Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

10 เมษายน 2556 อุปกรณ์เสริมไทย สู้ สินค้าจีน ++ แบรนด์ "วอกซ์" เปิดเผยว่า ต้องการส่วนแบ่งเป็น 20% ปรับลดราคาสู้ (เชื่อ3Gทำรายได้ปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 1 พันล้านบาท)


ประเด็นหลัก




"สินค้าจีนขาย 150-170 บาท เราขาย190 บาท หรือที่ใช้ลายที่วาดโดยศิลปินไทย เช่น ซีรีส์หม่อมโตลด 25% เพื่อให้แข่งขันได้มากขึ้น ปัจจุบันวอกซ์มีส่วนแบ่ง 10-12% เป็น 1 ใน 5 แบรนด์อันดับแรกที่ขายสินค้ามีลิขสิทธิ์ ปีนี้คาดว่าตลาดรวมจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 6 พันล้านบาท เราตั้งเป้าผลักดันมาร์เก็ตแชร์เป็น 20% แม้ตลาดนี้หลัก ๆ มาจากสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ถึง 70%"

การเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็น 20% นอกจากทำโดยลดราคา และซื้อไลเซนส์เพิ่มแล้ว ยังจะเพิ่มไลน์สินค้าให้ใช้ได้กับโทรศัพท์มือถือหลายรุ่นมากขึ้น รวมถึงแตกไลน์ออกไปทำสินค้าฟิล์มกันรอยแฟชั่น และลงทุนไปกว่า 75 ล้านบาท ขยายจุดบริการ 300 แห่งทั่วประเทศ

สำหรับรายได้ปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 1 พันล้านบาท โตเท่าตัวจากปีที่แล้วทำได้ 500 ล้านบาท เนื่องจากการเปลี่ยนผ่านไปสู่ 3G ในกลางปีนี้ผลักดันให้ผู้บริโภคซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้เป็นโอกาสทางธุรกิจของบริษัท เพราะคนไทยจำนวนมากยังใช้ฟีเจอร์โฟน



สำหรับรายได้ปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 1 พันล้านบาท โตเท่าตัวจากปีที่แล้วทำได้ 500 ล้านบาท เนื่องจากการเปลี่ยนผ่านไปสู่ 3G ในกลางปีนี้ผลักดันให้ผู้บริโภคซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้เป็นโอกาสทางธุรกิจของบริษัท เพราะคนไทยจำนวนมากยังใช้ฟีเจอร์โฟน



_____________________________________



ตลาดอุปกรณ์เสริมแข่งทะลุเดือด แบรนด์ดังลุยดัมพ์ราคาสู้สินค้าจีนชิงเค้ก6พันล้าน


ตลาดอุปกรณ์เสริมสมาร์ทดีไวซ์แข่งเลือดสาด สินค้าจีนราคาถูกท่วมตลาด "วอกซ์"อั้นไม่อยู่ยอมปรับลดราคายกแผง 25-50% ขยายฐานลงตลาดกลางถึงล่าง ตั้งเป้าโกยมาร์เก็ตแชร์ 20% จากตลาดรวม 6 พันล้านบาท ขึ้นท็อปไฟฟ์ดันรายได้แตะ 1 พันล้านบาท

นายพีรศักดิ์ ทองนรินทร์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซีแมช คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์เสริมโทรศัพท์มือถือ ภายใต้แบรนด์ "วอกซ์" เปิดเผยว่า มีอุปกรณ์เสริมโทรศัพท์มือถือละเมิดลิขสิทธิ์จากประเทศจีนจำนวนมากเข้ามาทำตลาดในเมืองไทย ทั้งเคส, ฟิล์ม และแบตเตอรี่พกพาหรือพาวเวอร์แบงก์ที่สกรีนหรือติดสติ๊กเกอร์ลวดลายการ์ตูนดิสนีย์, สนูปปี้ หรือรูปแบบอื่น ๆ

ราคาถูกกว่าของจริงเกือบเท่าตัว เริ่มต้นตั้งแต่หลักร้อยบาท ทำให้ผู้ที่ซื้อลิขสิทธิ์มาผลิตสินค้าไม่สามารถแข่งขันได้ เพราะราคาแพงกว่ามากโดย "วอกซ์" ประสบปัญหาเดียวกัน ปัจจุบันเซ็นสัญญากับค่ายการ์ตูนทั้งดิสนีย์, มาร์เวล และสนูปปี้ เกือบ 20 ไลเซนส์

ปีนี้จะเพิ่มอีก 8 ไลเซนส์ รวมแล้วมีลวดลายที่ทำตลาดได้ 25 ไลเซนส์ ซึ่งราคาขายส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 800 บาทขึ้นไป แต่ถ้ายังคงราคาเดิมคงแข่งกับสินค้าจีนไม่ได้ จึงตัดสินใจลดราคาลงกว่า 50% ตั้งแต่ไตรมาสแรกที่ผ่านมา เพราะเป็นทางออกที่ดีที่สุด นอกจากขายได้มากขึ้น ยังเจาะตลาดล่างซึ่งไม่เคยลงไปมาก่อน แต่การลดราคากำไรก็ลด จึงต้องขายจำนวนมากขึ้น

"สินค้าจีนขาย 150-170 บาท เราขาย190 บาท หรือที่ใช้ลายที่วาดโดยศิลปินไทย เช่น ซีรีส์หม่อมโตลด 25% เพื่อให้แข่งขันได้มากขึ้น ปัจจุบันวอกซ์มีส่วนแบ่ง 10-12% เป็น 1 ใน 5 แบรนด์อันดับแรกที่ขายสินค้ามีลิขสิทธิ์ ปีนี้คาดว่าตลาดรวมจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 6 พันล้านบาท เราตั้งเป้าผลักดันมาร์เก็ตแชร์เป็น 20% แม้ตลาดนี้หลัก ๆ มาจากสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ถึง 70%"

การเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็น 20% นอกจากทำโดยลดราคา และซื้อไลเซนส์เพิ่มแล้ว ยังจะเพิ่มไลน์สินค้าให้ใช้ได้กับโทรศัพท์มือถือหลายรุ่นมากขึ้น รวมถึงแตกไลน์ออกไปทำสินค้าฟิล์มกันรอยแฟชั่น และลงทุนไปกว่า 75 ล้านบาท ขยายจุดบริการ 300 แห่งทั่วประเทศ

สำหรับรายได้ปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 1 พันล้านบาท โตเท่าตัวจากปีที่แล้วทำได้ 500 ล้านบาท เนื่องจากการเปลี่ยนผ่านไปสู่ 3G ในกลางปีนี้ผลักดันให้ผู้บริโภคซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้เป็นโอกาสทางธุรกิจของบริษัท เพราะคนไทยจำนวนมากยังใช้ฟีเจอร์โฟน

นายพีรศักดิ์กล่าวต่อว่า บริษัทมีอุปกรณ์เสริมสำหรับคอมพิวเตอร์ด้วย แต่ภาพรวมซบเซาเหมือนตลาดคอมพิวเตอร์ ทำให้มูลค่าตลาดอุปกรณ์เสริมประเภทนี้โตเพียง 20% มีมูลค่าใกล้เคียงอุปกรณ์เสริมโทรศัพท์มือถือที่ 6 พันล้านบาท ทำให้บริษัทต้องวางแผนบริหารระบบคลังสินค้าใหม่ โดยสต๊อกของ และผลิตแค่เพียงพอต่อการจำหน่าย ส่วนสินค้ากลุ่มแฟชั่น เช่น เคส และฟิล์มกันรอยจะสั่งผลิตจำนวนมากรองรับการเติบโตของตลาด

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1365581498&grpid=&catid=06&subcatid=0603

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.