Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

29 กรกฎาคม 2558 (บทความ) ไอดีซี ชี้ อุตฯ ไอซีทีไทยปี 58 โตแค่ 3.8% สมาร์ทโฟนตัวหลักของตลาด // ขณะนี้ ประเทศไทยยังคงเป็นผู้ซื้อรายใหญ่เป็นอันดับสอง สำหรับสินค้าและบริการด้านไอซีทีในภูมิภาคอาเซียน แม้ว่าจะประสบปัญหาภาวะเศรษฐกิจซบเซา และปัญหาด้านการเมืองในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

ประเด็นหลัก



จนถึงขณะนี้ ประเทศไทยยังคงเป็นผู้ซื้อรายใหญ่เป็นอันดับสอง สำหรับสินค้าและบริการด้านไอซีทีในภูมิภาคอาเซียน แม้ว่าจะประสบปัญหาภาวะเศรษฐกิจซบเซา และปัญหาด้านการเมืองในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในปี 2558 คาดว่าจะมีการใช้จ่ายด้านไอซีทีที่มีจากหน่วยงานภาครัฐฯ ภาคธุรกิจเอกชน และผู้บริโภครวมกัน จะอยู่ที่ราว 20.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

นาย ไมเคิล อาราเนต้า ผู้จัดการประจำเทศไทย ระบุว่า ในปี 2558 นี้ค่อนข้างเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับธุรกิจไอซีทีของไทย อัตราการเติบโตของการใช้จ่ายด้านไอซีทีโดยทั่วไปแล้วพบว่า จะมีอัตราการเติบโตที่สูงกว่า จีดีพี ของประเทศราวร้อยละ 3-8 หน่วย แต่ทว่าในปีนี้ ส่วนต่างระหว่างช่วงดังกล่าวหดแคบลงเหลือต่ำกว่าร้อยละ 1 อย่างไรก็ตาม ปี 2558 มีสิ่งที่น่าสนใจเกิดขึ้นสำหรับแนวโน้มของการปรับเปลี่ยนที่ค่อนข้างเด่นชัด ในตลาดไอซีที โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีแพลตฟอร์มที่ 3 อย่างเช่น คลาวด์, โมบิลิตี้ และ การวิเคราะห์บิ๊กดาต้า เกิดขึ้น เราคาดว่า การฟื้นตัวจะค่อยๆ เกิดขึ้นในปี 2559 แต่ในปีหน้าที่จะมาถึงเราจะเห็นการเริ่มต้นยุคใหม่ของตลาดไอทีไทย บทบาทของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในธุรกิจ ไอซีที ที่มีโจทย์และความท้าทายใหม่กำลังจะเข้ามา”






___________________________________________





ไอดีซี ชี้ อุตฯ ไอซีทีไทยปี 58 โตแค่ 3.8% สมาร์ทโฟนตัวหลักของตลาด


ไอดีซี ชี้การใช้จ่ายด้านไอซีทีของไทยในปี 58 โตเล็กน้อย เนื่องจากผู้บริโภคมีการใช้จ่ายที่โตน้อยลง และเงินลงทุนที่หายไปของภาคธุรกิจ แต่ค่อยๆ ฟื้นตัวในปี 59 เชื่อ Wearable บูมปลายปีหน้า และ 4G จะเป็นตัวขับดันเศรษฐกิจดิจิตอล...

ภาพรวมของการใช้จ่ายด้านไอทีและการสื่อสาร (ไอซีที) ของประเทศไทยในปี 2558 คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเพียงเล็กน้อยที่ร้อยละ 3.8 ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เติบโตเล็กน้อยและเงินลงทุนที่หดหายไปของภาคธุรกิจ รายงานการสำรวจนี้มาจาก การปรับปรุงรายงานการใช้จ่ายไอซีทีของประเทศไทยในปี 2558 ที่มีฐานมาจาก ข้อมูลเชิงลึกในตลาดต่างๆ ของธุรกิจไอซีที จำนวน 11 ธุรกิจที่ไอดีซีทำการเก็บข้อมูลและคาดการณ์แนวโน้มตลาดอย่างต่อเนื่องภายใต้ชื่อ IDC Tracker การปรับปรุงนี้ได้มีการทบทวนการใช้จ่ายในตลาดหลักๆ เช่น ตลาดโทรคมนาคม ไคลเอนต์ดีไวซ์ ซอฟต์แวร์ในองค์กร ระบบคอมพิวเตอร์ในองค์กร (enterprise computing) บริการด้านไอที และ อุปกรณ์ต่อพ่วงไอทีต่างๆ


การเติบโตในการใช้จ่ายด้านไอซีทีของไทยจะเติบโตเพียงเล็กน้อยในปี 2558

จนถึงขณะนี้ ประเทศไทยยังคงเป็นผู้ซื้อรายใหญ่เป็นอันดับสอง สำหรับสินค้าและบริการด้านไอซีทีในภูมิภาคอาเซียน แม้ว่าจะประสบปัญหาภาวะเศรษฐกิจซบเซา และปัญหาด้านการเมืองในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในปี 2558 คาดว่าจะมีการใช้จ่ายด้านไอซีทีที่มีจากหน่วยงานภาครัฐฯ ภาคธุรกิจเอกชน และผู้บริโภครวมกัน จะอยู่ที่ราว 20.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

นายไมเคิล อาราเนต้า ผู้จัดการประจำเทศไทย ระบุว่า ในปี 2558 นี้ค่อนข้างเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับธุรกิจไอซีทีของไทย อัตราการเติบโตของการใช้จ่ายด้านไอซีทีโดยทั่วไปแล้วพบว่า จะมีอัตราการเติบโตที่สูงกว่า จีดีพี ของประเทศราวร้อยละ 3-8 หน่วย แต่ทว่าในปีนี้ ส่วนต่างระหว่างช่วงดังกล่าวหดแคบลงเหลือต่ำกว่าร้อยละ 1 อย่างไรก็ตาม ปี 2558 มีสิ่งที่น่าสนใจเกิดขึ้นสำหรับแนวโน้มของการปรับเปลี่ยนที่ค่อนข้างเด่นชัดในตลาดไอซีที โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีแพลตฟอร์มที่ 3 อย่างเช่น คลาวด์, โมบิลิตี้ และ การวิเคราะห์บิ๊กดาต้า เกิดขึ้น เราคาดว่า การฟื้นตัวจะค่อยๆ เกิดขึ้นในปี 2559 แต่ในปีหน้าที่จะมาถึงเราจะเห็นการเริ่มต้นยุคใหม่ของตลาดไอทีไทย บทบาทของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในธุรกิจ ไอซีที ที่มีโจทย์และความท้าทายใหม่กำลังจะเข้ามา”


ตลาดสมาร์ทโฟนยังคงขยายตัวต่อเนื่อง

ปี 2558 ค่าใช้จ่ายด้านไอซีทีคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 7 ของจีดีพี ไอดีซี คาดกว่า การเติบโตของการใช้จ่ายด้านไอซีที จะมีอัตราการเติบโตเทียบเท่ากับภาคการเกษตรของประเทศ โดยสัดส่วนของการใช้จ่ายนี้ บริการโทรคมนาคมจะมีสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 45.5 และไอทีอยู่ที่ร้อยละ 54.5 การเติบโตของตลาดไอทีในปี 2558 คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตที่ค่อนข้างทรงตัวที่ร้อยละ 1.9 โดยส่วนมากเป็นผลมาจากการปรับเปลี่ยนโครงสร้างและอุปสงค์ที่อ่อนตัวลง สำหรับตลาดบริการโทรคมนาคม จะมีอัตราการเติบโตที่ค่อนข้างสูงที่ร้อยละ 6.2 ทั้งนี้กลุ่มผู้บริโภคและภาคธุรกิจเอกชนยังคงมีการเพิ่มการใช้บริการด้านรับส่งข้อมูลสูงขึ้น

การใช้จ่ายด้านสมาร์ทโฟนยังคงเป็นหัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนตลาดไอซีทีในกลุ่มผู้บริโภค จากรายงานการศึกษาของ ไอดีซี พบว่า ธุรกิจสมาร์ทโฟนมีสัดส่วนคิดเป็นเกือบ 1 ใน 3 ของการใช้จ่ายไอซีที ในกลุ่มผู้บริโภค และยอดจำหน่ายสมาร์ทโฟนยังมีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลขถึงสองหลัก ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ทว่า ในปีนี้ อัตราการเติบโตค่อนข้างจะหดตัวอย่างมีนัยสำคัญเหลือเพียงแค่ตัวเลขหลักเดียว

