คพอยท์สมบูรณ์มากขึ้น อีกทั้งจะมีการเพิ่มสตูดิโอใหม่ในพื้นที่บริเวณใกล้เคียงอีกจำนวน 6 แห่ง จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 9 แห่ง รวมเป็น 15 แห่ง ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในกลางปี เพื่อรองรับการผลิตคอนเทนต์ที่จะเพิ่มมากขึ้น
++คาดเม็ดเงินโฆษณาแตะ 1 แสนล้านบาท
"ปัญญา" บอกว่า การแข่งขันของอุตสาหกรรมในปีนี้จะหนักหน่วงรุนแรง เพราะผู้ประกอบการแต่ละช่องก็มีความถนัด และประสบการณ์ในแต่ละด้านที่ต่างกัน ขณะที่เวิร์คพอยท์ทีวีเองก็ถนัดในด้านของคอนเทนต์วาไรตี และมีสัดส่วนคอนเทนต์ประเภทนี้กว่า 80% ของผังรายการทั้งหมด ดังนั้น บริษัทก็จะยังคงย้ำจุดแข็งประเภทรายการวาไรตีเช่นเดิม
"สำหรับในด้านของมูลค่าเม็ดเงินโฆษณาปีนี้ บริษัทเชื่อว่าจากเดิมที่มีเม็ดเงินอยู่ที่ประมาณ 6-7 หมื่นล้านบาท แต่ในปีนี้เม็ดเงินโฆษณาอาจจะเพิ่มขึ้นได้ถึง 1 แสนล้านบาท เนื่องจากมีสินค้าหลากหลายอุตสาหกรรม เข้ามาลงโฆษณาผ่านทีวีเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งในด้านของสื่อทีวีดิจิตอลก็ได้รับการพิจารณาจากเอเยนซีเพิ่มด้วย"
ล่าสุดบริษัทได้จับมือกับเฟรชแอร์ลุยโปรเจ็กต์ใหญ่อีกครั้ง จัดกิจกรรมโรดโชว์ทั่วประเทศกว่า 50 จังหวัด ภายใต้งาน เทศกาลเบิกบานใจ ตอน เคแบงก์ แก๊ง 3 ช่าคาราบาว ภายใต้งบการจัดงานกว่า 200 ล้านบาท โดยวางเป้าหมายเพื่อให้ผู้ชมทางบ้าน รู้จักช่องเวิร์คพอยท์ให้มากขึ้น ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วในปีที่ผ่านมา และในปีนี้บริษัทก็ยังคงให้ความสำคัญกับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ชมในต่างจังหวัดต่อเนื่อง
"เทศกาลนี้จะเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 30 มกราคม – 26 มิถุนายน 2558 โดยจะเริ่มโชว์ที่จังหวัดเลยเป็นที่แรก ซึ่งในปี 2557 ที่ผ่านมา บริษัทมองว่าการจัดโรดโชว์นี้ค่อนข้างได้รับเสียงตอบรับที่ดี อีกทั้งยังเป็นแผนการโปรโมตช่องเวิร์คพอยท์ให้ประชาชนได้รู้จักมากขึ้นไปพร้อมกัน นอกจากนี้ในด้านโครงสร้างของธุรกิจปีนี้จะมาจากทีวีดิจิตอลส่วนใหญ่ ขณะที่ธุรกิจอีเวนต์และโรงละครที่เพิ่งเกิดขึ้นจะเป็นรายได้รองลงมา อย่างไรก็ตามบริษัทเชื่อว่า ปีนี้จะเป็นปีที่เริ่มมีอนาคตสดใสอย่างแน่นอน"
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,019 วันที่ 18 - 21 มกราคม พ.ศ. 2558
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=261955:2015-01-18-00-23-07&catid=107:2009-02-08-11-34-25&Itemid=456#.VL4caMZAeuw
ไม่มีความคิดเห็น: