28 ธันวาคม 2559 ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งกำหนดมาตรการบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา ไม่ให้ กสทช. บีบ จ่ายค่าค้ำประกันของ ธนาคาร กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กรณี บ.ไทยทีวี ฟ้อง กสทช.

ประเด็นหลัก

ส่วนที่ศาลกำหนดมาตรการบรรเทาทุกข์ชั่วคราวดังกล่าว ระบุว่า การที่ กสทช. เรียกให้ธนาคารกรุงเทพ ชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตคลื่นความถี่แทนบริษัทไทยทีวี ย่อมส่งผลกระทบต่อหลักทรัพย์ที่บริษัทไทยทีวีได้นำไปค้ำประกันไว้ คืออาคารสำนักงานและโรงแรม อันเป็นสถานที่ประกอบธุรกิจของบริษัทไทยทีวี หากมีการบังคับเอากับหลักประกันดังกล่าว จะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อธุรกิจของบริษัทฯ ทำให้ธุรกิจขาดความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะการขอสินเชื่อธนาคารเพื่อขยายธุรกิจ และในชั้นไต่สวนมีเหตุอันควรเชื่อว่า กสทช.จะมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมใบอนุญาตในงวดต่อๆ ไปจนครบทั้ง 16 ฉบับ แม้จะเลิกสัญญากันแล้ว แต่บริษัทยังคงผูกพันที่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมดังกล่าวทั้งหมด 1,328,000,000 บาท ซึ่งในคำฟ้องต่อศาล บริษัทได้ขอให้ฃกสทช.คืนหนังสือค้ำประกันของธนาคารกรุงเทพ จำนวน 16 ฉบับด้วย ดังนั้น หากให้มีการบังคับเอาหลักประกันดังกล่าว ย่อมทำให้บริษัทได้รับความเดือดร้อนเสียหายยากเยียวยาได้ภายหลัง อีกทั้งการที่ธนาคารกรุงเทพยังไม่จ่ายเงินตามสัญญาค้ำประกันให้กับกสทช. ไม่ปรากฎหลักฐานว่าจะมีผลกระทบต่อการจัดทำบริการสาธารณะของ กสทช.แต่อย่างใด จึงมีเหตุผลเพียงพอที่ศาลจะมีคำสั่งให้ กสทช.ระงับการดำเนินการใด ๆ เพื่อบังคับตามหนังสือค้ำประกันของธนาคารกรุงเทพไว้เป็นการชั่วคราว

____________________________________________

"ติ๋มทีวีพูล"ใจชื้น ศาลปค.สั่งกสทช.ห้ามบีบธ.กรุงเทพจ่ายค่าธรรมเนียมใช้คลื่นดิจิตอลแทนบ.ไทยทีวี ชี้อาจส่งผลให้ธนาคารไปบังคับเอาสำนักงาน-โรงแรม ที่บริษัทค้ำไว้กับธนาคาร ทำให้เสียหาย ยากเยียวยาภายหลังได้

19 ธ.ค. 59 ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งกำหนดมาตรการบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา โดยสั่งไม่ให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ดำเนินการใด ๆ เพื่อบังคับตามหนังสือค้ำประกันของ ธนาคาร กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ที่ค้ำประกันให้กับบริษัท ไทยทีวี ผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล เลขที่ 02118140000101 ถึง 02118140000116 ลงวันที่ 10 ก.พ. 57 จำนวน 16 ฉบับ ตามเงื่อนไขแนบท้ายใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ เลขที่ B1-S20031-0017-57 และเลขที่  B1-S20031-0024-57 ลงวันที่ 25 เม.ย. 57 ในงวดที่เหลือไว้จนกว่าจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น

ทั้งนี้ คดีดังกล่าวเนื่องจาก บริษัท ไทยทีวี โดยนางพันธุ์ทิพา ศกุตนต์ไชย หรือ ติ๋ม ทีวีพูล ได้ยื่นฟ้อง กสทช. ต่อศาลปกครอง หลัง กสทช.แจ้งเพิกถอนใบอนุญาต ขอให้เพิกถอนคำสั่ง กสทช.ที่สั่งให้ชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ งวดที่ 2 ลงวันที่ 28 พ.ค. 58 ให้การทำสัญญาประมูลคลื่นความถี่สิ้นสุดลง และระหว่างศาลพิจารณาคดี ขอให้ศาลกำหนดมาตรการบรรเทาทุกข์ชั่วคราว ก่อนมีคำพิพากษาสั่งห้าม กสทช.เรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมการใช้คลื่นความถี่ทั้งสองช่องรายการของบริษัท ในงวดที่ 3-6 พร้อมภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ศาลยกคำขอ โดย บริษัทฯ ก็ไม่ยอมจ่ายเงินดังกล่าวต่อ กสทช. ทำให้ กสทช. มีหนังสือถึงธนาคารกรุงเทพ ในฐานะผู้ค้ำประกัน ขอให้มีการชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตงวด 3-6 แทน บริษัท ไทยทีวี ซึ่งธนาคารก็ได้ชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตงวดที่ 2 ให้ กสทช. จำนวน 288,472,000 บาท ทำให้ธนาคารมาไล่เบี้ยเอากับหลักทรัพย์ค้ำประกัน ที่ บริษัท ไทยทีวี ให้ไว้กับธนาคาร ทาง บริษัท ไทยทีวี จึงได้ร้องต่อศาลอีกครั้ง

ส่วนที่ศาลกำหนดมาตรการบรรเทาทุกข์ชั่วคราวดังกล่าว ระบุว่า การที่ กสทช. เรียกให้ธนาคารกรุงเทพ ชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตคลื่นความถี่แทนบริษัทไทยทีวี ย่อมส่งผลกระทบต่อหลักทรัพย์ที่บริษัทไทยทีวีได้นำไปค้ำประกันไว้ คืออาคารสำนักงานและโรงแรม อันเป็นสถานที่ประกอบธุรกิจของบริษัทไทยทีวี หากมีการบังคับเอากับหลักประกันดังกล่าว จะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อธุรกิจของบริษัทฯ ทำให้ธุรกิจขาดความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะการขอสินเชื่อธนาคารเพื่อขยายธุรกิจ และในชั้นไต่สวนมีเหตุอันควรเชื่อว่า กสทช.จะมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมใบอนุญาตในงวดต่อๆ ไปจนครบทั้ง 16 ฉบับ แม้จะเลิกสัญญากันแล้ว แต่บริษัทยังคงผูกพันที่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมดังกล่าวทั้งหมด 1,328,000,000 บาท ซึ่งในคำฟ้องต่อศาล บริษัทได้ขอให้ฃกสทช.คืนหนังสือค้ำประกันของธนาคารกรุงเทพ จำนวน 16 ฉบับด้วย ดังนั้น หากให้มีการบังคับเอาหลักประกันดังกล่าว ย่อมทำให้บริษัทได้รับความเดือดร้อนเสียหายยากเยียวยาได้ภายหลัง อีกทั้งการที่ธนาคารกรุงเทพยังไม่จ่ายเงินตามสัญญาค้ำประกันให้กับกสทช. ไม่ปรากฎหลักฐานว่าจะมีผลกระทบต่อการจัดทำบริการสาธารณะของ กสทช.แต่อย่างใด จึงมีเหตุผลเพียงพอที่ศาลจะมีคำสั่งให้ กสทช.ระงับการดำเนินการใด ๆ เพื่อบังคับตามหนังสือค้ำประกันของธนาคารกรุงเทพไว้เป็นการชั่วคราว