AIS ชี้การถ่ายทอดสดบอลโลก!! ต้องออกอากาศได้ตามกฏ Must Carry - TRUE แจ้ง พบสัญญาณของไทยไปออกอากาศที่พม่า
บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) หรือ เอไอเอส แจ้งว่า ตามที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้มีประกาศ เรื่องหลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สําคัญที่ให้เผยแพร่ได้เฉพาะในบริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป (Must Have)ได้กําหนดรายการโทรทัศน์ 7 ประเภทที่ต้องออกอากาศผ่านฟรีทีวี ได้แก่ การแข่งขันกีฬาซีเกมส์, เอเชียนเกมส์, กีฬาโอลิมปิค และการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย เป็นต้น และประกาศเรื่อง หลักเกณฑ์การเผยแพร่กิจการโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไป(Must Carry)ได้กําหนดให้ผู้ให้บริการโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิกที่มีโครงข่ายเป็นของตนเองมีหน้าที่ต้องให้สมาชิกได้รับชมรายการโทรทัศน์ที่ออกอากาศเป็นการทั่วไป หรือ Free TV ได้โดยตรงอย่างต่อเนื่อง และไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทําซ้ํา ดัดแปลง ผังรายการหรือเนื้อหารายการ โดยประกาศทั้ง 2 ฉบับคํานึงถึงประโยชน์ของประชาชนชาวไทยเป็นสิ่งสําคัญ เพื่อให้ประชาชนคนไทยทุกคนสามารถรับชมการเผยแพร่รายการกีฬาที่สําคัญของโลกได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม
บริษัท ซุปเปอร์ บรอดแบนด์ เน็ทเวอร์ค จํากัด (SBN) บริษัทในเครือของบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จํากัด (มหาชน)หรือ เอไอเอส ในฐานะผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียง หรือโทรทัศน์ เพื่อให้บริการโครงข่ายกิจการกระจายเสียง หรือโทรทัศน์ สําหรับกิจการที่ไม่ใช้คลื่นความถี่ จึงเป็นหน้าที่ที่บริษัทฯต้องปฏิบัติตามประกาศกสทช.ดังกล่าว โดยได้ดําเนินการนําสัญญาณโทรทัศน์จากช่อง Free TV ทุกช่อง รวมถึงรายการการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ที่ออกอากาศจากทั้ง 3 ช่อง ได้แก่ ช่อง 5 HD ,ช่อง True4U และอมรินทร์ทีวี ช่อง34 ผ่าน AIS PLAY และกล่อง AIS PLAYBOX เนื่องจากเป็นรายการสําคัญที่ระบุไว้ในประกาศ Must Have และ บริษัทต้องดําเนินการถ่ายทอดตามประกาศ Must Carry
ก่อนหน้าที่บริษัทฯจะนําสัญญาณโทรทัศน์ดังกล่าวมาเผยแพร่นั้น บริษัทฯ มีความกังวลเกี่ยวกับกฏหมายด้านลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2018 จากช่อง Free TV จึงได้ทําหนังสือหารือแนวทางการดําเนินการไปยังสํานักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.)ว่าบริษัทฯยังคงมีหน้าที่ต้องนํารายการโทรทัศน์ที่เผยแพร่ของช่อง Free TV ทั้งหมดมาเผยแพร่ตามประกาศฯ กสทช. หรือไม่ โดยทางกสทช.ได้ตอบข้อหารือถึงแนวทางการดําเนินการดังกล่าวใน 2 ประเด็น คือ
1.บริษัทฯ มีหน้าที่ปฏิบัติตามประกาศของ กสทช.โดยให้สมาชิกได้รับบริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไปได้โดยตรงอย่างต่อเนื่อง และไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทําซ้ํา ดัดแปลง ผังรายการหรือเนื้อหารายการเพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิของประชาชนให้สามารถเข้าถึงบริการข้อมูล ข่าวสารสาระที่มีประโยชน์อย่างเท่าเทียมและทั่วถึงในทุกช่องทาง
2.บริษัทฯต้องตรวจสอบ และควบคุมการออกอากาศการให้บริการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป ให้ออกอากาศเฉพาะในประเทศไทย
ทั้งนี้ การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกในครั้งนี้บริษัทฯ ไม่ได้รับผลประโยชน์อย่างใดเนื่องจากไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือดัดแปลงเนื้อหารายการใดๆทั้งสิ้นเป็นเพียงแต่ผู้เผยแพร่เพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้มีความสุขกับการได้รับชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2018 ตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของประกาศ Must Have และ Must Carry เพียงเท่านั้น
และเมื่อได้ออกอากาศการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 มาตั้งแต่ต้นจนถึง วันที่ 27 มิถุนายน 2561 แล้วนั้น บริษัทฯมีความจําเป็นต้องยุติการออกอากาศการแข่งขันดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน 2561 เวลา 17.00 น.เป็นต้นไป เนื่องจากศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ได้มีคําสั่งให้บริษัทยุติ การเผยแพร่รายการดังกล่าวตามที่ บริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จํากัด ได้ร้องขอต่อศาลไว้
