11 เมษายน 2556 เน็ตแอพ (ประเทศไทย) ชี้ ภาพรวมตลาดระบบจัดเก็บข้อมูล หรือ สตอเรจ ปีนี้ ติดลบประมาณ 3% โดยมีมูลค่าประมาณ 3,420 ล้านบาท
ประเด็นหลัก
นายวีระ อารีรัตนศักดิ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เน็ตแอพ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าภาพรวมตลาดระบบจัดเก็บข้อมูล หรือ สตอเรจ ปีนี้มีการชะลอตัวลง โดยบริษัทวิจัย ไอดีซี ประเมินว่าตลาดจะติดลบประมาณ 3% โดยมีมูลค่าประมาณ 114 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 3,420 ล้านบาท (คิดที่ 30 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งปัจจัยที่ทำตลาดชะลอตัวมาจากตัวเลขตลาดระบบจัดเก็บข้อมูลแบบภายใน หรือ อินเทอร์นัลสตอเรจที่ลดลง อย่างไรก็ตามในส่วนระบบจัดเก็บข้อมูลภายนอก หรือ เอ็กซ์เตอร์นอล มีแนวโน้มการเติบโตขึ้น
ได้รวมปี 2555 เพิ่มขึ้นจากปี 2554 ประมาณ 25.3%
"ปริมาณข้อมูลขององค์กรยังมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้น ขณะที่ความต้องการสตอเรจของลูกค้าไม่ได้ลดลง แต่แนวโน้มการลงทุนของลูกค้าเปลี่ยนไป โดยเดิมลูกค้าอาจเลือกลงทุนเครื่องแม่ข่าย หรือ เซิร์ฟเวอร์ หรือ เลือกระบบจัดเก็บข้อมูล รวมไปถึงระบบเครือข่าย ที่เป็นแบรนด์เดียวกันทั้งหมด แต่ขณะนี้ความต้องการลูกค้าเปลี่ยน โดยเลือกลงทุนระบบที่ดีสุดของผู้ผลิตแต่ละรายแล้วนำมาเชื่อมโยง หรือ อินทริเกตกัน"
สำหรับทิศทางของบริษัทจะมุ่งขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าธนาคาร ธุรกิจโทรคมนาคม ที่จำเป็นต้องมีการลงทุนสตอเรจ เพื่อรองรับบริการ 3 จี กลุ่มภาคการผลิต และอุตสาหกรรมรถยนต์ โดยเฉพาะลูกค้าญี่ปุ่น ที่ขยายการลงทุนเข้ามาในไทยมากขึ้น โดยจะเข้าช่วยให้ลูกค้าไปสู่ดาต้าเซ็นเตอร์แบบอนาคตที่มีการใช้งานโครงสร้างพื้นฐานเสมือนจริงร่วมกัน ซึ่งเป็นรากฐานอันสำคัญจะนำองค์กรต่างๆไปสู่ คลาวด์ คอมพิวติ้ง และต้องการช่วยวางรากฐานให้ลูกค้า เพื่อให้ในแต่ละองค์กรสามารถดำเนินการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและได้รับประโยชน์สูงสุดจากความคล่องตัวที่เกิดจากการโครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน รวมถึงการใช้ ยูนิไฟล์ สตอเรจ ของเน็ตแอพ
_____________________________________
เน็ตแอพชี้ตลาดสตอเรจหด
เน็ตแอพ เผยตัวเลขรวมตลาดระบบจัดเก็บข้อมูลปี 56 ส่อแววหดตัวลง หลังองค์กรปรับแนวการลงทุนระบบโครงสร้างพื้นฐานไอที เดินหน้าดันลูกค้าธนาคาร-โทรคม-บริษัทญี่ปุ่นสู่การพัฒนาดาต้าเซ็นเตอร์อนาคต-คลาวด์ คอมพิวติ้ง
นายวีระ อารีรัตนศักดิ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เน็ตแอพ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าภาพรวมตลาดระบบจัดเก็บข้อมูล หรือ สตอเรจ ปีนี้มีการชะลอตัวลง โดยบริษัทวิจัย ไอดีซี ประเมินว่าตลาดจะติดลบประมาณ 3% โดยมีมูลค่าประมาณ 114 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 3,420 ล้านบาท (คิดที่ 30 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งปัจจัยที่ทำตลาดชะลอตัวมาจากตัวเลขตลาดระบบจัดเก็บข้อมูลแบบภายใน หรือ อินเทอร์นัลสตอเรจที่ลดลง อย่างไรก็ตามในส่วนระบบจัดเก็บข้อมูลภายนอก หรือ เอ็กซ์เตอร์นอล มีแนวโน้มการเติบโตขึ้น
โดยข้อมูลจากไอดีซี ยังระบุว่าในไตรมาส 4 ปี 2555 ที่ผ่านมา บริษัทเป็นผู้ผลิตระบบจัดเก็บข้อมูลแบบภายนอกที่เติบโตเร็วสุด โดยมีรายได้เพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปี 2554 และมีรายได้รวมปี 2555 เพิ่มขึ้นจากปี 2554 ประมาณ 25.3%
"ปริมาณข้อมูลขององค์กรยังมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้น ขณะที่ความต้องการสตอเรจของลูกค้าไม่ได้ลดลง แต่แนวโน้มการลงทุนของลูกค้าเปลี่ยนไป โดยเดิมลูกค้าอาจเลือกลงทุนเครื่องแม่ข่าย หรือ เซิร์ฟเวอร์ หรือ เลือกระบบจัดเก็บข้อมูล รวมไปถึงระบบเครือข่าย ที่เป็นแบรนด์เดียวกันทั้งหมด แต่ขณะนี้ความต้องการลูกค้าเปลี่ยน โดยเลือกลงทุนระบบที่ดีสุดของผู้ผลิตแต่ละรายแล้วนำมาเชื่อมโยง หรือ อินทริเกตกัน"
สำหรับทิศทางของบริษัทจะมุ่งขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าธนาคาร ธุรกิจโทรคมนาคม ที่จำเป็นต้องมีการลงทุนสตอเรจ เพื่อรองรับบริการ 3 จี กลุ่มภาคการผลิต และอุตสาหกรรมรถยนต์ โดยเฉพาะลูกค้าญี่ปุ่น ที่ขยายการลงทุนเข้ามาในไทยมากขึ้น โดยจะเข้าช่วยให้ลูกค้าไปสู่ดาต้าเซ็นเตอร์แบบอนาคตที่มีการใช้งานโครงสร้างพื้นฐานเสมือนจริงร่วมกัน ซึ่งเป็นรากฐานอันสำคัญจะนำองค์กรต่างๆไปสู่ คลาวด์ คอมพิวติ้ง และต้องการช่วยวางรากฐานให้ลูกค้า เพื่อให้ในแต่ละองค์กรสามารถดำเนินการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและได้รับประโยชน์สูงสุดจากความคล่องตัวที่เกิดจากการโครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน รวมถึงการใช้ ยูนิไฟล์ สตอเรจ ของเน็ตแอพ
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=178116:2013-04-09-06-28-57&catid=123:2009-02-08-11-44-33&Itemid=491
ไม่มีความคิดเห็น: