Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

09 กันยายน 2559 IDC เปิดเผยผลวิเคราะห์ ตลาดคอมพิวเตอร์ทั้งคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ และโน้ตบุ๊ก ว่าอีก 2 ปีข้างหน้า แบรนด์คอมพิวเตอร์จะหายไปจากตลาดในประเทศไทย 2 แบรนด์ แม้การเติบโตของตลาดจะยังทรงตัวอยู่ โดยจำนวนตลาดรวมพีซี ปี 2558 อยู่ที่ 2.5 ล้านเครื่อง ขณะที่ปี 2559 ลดลงเหลือจำนวน 2.4 ล้านเครื่อง แต่กลับพบว่ามูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นจากปี 2558 มีมูลค่า 49,000 ล้านบาท เป็น 52,000 ล้านบาท ในปี 2559 ซึ่งราคาเฉลี่ยต่อเครื่องเพิ่มขึ้นจาก 19,000 บาท ในปีที่แล้ว เป็น 22,000 บาท ในปีนี้

ประเด็นหลัก


นายจาริตร์ สิทธุ ผู้จัดการฝ่ายงานวิจัยตลาดไคลเอนด์ ดีไวซ์ และหัวหน้านักวิเคราะห์ ไอดีซี ประเทศไทย เปิดเผยผลวิเคราะห์ ตลาดคอมพิวเตอร์ทั้งคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ และโน้ตบุ๊ก ว่าอีก 2 ปีข้างหน้า แบรนด์คอมพิวเตอร์จะหายไปจากตลาดในประเทศไทย 2 แบรนด์ แม้การเติบโตของตลาดจะยังทรงตัวอยู่ โดยจำนวนตลาดรวมพีซี ปี 2558 อยู่ที่ 2.5 ล้านเครื่อง ขณะที่ปี 2559 ลดลงเหลือจำนวน 2.4 ล้านเครื่อง แต่กลับพบว่ามูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นจากปี 2558 มีมูลค่า 49,000 ล้านบาท เป็น 52,000 ล้านบาท ในปี 2559 ซึ่งราคาเฉลี่ยต่อเครื่องเพิ่มขึ้นจาก 19,000 บาท ในปีที่แล้ว เป็น 22,000 บาท ในปีนี้
ดังนั้น ตลาดพีซียังไม่หายไปจากประเทศไทย แต่พีซีจะเปลี่ยนบทบาทการทำงาน เพื่อให้ทำตลาดในราคาที่สูงขึ้นได้ เช่น มีเทคโนโลยีหน้าจอ 4K เป็นอุปกรณ์ไวร์เลส สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้ แบตเตอรี่อยู่นานขึ้น มีการนำเทคโนโลยีเซ็นเซอร์เพื่อความปลอดภัยมาใส่ในเครื่องพีซีมากขึ้น เช่น ระบบสแกนม่านตา เป็นต้น แม้ว่าอาจจะดูว่ากลุ่มลูกค้าทั่วไปจะใช้งานน้อยลง แต่แนวโน้มกลับพบว่า ลูกค้าองค์กรจะใช้งานมากขึ้น โดยมีผลมาจากนโยบาย Digital Economy ที่ช่วยผลักดันให้องค์กร หรือ เอสเอ็มอี มีการซื้อพีซีเข้ามาทำงานมากขึ้น
ด้านนายณัฐชนน บุญสอน นักวิเคราะห์ ไอดีซี ประเทศไทย กล่าวว่า การเติบโตของตลาดสมาร์ทโฟนในช่วงปี 2558-2559 เริ่มช้าลง เพราะคนไทยส่วนใหญ่ใช้สมาร์ทโฟนแล้ว ไม่เหมือนช่วงแรกที่คนเปลี่ยนจากฟีเจอร์โฟน เป็นสมาร์ทโฟน จึงทำให้การเติบโตสูง ทว่ากลับพบว่าตลาดฟีเจอร์โฟนกลับมีแนวโน้มเติบโตขึ้น เพราะราคาที่ถูกลง
อย่างไรก็ตาม ภายในสิ้นปีนี้คนไทยจะต้องการใช้งานสมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอใหญ่ระดับ 5-5.5 นิ้ว และแนวโน้มราคาเฉลี่ยในการซื้อสมาร์ทโฟนจะสูงขึ้น จากเฉลี่ยเครื่องละ 5,900 บาท ในปีนี้ เป็น 6,500 บาท ในปีหน้า และในปี 2563 จะเพิ่มเป็น 8,000 บาท เหตุผลมาจากคนมีประสบการณ์การใช้งานสมาร์ทโฟนเครื่องแรกแล้ว ก็ต้องการซื้อเครื่องที่มีสเปกสูง และราคาสูงขึ้น เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่มากขึ้น






________________________________________________

ไอดีซี ชี้หมดยุคแท็บเล็ตแล้ว

นายจาริตร์ สิทธุ ผู้จัดการฝ่ายงานวิจัยตลาดไคลเอนด์ ดีไวซ์ และหัวหน้านักวิเคราะห์ ไอดีซี ประเทศไทย

ไอดีซี เผยผลสำรวจตลาดพีซี พบยังทรงตัว แต่ราคาเฉลี่ยต่อเครื่องสูงขึ้น ขณะที่ตลาดสมาร์ทโฟนเริ่มชะลอตัว เหตุคนส่วนใหญ่มีสมาร์ทโฟนมากขึ้น ส่วนแท็บเล็ตเกือบเจ๊ง หลังพบตัวเลขลดลงฮวบ สวนทาง Wearables แนวโน้มฮิต ติดชาร์จ
นายจาริตร์ สิทธุ ผู้จัดการฝ่ายงานวิจัยตลาดไคลเอนด์ ดีไวซ์ และหัวหน้านักวิเคราะห์ ไอดีซี ประเทศไทย เปิดเผยผลวิเคราะห์ ตลาดคอมพิวเตอร์ทั้งคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ และโน้ตบุ๊ก ว่าอีก 2 ปีข้างหน้า แบรนด์คอมพิวเตอร์จะหายไปจากตลาดในประเทศไทย 2 แบรนด์ แม้การเติบโตของตลาดจะยังทรงตัวอยู่ โดยจำนวนตลาดรวมพีซี ปี 2558 อยู่ที่ 2.5 ล้านเครื่อง ขณะที่ปี 2559 ลดลงเหลือจำนวน 2.4 ล้านเครื่อง แต่กลับพบว่ามูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นจากปี 2558 มีมูลค่า 49,000 ล้านบาท เป็น 52,000 ล้านบาท ในปี 2559 ซึ่งราคาเฉลี่ยต่อเครื่องเพิ่มขึ้นจาก 19,000 บาท ในปีที่แล้ว เป็น 22,000 บาท ในปีนี้
ดังนั้น ตลาดพีซียังไม่หายไปจากประเทศไทย แต่พีซีจะเปลี่ยนบทบาทการทำงาน เพื่อให้ทำตลาดในราคาที่สูงขึ้นได้ เช่น มีเทคโนโลยีหน้าจอ 4K เป็นอุปกรณ์ไวร์เลส สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้ แบตเตอรี่อยู่นานขึ้น มีการนำเทคโนโลยีเซ็นเซอร์เพื่อความปลอดภัยมาใส่ในเครื่องพีซีมากขึ้น เช่น ระบบสแกนม่านตา เป็นต้น แม้ว่าอาจจะดูว่ากลุ่มลูกค้าทั่วไปจะใช้งานน้อยลง แต่แนวโน้มกลับพบว่า ลูกค้าองค์กรจะใช้งานมากขึ้น โดยมีผลมาจากนโยบาย Digital Economy ที่ช่วยผลักดันให้องค์กร หรือ เอสเอ็มอี มีการซื้อพีซีเข้ามาทำงานมากขึ้น
ด้านนายณัฐชนน บุญสอน นักวิเคราะห์ ไอดีซี ประเทศไทย กล่าวว่า การเติบโตของตลาดสมาร์ทโฟนในช่วงปี 2558-2559 เริ่มช้าลง เพราะคนไทยส่วนใหญ่ใช้สมาร์ทโฟนแล้ว ไม่เหมือนช่วงแรกที่คนเปลี่ยนจากฟีเจอร์โฟน เป็นสมาร์ทโฟน จึงทำให้การเติบโตสูง ทว่ากลับพบว่าตลาดฟีเจอร์โฟนกลับมีแนวโน้มเติบโตขึ้น เพราะราคาที่ถูกลง