เหตุการณ์นี้ ส่งผลให้ลูกค้าแอป AIS PLAY และกล่อง AIS PLAYBOX จํานวนมากไม่สามารถรับชมการถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ได้อีกต่อไปตามที่บริษัทฯ ต้องปฏิบัติตามคําสั่งศาล ในขณะเดียวกัน บริษัทฯ ก็จะตกอยู่ในฐานะของผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามประกาศกสทช.ดังนั้นปัญหาที่เกิดขึ้นจึงเป็นประเด็นที่ทุกฝ่ายทั้งภาครัฐ และเอกชนควรหารือร่วมกัน เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติของผู้ประกอบการ ไม่ก่อให้เกิดปัญหาต่ออุตสาหกรรมโทรทัศน์ในอนาคตต่อไป ตลอดจนคุ้มครองสิทธิของประชาชนในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่ออกอากาศทางช่อง Free TV
กสทช. ประชุมร่วม ทรู วิชั่น ผู้ให้บริการโครงข่าย และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง กําหนดแนวทางเพื่อป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอล 2018 รอบสุดท้าย เพื่อให้คนไทยสามารถรับชมฟุตบอลโลก 2018 ได้จนถึงนัดชิงชนะเลิศ หลัง FIFA ตรวจพบการรับสัญญาณถ่ายทอดสดได้ที่ประเทศเมียนมา ผศ.ดร. ภักดี มะนะเวศ รองเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ สายงานกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ (รองเลขาธิการ กสทช. สายงานกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์) เปิดเผยว่า ตามที่สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ FIFA ได้มีหนังสือถึงสํานักงาน กสทช. แจ้งว่า FIFA ตรวจพบว่ากล่องรับสัญญาณโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมของไทยสามารถรับชมรายการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2018 ได้ที่ประเทศเมียนมา จึงขอให้สํานักงาน กสทช. มีมาตรการควบคุมไม่ให้การถ่ายทอดสดรายการดังกล่าว สามารถรับชมได้ในต่างประเทศ วันนี้ (4 ก.ค. 2561) สํานักงาน กสทช. จึงได้เชิญบริษัท ทรู วิชั่น กรุ๊ป จํากัด บริษัท ทีซี บรอดคาสติ้ง จํากัด PSI IPM ผู้ให้บริการโครงข่ายฯ และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ประชุมหารือแนวทางแก้ไขป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอล 2018 รอบสุดท้าย สรุปเป็นแนวทางดําเนินการ โดยจะมีการเปลี่ยนแปลงรหัส (BISS KEY) ประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนที่จะมีการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลกในทุกวันที่มีการแข่งขัน สํานักงาน กสทช. จึงขอแจ้งให้ประชาชนได้รับทราบว่า หลังจากวันนี้ ก่อนจะมีการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอล 2018 รอบสุดท้าย จะมีตัววิ่งที่หน้าจอโทรทัศน์บอกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงรหัส (BISS KEY) หลังจากนั้นขอให้ประชาชนถอดปลั๊กกล่องรับสัญญาณโทรทัศน์ และเสียบปลั๊กใหม่ หรือ กรณีที่ประชาชนไม่สามารถรับชมได้ก็ขอให้ประชาชนถอดปลั๊กกล่องรับสัญญาณโทรทัศน์ และเสียบปลั๊กใหม่ เพื่อให้กล่องดําเนินการปรับปรุงรหัสอัตโนมัติ (OTA) เมื่อถึงเวลาถ่ายทอดสดประชาชนก็จะสามารถรับชมการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ตามตารางได้ตามปกติ แต่หากประชาชนพบปัญหาไม่สามารถรับชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกได้ ขอให้ประชาชนโทรแจ้งปัญหาที่ Call Center ของผู้ให้บริการกล่องรับสัญญาณโทรทัศน์ที่ประชาชนใช้บริการอยู่เพื่อขอรับคําแนะนําการแก้ไขทางเทคนิคเพื่อให้สามารถรับชมได้ตามปกติ "การที่ต้องเข้ารหัสดังกล่าว เพื่อป้องกันกล่องรับสัญญาณโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมของไทยที่อยู่ในต่างประเทศสามารถรับชมรายการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้ายได้ เพื่อไม่ให้เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของ FIFA ที่ให้ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้ายได้เฉพาะในประเทศไทย เพื่อให้ประชาชนคนไทย สามารถรับชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายได้จนจบ" ผศ.ดร. ภักดี กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น: