Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

28 สิงหาคม 2559 OPPO ต้องการส่วนแบ่งตลาดในปีนี้ 16-18% จากปัจจุบันอยู่ที่ 10% ขณะที่ซัมซุงมีส่วนแบ่งตลาดเกือบ 40% ในส่วนของเป้าหมายระยะยาว ออปโป้หวังขึ้นเป็นอันดับ 1 ในตลาดประเทศไทย โดยอ้างอิงจากในประเทศจีนเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ซัมซุงมีส่วนแบ่งตลาดในประเทศจีนกว่า 35% แต่ปัจจุบันเหลืออยู่ 7%

ประเด็นหลัก


เบื้องต้น ออปโป้ต้องการส่วนแบ่งตลาดในปีนี้ 16-18% จากปัจจุบันอยู่ที่ 10% ขณะที่ซัมซุงมีส่วนแบ่งตลาดเกือบ 40% ในส่วนของเป้าหมายระยะยาว ออปโป้หวังขึ้นเป็นอันดับ 1 ในตลาดประเทศไทย โดยอ้างอิงจากในประเทศจีนเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ซัมซุงมีส่วนแบ่งตลาดในประเทศจีนกว่า 35% แต่ปัจจุบันเหลืออยู่ 7% ขณะที่ออปโป้มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 23% และขึ้นเป็นอันดับ 1 ในประเทศจีนแล้ว ดังนั้น ไม่เกิน 5 ปีจากนี้ก็คาดว่าจะสามารถขึ้นเป็นอันดับ 1 ในไทยได้
ล่าสุด มีการเปิดตัว OPPO F1s ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่ต่อยอดมาจากรุ่น F ซึ่งเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมในช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยให้ใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่ เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ เพื่อเน้นไปที่ความสามารถของกล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ที่มาพร้อมแอปพลิเคชัน Beautify 4.0 ให้ปรับความสวยได้ 7 ระดับ เลือกโทนสีผิวได้ 2 โหมด ส่วนกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล และมีระบบสแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อก
ขณะที่สเปกภายใน F1s ทำงานบนหน่วยประมวลผล Octa-Core RAM 3 GB ROM 32 GB แถมไมโครเอสดีการ์ด 32 GB (สูงสุด 128 GB) ทำงานบนระบบปฏิบัติการ ColorOS2.0 บนพื้นฐานของแอนดรอยด์ 5.1 หน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว แบตเตอรี่ขนาด 3,075 mAh รองรับ 4G 2 ซิม