อย่างไรก็ตาม ภายในสิ้นปีนี้คนไทยจะต้องการใช้งานสมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอใหญ่ระดับ 5-5.5 นิ้ว และแนวโน้มราคาเฉลี่ยในการซื้อสมาร์ทโฟนจะสูงขึ้น จากเฉลี่ยเครื่องละ 5,900 บาท ในปีนี้ เป็น 6,500 บาท ในปีหน้า และในปี 2563 จะเพิ่มเป็น 8,000 บาท เหตุผลมาจากคนมีประสบการณ์การใช้งานสมาร์ทโฟนเครื่องแรกแล้ว ก็ต้องการซื้อเครื่องที่มีสเปกสูง และราคาสูงขึ้น เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่มากขึ้น
แต่ทั้งนี้ ก็ยังมีความกังวลว่าช่องทางจำหน่ายของผู้ประกอบการต้องมีการปรับตัวด้วย เหตุจากผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ (โอเปอเรเตอร์) หันมาทำตลาดสมาร์ทโฟนเองมากขึ้น มีการลดแลก แจกแถม ซึ่งปัจจุบัน ตลาดสมาร์ทโฟนมีจำนวน 23 ล้านเครื่อง แต่กลับพบว่าสัดส่วนเกินครึ่งมาจากการแจกเครื่องของโอเปอเรเตอร์ นอกจากนี้ ช่องทางออนไลน์ก็เริ่มได้รับความนิยมในการซื้อขายของผู้บริโภคมากขึ้นด้วย
นายณัฐชนน กล่าวต่อว่า เมื่อสมาร์ทโฟนมีแนวโน้มว่าจะกลายเป็นฮับของอุปกรณ์ต่างๆ ทำให้ตลาดแท็บเล็ตเติบโตลดลงอย่างมาก ทั้งนี้ เมื่อเทียบตัวเลขจากปี 2557 แท็บเล็ตมีการเติบโตสูงสุด โดยพบว่ามีตลาดรวมอยู่ที่ 3.15 ล้านเครื่อง แต่ในปี 2559 คาดว่าจะเหลือเพียง 8.5 แสนเครื่อง คิดเป็นมูลค่า 7,300 ล้านบาท เท่านั้น
ส่วนอุปกรณ์ที่กำลังมาแรง คือ Wearables ซึ่งไอดีซี เพิ่งสำรวจตลาดในปีนี้ พบว่าตลาด Basic Wearables ครึ่งปีแรกของปีนี้มีจำนวน 2 แสนเครื่อง คิดเป็นมูลค่า 930 ล้านบาท และ Smart Wearables ครึ่งปีแรกของปีนี้มีจำนวน 45,000 เครื่อง คิดเป็นมูลค่า 630 ล้านบาท

http://www.manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9590000087682&utm_source=MadMimi&utm_medium=email&utm_content=MGR+Morning+Brief+2-9-59&utm_campaign=20160901_m134076675_MGR+Morning+Brief+2-9-59&utm_term=_E0_B9_84_E0_B8_AD_E0_B8_94_E0_B8_B5_E0_B8_8B_E0_B8_B5+_E0_B8_8A_E0_B8_B5_E0_B9_89_E0_B8_AB_E0_B8_A1

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.