นายจาริตร์ สิทธุ นักวิเคราะห์อาวุโส สายงานศึกษาตลาดไคลเอนต์ดีไวซ์ ประจำไอดีซีประเทศไทย กล่าวว่า แม้ว่าอัตราการเติบใช้สมาร์ทโฟนในบ้านจะมีสัดส่วนเกินกว่าร้อยละ 50 ของประชากรโดยรวมและราคาของอุปกรณ์เหล่านี้เริ่มมีราคาต่ำลง แต่ทว่า อัตราการเติบโตของตลาดในปีนี้คาดว่ายังคงชะลอตัวลง แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ ตลาดสมาร์ทโฟนยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ด้วยยอดจำหน่ายราว 20 ล้านเครื่องในปี 2558 จะมีผู้บริโภคหน้าใหม่สำหรับสินค้า หรือบริการด้านไอซีทีที่เกี่ยวเนื่องเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ด้วยราคาที่สามารถซื้อหาได้ และความคล่องตัวในการใช้งานของสมาร์ทโฟนได้ ทำให้อุปกรณ์นี้ได้รับความนิยมมากที่สุดในช่วงที่ผ่านมา คาดว่าในปี 2560 ประชากรไทยจะมีการใช้สมาร์ทโฟนสูงถึง 70% สำหรับผู้ใช้งานหลายล้านคนนี้ สมาร์ทโฟนถือเป็นอุปกรณ์ที่ทำให้พวกเขาเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเพิ่มขึ้นของประชากรกลุ่มนี้ที่เพิ่งจะเรียนรู้ไอทีและเริ่มใช้งานไอที ถือเป็นโอกาสสำคัญให้ผู้ให้บริการในการให้บริการ หรือนำเสนอแอพพลิเคชั่นต่างๆ อีกด้วย

นักวิเคราะห์อาวุโสฯ ประจำไอดีซีประเทศไทย กล่าวต่อว่า นวัตกรรมถัดไปที่จะเปลี่ยนแปลงตลาดจำเป็นจะต้องเป็นสิ่งที่มีความยั่งยืนในตลาดไอซีทีของผู้บริโภค ไอดีซีคาดว่า อัตราการจำหน่ายของสมาร์ทโฟนกำลังจะลดน้อยลงในอนาคต สอดคล้องกับการหดตัวของตลาดแท็บเล็ต ผู้บริโภคกำลังเริ่มมองหานวัตกรรม ที่คล้ายคลึงกันกับการปรากฏตัวของสมาร์ทโฟนเมื่อแปดปีที่ผ่านมา เป็นเรื่องโชคร้ายที่ สิ่งที่คาดว่าจะเป็นจุดหักเหที่สำคัญในปัจจุบัน อย่างอุปกรณ์ติดต่อสื่อสารชนิดสวมใส่ (wearable) ยังไม่ได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาดมากนัก และส่วนมากจะถูกจำกัดโดยหน้าที่การใช้งานเฉพาะเท่านั้น โดยอุปกรณ์ติดต่อสื่อสารชนิดสวมใส่นี้ ค่อนข้างจะใกล้เคียงกับนวัตกรรม ที่จะโดนใจและเข้าถึงผู้บริโภคลำดับถัดมา แต่กลับไม่พบเหตุผลที่ชัดเจนว่าทำไมตลาดทั่วไปถึงต้องใช้งานสิ่งนี้ในปัจจุบัน ไอดีซีคาดว่าเวลาที่เหมาะสมในการทำตลาดสำหรับอุปกรณ์นี้น่าจะช่วงสิ้นปี 2559


4G จะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิตอล

นายจาริตร์ กล่าวอีกว่า 4G จะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิตอล การใช้จ่ายด้านบริการโทรคมนาคมของประเทศซึ่งได้รับแรงหนุนมาจากปริมาณการใช้งานดาต้าที่เพิ่มขึ้น คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตร้อยละ 6.2 ในปี 2558 และร้อยละ 6.5 ในปี 2559 การให้บริการเชิงพาณิชย์สำหรับเครือข่าย 4G ถือเป็นจุดหักเหที่สำคัญต่ออัตราการเติบโตไม่เพียงแต่ธุรกิจโทรคมนาคมเท่านั้นแต่ยังรวมถึงเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย

"แต่ยังคงมีข้อสงสัยบางประการเกี่ยวกับเครือข่าย 4G ว่าจะเป็นรากฐานที่สำคัญสำหรับเศรษฐกิจดิจิตอลหรือไม่ ด้วยอัตราการรับส่งข้อมูลที่รวดเร็วของ 4G ได้มีส่วนในการเพิ่มผลผลิต สร้างนวัตกรรม ก่อให้เกิดการพัฒนาบริการใหม่รวมถึงการมีธุรกิจใหม่ๆ เกิดขึ้น เศรษฐกิจดิจิตอลนั้นจะเดินต่อไปได้หรือไม่นั้น ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับโครงข่ายบรอดแบนด์ที่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจึงเกินกว่าจะสามารถคาดเดาได้ ทั้งนี้ ไอดีซี หวังว่า ความต้องการใช้งาน 4G จะก่อให้เกิดการใช้บริการรับส่งดาต้าผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่สูงขึ้น หากบริการ 4G มีการเปิดประมูลใบอนุญาตเกิดขึ้นจริงภายในปี 2558 คาดว่าจะเริ่มมีการติดตั้งและวางโครงข่ายทำให้เราจะสามารถใช้บริการนี้ได้ในครึ่งปีหลังของปี 2559" นักวิเคราะห์อาวุโสฯ ประจำไอดีซีประเทศไทย กล่าว


