Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

14 มีนาคม 2559 ลุ้น TRUE ที่รอเวลาว่า เดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ "บีอินสปอร์ต" (BeIn Sports) ผู้ชนะการประมูลถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ 3 ฤดูกาล (2016/2017-2018/2019) และได้สิทธิ์ในการทำตลาดสิงคโปร์, มาเลเซีย, เวียดนาม, กัมพูชา, ลาว รวมถึงไทย

ประเด็นหลัก


ต้องลุ้นกันอย่างหนัก สำหรับทรูวิชั่นส์ หรือ ซีทีเอช ผู้ประกอบการธุรกิจโทรทัศน์บอกรับสมาชิก (เพย์ทีวี) รายใหญ่ ที่รอเวลาว่า เดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ "บีอินสปอร์ต" (BeIn Sports) ผู้ชนะการประมูลถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ 3 ฤดูกาล (2016/2017-2018/2019) และได้สิทธิ์ในการทำตลาดสิงคโปร์, มาเลเซีย, เวียดนาม, กัมพูชา, ลาว รวมถึงไทย ว่าจะให้สิทธิการถ่ายทอดสดในเมืองไทยกับค่ายใด ทรูวิชั่นส์ หรือ ซีทีเอช ใครจะเป็นคว้าลิขสิทธิ์นี้ และมีความเป็นไปได้เช่นกันว่า ทรูวิชั่นส์ และซีทีเอช จะได้ลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกอังกฤษทั้งคู่

แหล่งข่าวจากธุรกิจเพย์ทีวีเปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า เบื้องต้นขณะนี้ ทั้งทรูวิชั่นส์และซีทีเอชอยู่ระหว่างเจรจาขอเป็นผู้ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะมาถึงและด้วยศักยภาพของกลุ่มทรูที่มีช่องทางออกอากาศครอบคลุมทั้งโมบายเพย์ทีวี และฟรีทีวี อีกทั้งเป็นพันธมิตรที่ดีกับบีอินสปอร์ต มายาวนาน อาจทำให้มีโอกาสมากกว่ารายอื่น



_________________________




"ทรู-ช่อง 3" ชิงบิ๊กคอนเทนต์ เปิดศึกถ่ายสดฟุตบอล (รอบใหม่)



ต้องลุ้นกันอย่างหนัก สำหรับทรูวิชั่นส์ หรือ ซีทีเอช ผู้ประกอบการธุรกิจโทรทัศน์บอกรับสมาชิก (เพย์ทีวี) รายใหญ่ ที่รอเวลาว่า เดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ "บีอินสปอร์ต" (BeIn Sports) ผู้ชนะการประมูลถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ 3 ฤดูกาล (2016/2017-2018/2019) และได้สิทธิ์ในการทำตลาดสิงคโปร์, มาเลเซีย, เวียดนาม, กัมพูชา, ลาว รวมถึงไทย ว่าจะให้สิทธิการถ่ายทอดสดในเมืองไทยกับค่ายใด ทรูวิชั่นส์ หรือ ซีทีเอช ใครจะเป็นคว้าลิขสิทธิ์นี้ และมีความเป็นไปได้เช่นกันว่า ทรูวิชั่นส์ และซีทีเอช จะได้ลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกอังกฤษทั้งคู่

แหล่งข่าวจากธุรกิจเพย์ทีวีเปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า เบื้องต้นขณะนี้ ทั้งทรูวิชั่นส์และซีทีเอชอยู่ระหว่างเจรจาขอเป็นผู้ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะมาถึงและด้วยศักยภาพของกลุ่มทรูที่มีช่องทางออกอากาศครอบคลุมทั้งโมบายเพย์ทีวี และฟรีทีวี อีกทั้งเป็นพันธมิตรที่ดีกับบีอินสปอร์ต มายาวนาน อาจทำให้มีโอกาสมากกว่ารายอื่น

อย่างไรก็ตามมีความเป็นไปได้ว่า แผนการตลาดของบีอินสปอร์ตอาจจะไม่ขายพรีเมียร์ลีกอังกฤษให้แก่รายใดรายหนึ่งเท่านั้น

"พีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา" หัวหน้าสายงานการพาณิชย์ และพัฒนาธุรกิจ บริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ้ป จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้ บีอินสปอร์ต ยังไม่ได้ประกาศว่า บริษัทใดเป็นผู้ได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดผ่านระบบเพย์ทีวี ซึ่งทรูวิชั่นส์อยู่ระหว่างเจรจา คาดว่าหลังสิ้นสุดการถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกในเดือนพฤษภาคมนี้ ทุกอย่างจะชัดเจนขึ้น

และมีความเป็นไปได้ว่า บีอินสปอร์ต จะไม่ขายลิขสิทธิ์ให้เฉพาะทรูวิชั่นส์เท่านั้น เนื่องจากบีอินสปอร์ตถือลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีก อังกฤษ 3 ฤดูกาล (2016/2017-2018/2019) ในทุกแพลตฟอร์ม (All Right) ทั้งโมบาย ไอพีทีวี เพย์ทีวี ฟรีทีวี และประมูลมาในราคาที่สูง ดังนั้นแนวทางการแบ่งขายคอนเทนต์ในแต่ละแพลตฟอร์มก็อาจจะเป็นวิธีที่ดี ที่ทำให้เจ้าของลิขสิทธิ์มีรายได้ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ทุกธุรกิจก็สามารถนำคอนเทนต์ดังกล่าวไปสร้างโอกาสแก่ธุรกิจได้

"บีอินสปอร์ตอาจจะไม่ขายให้เพย์ทีวีแค่รายเดียวเป็นไปได้ถ้าจะขายให้เพย์ทีวีทั้ง2 ราย เพราะไม่มีเงื่อนไขว่าจะต้องขายลิขสิทธิ์เอ็กซ์คลูซีฟแค่เพย์ทีวีใดรายหนึ่งเท่านั้น ประกอบกับสถานการณ์โลกเปลี่ยนไป ปัจจุบันไม่จำเป็นต้องมีคอนเทนต์เอ็กซ์คลูซีฟแล้ว แต่ต้องมีคอนเทนต์อื่น ๆ เข้ามาผสมผสาน"

"พีรธน" ย้ำว่า ธุรกิจเพย์ทีวีแข่งกันที่คอนเทนต์ แต่การทำให้ธุรกิจเพย์ทีวีประสบความสำเร็จต้องมาจากหลายองค์ประกอบที่ต้องผสมผสานกันอย่างลงตัว ทั้งบริการหลังการขายที่ดี แพ็กเกจการขาย ราคาที่โดนใจ อย่างไรก็ตาม หากบริษัทได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฤดูกาลในราคาที่เหมาะสมก็จะสร้างให้ฐานลูกค้ากลุ่มพรีเมียร์แข็งแรงมากขึ้น

สำหรับทิศทางปีนี้ หลัก ๆ จะมุ่งขยายฐานสมาชิกกลุ่มแมส ผ่านกล่องขายขาด "ทรู ดิจิทัล เอชดี 2" ที่มาพร้อมแพ็กเกจใหม่ "สนั่นบอลไทย" รับฟรีถึงสิ้นปีนี้ หรือสมาชิกรายเดือน รับชมได้ในราคา 299 บาทต่อเดือน คาดว่าแพ็กเกจดังกล่าวจะสามารถเพิ่มฐานสมาชิกสิ้นปีนี้ได้ 300,000 ราย

นอกจากนี้ได้จัดแพ็กเกจการขายใหม่ ชูคอนเทนต์เป็นตัวนำ จูงใจผู้ชม และเพิ่มโอกาสในการขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ มากขึ้น เช่น แพ็กเกจกีฬา, วาไรตี้บันเทิง ภาพยนตร์ เป็นต้น ขณะที่สิ้นปีนี้คาดว่าจะมีฐานสมาชิกเพิ่มเป็น 3.9-4 ล้านราย จากปัจจุบันที่มีฐานสมาชิก 3.1 ล้านราย แบ่งเป็นกล่องขายขาด/ฟรีวิว 60% และ สมาชิกรายเดือน 40%

ขณะที่ "ศึกษิฐ ชลศึกษ์" ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ้ป จำกัด ระบุว่า นอกจากคอนเทนต์เป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจเพย์ทีวีแล้ว ยังต้องมีบริการหลังการขายและแพ็กเกจราคาที่จูงใจ ที่ผ่านมาแม้ว่าบริษัทไม่มีคอนเทนต์แม่เหล็กอย่างพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ก็สามารถขยายฐานสมาชิกได้ อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดแล้ว หากเจ้าของลิขสิทธิ์ในไทยจะตัดสินใจไม่ขายพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ให้ทรูวิชั่นส์ บริษัทก็ยังสามารถสร้างการเติบโตให้แก่ธุรกิจได้ เพราะยังมีคอนเทนต์อื่น ๆ ที่คู่แข่งไม่มี โดยเฉพาะการถ่ายทอดสด "ไทยพรีเมียร์ลีก" โลคอลคอนเทนต์ที่ผู้ชมให้ความสนใจ ไม่แพ้พรีเมียร์ลีกอังกฤษ

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากการสอบถามไปยังบริษัท ซีทีเอช ธนบุรี จำกัด ระบุว่า สมาชิกที่ใช้กล่องของซีทีเอชทั้งระบบเคเบิลและดาวเทียม จะไม่ได้รับผลกระทบเรื่องแพ็กเกจฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แน่นอน ส่วนทิศทางหลังจากหมดสัญญาถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียรลีก 2015/2016 แล้วนั้น ก็จะซื้อสิทธิถ่ายทอดพรีเมียร์ลีกฤดูกาลใหม่ต่อจากผู้ชนะการประมูล ด้านราคาแพ็กเกจ และช่องรายการไฮไลต์ต่าง ๆ นั้นอาจมีการเปลี่ยนแปลง โดยจะสรุปอีกครั้งหลังสิ้นสุดการแข่งขันพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2015/2016

แหล่งข่าวจากบริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า เดือนมีนาคมนี้เตรียมปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจครั้งใหม่ พร้อมโชว์คอนเทนต์ใหม่ ๆ ที่เตรียมไว้ และอาจจะมีการรีแบรนดิ้งด้วยเช่นกัน พลังของคอนเทนต์กีฬา โดยเฉพาะฟุตบอลสามารถดึงความสนใจ เพิ่มเรตติ้งให้แก่สถานีได้จริง สะท้อนจากเรตติ้งช่องไทยรัฐทีวี ที่พุ่งขึ้นในช่วงที่มีถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลของทีมชาติไทยรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก หรือ พีพีทีวีที่ทุ่มงบฯซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด พรีเมียร์ลีกอังกฤษ และบุนเดสลีก้า มาสร้างชื่อให้ช่องเป็นที่รู้จักได้เวลารวดเร็ว พร้อม ๆ กับเรตติ้งที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่มีการถ่ายทอดสด

เช่นเดียวกับ "สุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์" รองกรรมการผู้จัดการ และผู้ปฏิบัติการแทนรักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด ผู้บริหารช่อง 33 เอชดี, ช่อง 28 เอสดี และช่อง 13 แฟมิลี่ กล่าวว่า จากนี้ไปจะเข้าร่วมประมูลลิขสิทธิ์กีฬาหลาย ๆ ประเภทที่ผู้ชมสนใจ ทั้งฟุตบอล วอลเลย์บอล ล่าสุดได้เข้าร่วมฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก คาดว่าจะประกาศผู้ชนะประมูลเร็ว ๆ นี้ เนื่องจากฟุตบอลเป็นคอนเทนต์ที่สามารถเข้าถึงผู้ชมได้ทุกกลุ่ม ที่ผ่านมา ทรูวิชั่นส์พิสูจน์แล้วว่า แม้ไม่มี "พรีเมียร์ลีก อังกฤษ" ก็เพิ่มฐานสมาชิกได้

ขณะที่ซีทีเอช ต้องเร่งปิดจุดอ่อนหลังบ้านให้ครบ โดยเฉพาะบริการหลังการขายที่ต้องแก้ให้เร็วที่สุด

อย่างไรก็ตาม เกมนี้คงต้องวัดกันยาว ๆ


http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1456127397

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.