________________________________


“ออปโป้” รุกหนัก หวังขึ้นเบอร์ 1 ใน 5 ปี


“ออปโป้” มองยาวขอเบอร์ 1 ตลาดสมาร์ทโฟน พร้อมทุ่มงบการตลาดกว่า 800 ล้านบาทในปีนี้ หวังขยับส่วนแบ่งตลาดขึ้นเป็น 16-18% ภายในสิ้นปีจากปัจจุบัน 10% ประเดิมด้วยกลุ่มสมาร์ทโฟนระดับกลางราคา 7,000-10,000 บาท ที่ปัจจุบันสร้างรายได้ให้ออปโป้เกิน 50% ก่อนขยายไปเซ็กเมนต์อื่นต่อไป
นายลีโอ จ้าว ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท ไทย ออปโป้ จำกัด กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา ออปโป้มีส่วนแแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนที่ราว 6-7% และเพิ่มเป็น 10% ในต้นปี ซึ่งถือเป็นอันดับ 3 ในตลาดสมาร์ทโฟน โดยเฉพาะในกลุ่มสมาร์ทโฟนระดับราคา 7,000-10,000 บาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนรายได้มากกว่า 50% ของออปโป้ โดยหวังจะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มนี้ให้ขึ้นเป็น 40%
การเติบโตของออปโป้ เมื่อเทียบระหว่างครึ่งปีแรกของปีนี้กับปีที่ผ่านมา เติบโตมากกว่า 70% แต่ยังไม่เทียบเท่ากับการเติบโตในประเทศอื่นในภูมิภาคอย่างอินโดนีเซีย ที่เติบโตกว่า 166% ในช่วงเดียวกัน รวมถึงอินเดีย มาเลเซีย และเวียดนาม ที่เติบโตในระดับ 80% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
“กลยุทธ์ของออปโป้ คือ การเข้าไปรุกในตลาดสมาร์ทโฟนทีละเซ็กเมนต์ เพื่อให้ก้าวขึ้นเป็นอันดับ 1 ในอนาคต ซึ่งถ้าสามารถเจาะเข้าไปในกลุ่มระดับกลางที่ทางจีเอฟเค ระบุว่า มีสัดส่วนในตลาดถึง 27% เมื่อขึ้นเป็นผู้นำในกลุ่มนี้ได้แล้ว อนาคตก็จะขยายไปในกลุ่มอื่นต่อไป โดยในปีนี้วางงบในการทำตลาดไว้ที่ 800 ล้านบาท ซึ่งหลังจากนี้ในสมาร์ทโฟนที่เป็นฮีโร่โปรดักต์จะมีการใช้แบรนด์แอมบาสเดอร์”
ปัจจัยที่ช่วยให้ออปโป้สามารถเติบโตได้ในตลาดประเทศไทย คือ การปรับนโยบายการจำหน่ายผ่านร้านค้าปลีกเพียงอย่างเดียวที่ปัจจุบันมีช่องทางจำหน่ายที่เป็นหน้าร้านออปโป้ 8,000 แห่ง โดยในจำนวนนี้ 40% เป็นช่องทางจำหน่ายมือถืออย่างเจมาร์ท และทีจีโฟน ส่วนที่เหลือจะเป็นดีลเลอร์ ร้านตู้ และช่องทางจำหน่ายอื่นๆ รวมเป็น 11,000 แห่ง
ขณะที่ในแง่ของบริการหลังการขาย ปัจจุบัน ออปโป้มีศูนย์ซ่อมทั้งหมด 26 แห่ง และจะเพิ่มเป็น 35 แห่งในปีนี้ ทั้งนี้ กรณีที่เครื่องมีปัญหาสามารถส่งเครื่องผ่านช่องทางจำหน่ายหลักได้อยู่แล้ว ขณะที่สัดส่วนการจำหน่ายสมาร์ทโฟนในปัจจุบันจะอยู่ที่ต่างจังหวัดกว่า 70% และในกรุงเทพฯ ประมาณ 30%
เบื้องต้น ออปโป้ต้องการส่วนแบ่งตลาดในปีนี้ 16-18% จากปัจจุบันอยู่ที่ 10% ขณะที่ซัมซุงมีส่วนแบ่งตลาดเกือบ 40% ในส่วนของเป้าหมายระยะยาว ออปโป้หวังขึ้นเป็นอันดับ 1 ในตลาดประเทศไทย โดยอ้างอิงจากในประเทศจีนเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ซัมซุงมีส่วนแบ่งตลาดในประเทศจีนกว่า 35% แต่ปัจจุบันเหลืออยู่ 7% ขณะที่ออปโป้มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 23% และขึ้นเป็นอันดับ 1 ในประเทศจีนแล้ว ดังนั้น ไม่เกิน 5 ปีจากนี้ก็คาดว่าจะสามารถขึ้นเป็นอันดับ 1 ในไทยได้
ล่าสุด มีการเปิดตัว OPPO F1s ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่ต่อยอดมาจากรุ่น F ซึ่งเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมในช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยให้ใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่ เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ เพื่อเน้นไปที่ความสามารถของกล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ที่มาพร้อมแอปพลิเคชัน Beautify 4.0 ให้ปรับความสวยได้ 7 ระดับ เลือกโทนสีผิวได้ 2 โหมด ส่วนกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล และมีระบบสแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อก
ขณะที่สเปกภายใน F1s ทำงานบนหน่วยประมวลผล Octa-Core RAM 3 GB ROM 32 GB แถมไมโครเอสดีการ์ด 32 GB (สูงสุด 128 GB) ทำงานบนระบบปฏิบัติการ ColorOS2.0 บนพื้นฐานของแอนดรอยด์ 5.1 หน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว แบตเตอรี่ขนาด 3,075 mAh รองรับ 4G 2 ซิม

http://www.manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9590000079738&utm_source=MadMimi&utm_medium=email&utm_content=MGR+Morning+Brief+11-8-59&utm_campaign=20160810_m133457405_MGR+Morning+Brief+11-8-59&utm_term=_E2_80_9C_E0_B8_AD_E0_B8_AD_E0_B8_9B_E0_B9_82_E0_B8_9B_E0_B9_89_E2_80_9D+_E0_B8_A3_E0_B8_B8_E0_B8_81

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.