การใช้จ่ายของภาคธุรกิจในแง่ของการใช้ซอฟต์แวร์สำหรับองค์กรที่เพิ่มขึ้น

นายจาริตร์ กล่าวถึงตลาดไอซีทีในกลุ่มผู้บริโภคว่า คอนซูมเมอร์ยังชี้นำตลาดไอซีที แต่สิ่งนี้กำลังเปลี่ยนไป การใช้จ่ายไอซีทีของกลุ่มผู้บริโภคมีสัดส่วนอย่างน้อย 65% แต่สัดส่วนดังกล่าวนี้คาดว่าจะลดลงตามลำดับในอนาคต การใช้จ่ายไอซีทีของภาคธุรกิจกับเริ่มเห็นแรงหนุนที่มาจากองค์กรธุรกิจต่างๆ เริ่มประยุกต์ใช้เทคโนโลยีแพลตฟอร์มที่ 3 เพื่อสร้างความยั่งยืน และคงความสามารถการแข่งขันของธุรกิจ ส่วนภาคธุรกิจคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตของการใช้จ่ายร้อยละ 6.1 ในปี 2558 เพิ่มขึ้นจากปี 2557 อยู่ที่ร้อยละ 4.4 อัตราการเติบโตดังกล่าวเป็นผลมาจากความต้องการใช้งานบริการด้านไอที และการใช้ซอฟต์แวร์สำหรับองค์กรที่เพิ่มขึ้น

ภาคบริการทางการเงินยังคงเป็นกลุ่มหลัก ในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในยุคถัดไปมากที่สุด ส่วนมากจะเป็นการลงทุนในด้าน ดาต้าเซ็นเตอร์ยุคใหม่ หรือการทำเวอร์ชวลไลเซชั่น ตลอดจนการให้บริการต่างๆ ผ่านคลาวด์ของกลุ่มธุรกิจจะเกิดขึ้นภายในปี 2559 ขณะที่ แผนแม่บทเศรษฐกิจดิจิตอลเป็นอะไรที่มากกว่าเรื่องน่ายินดี แต่เรื่องนี้จะกระตุ้นการเติบโตตลาดไอซีทีหลังปี 2559 ไปแล้ว ในกรณีที่มีแผนแม่บทนี้จะผลักดันให้มีการปรับเปลี่ยนทั้งเศรษฐกิจของประเทศและอุตสาหกรรมไอซีทีของบ้านเรา อย่างไรก็ตาม ไอดีซีคาดว่า ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจริงอย่างเป็นรูปธรรมน่าจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2559 เป็นต้นไป

ส่วน นายเสถียรพร สุวรรณสุภา นักวิเคราะห์ตลาด ประจำไอดีซีประเทศไทย กล่าวว่า มีบางอย่างที่แน่นอนว่าในอีก 12 เดือนข้างหน้านี้เราจะได้เห็นประโยชน์ในอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้น สิ่งเหล่านี้ในเบื้องต้นจะเป็นโครงข่ายสาธารณูปโภคด้านไอซีทีขนาดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือการให้การบริการเพื่อสนับสนุนหน่วยงานภาครัฐฯ หรือองค์กรธุรกิจเอกชน ผลกระทบนี้จะเริ่มขยายวงกว้างในที่สุด ตลาดผู้บริโภคจะเป็นกลุ่มสุดท้ายที่รู้สึกได้ถึงผลกระทบดังกล่าวนี้ แต่ตลาดกลุ่มนี้ อย่างไรก็ตามจะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่จะทำให้แผนงานนี้ขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้หรือไม่

นักวิเคราะห์ตลาด ประจำไอดีซีประเทศไทย กล่าวด้วยว่า ไอดีซีเชื่อว่า ส่วนที่มีความท้าทายที่แท้จริงสำหรับเศรษฐกิจดิจิตอลจะมาจากการเกิดใหม่ของจำนวนผู้ประกอบการดิจิตอล ด้วยระบบไอซีที ที่พัฒนาให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น ไทยจะมีโอกาสอย่างมากในการกลายเป็นผู้ริเริ่มนวัตกรรมของภูมิภาคนี้ หากลองนึกภาพการเป็นยักษ์ใหญ่เรื่องเทคโนโลยียุคใหม่ที่เริ่มมาจากประเทศไทย.


http://www.thairath.co.th/content/512243

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.