11 เมษายน 2556 Truevision คาดสิ้นปี (แม้ไม่มีพีเมียร์ลีกอังกฤษ ) ลูกค้าทรูโน-เลจ โต30% // แพลทินัม โกลด์ ยอมส่วนลดค่าบริการ 100 บาทต่อเดือน รวม 1 ปี
ประเด็นหลัก
ผลสำรวจพบว่า คอนเทนต์ 2 อันดับแรกที่เลือกชม คือกีฬา ทั้งฟุตบอล กีฬากลางแจ้ง และภาพยนตร์สอดรับกับ "องอาจ ประภากมล" รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายคอมเมอร์เชียล บริษัท ทรูวิชั่นส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ "ทรูวิชั่นส์" ใช้พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นตัวนำตลาด สร้างฐานสมาชิกมาตลอด เมื่อไม่มีคอนเทนต์ดังกล่าว ทรูจึงต้องเดินหน้าสู่ความท้าทายครั้งใหม่ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
ท่ามกลางคำถามจากสมาชิกที่ว่า เมื่อไม่มีพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ทรูจะมีอะไรต่อไป จะมีคอนเทนต์ หรือเทคโนโลยีอะไรเข้ามาทดแทนบ้าง ล่าสุด ทรูออกมาประกาศปรับกลยุทธ์ดำเนินธุรกิจ 5 เรื่องหลัก ๆ ได้แก่
1.ด้านรายการ เดินหน้าหารายการคุณภาพ ทั้งในและต่างประเทศ ทั้งภาพยนตร์และกีฬา โดยเฉพาะกีฬา ได้เปิดตัว 3 ช่องใหม่ เอาต์ดอร์ ชาแนล, เอ็นบีเอ ทีวี และมอเตอร์วิชั่น
2.ด้านนวัตกรรม ปรับเพิ่มการส่งสัญญาณภาพระบบเอชดี จากปัจจุบัน 23 ช่อง เพิ่มเป็นมากกว่า 30 ช่อง ภายในไตรมาสที่ 3 ต่อด้วยการพัฒนาช่องทางการรับชมผ่านแอปพลิเคชั่น "ทรู เอนิแวร์" รับชมผ่านสมาร์ทโฟน และแท็บเลตพีซี 3.ด้านบริการ มุ่งให้บริการและดูแลสมัครสมาชิกด้วยคอลเซ็นเตอร์ "ทรูวิชั่นส์ แคร์ 24 ชั่วโมง"
4.ด้านสิทธิประโยชน์ มอบสิทธิพิเศษให้กับสมาชิกผ่านบัตรทรูวิชั่นส์ คลับสุดท้าย 5.ด้านแพ็กเกจ นำผลสำรวจความต้องการผู้บริโภคมาพัฒนา และปรับเป็นแพ็กเกจต่าง ๆ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม
คือ Premium ได้แก่ แพลทินัม เพิ่มช่องเอชดี จาก 6 ช่อง เป็น 17 ช่อง, โกลด์ เพิ่มช่องเอชดี จาก 3 ช่อง เป็น 16 ช่อง บวกกับบริการทรูวิชั่นส์ เอนิแวร์ แต่ถ้าสมาชิกรายไหนไม่ต้องการบริการดังกล่าว สามารถเปลี่ยนเป็นส่วนลดค่าบริการ 100 บาทต่อเดือน รวม 1 ปี
ขณะที่กลุ่ม Middle ช่วงปลายไตรมาส 2 นี้ ทรูจะรีแพ็กเกจ 2 แพ็ก เจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางให้แข็งแกร่งขึ้น ทั้งซูเปอร์สปอร์ตและซูเปอร์เอ็นเตอร์เทนเมนต์ที่เปิดตัวไปแล้วเมื่อปลายปีก่อน คาดว่าหลังจากเปิดตัวจะทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้เติบโตขึ้น 20%
สำหรับกลุ่ม Mass แบ่ง 2 รูปแบบ คือรายเดือน "ทรูโน-เลจ" และเติมเงิน (เพย์ เปอร์ วิว) คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีฐานสมาชิกแมสเพิ่ม 30% หรือประมาณ 1 แสนราย จากฐานสมาชิกปัจจุบัน 350,000 ราย
_____________________________________
เกมเสี่ยง "ทรู" หลังสิ้นพรีเมียร์ลีก รักษาฐานลูกค้าเก่า โจทย์เดิมที่ต้องแก้ให้จบ
เรียกว่าต้องออกแรงสร้างความชัดเจนให้เกิดขึ้นกับธุรกิจ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคอย่างเต็มที่ สำหรับเจ้าตลาด "ทรูวิชั่นส์" เพราะใกล้เวลาสิ้นสุดลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก 2012 เข้ามาทุกที
จากที่ผ่านมา "พรีเมียร์ลีก" คือแม่เหล็กสำคัญ สร้างตลาด "เพย์ทีวี" ขยายฐานสมาชิก สร้างการเติบโตให้กับธุรกิจมานับสิบปี แต่ไม่กี่เดือนข้างหน้า ลิขสิทธิ์การถ่ายทอดดังกล่าวจะสิ้นสุดลง พรีเมียร์ลีกตกอยู่ในมือ "ซีทีเอช" ที่จะมาร่วมช่วงถ่ายทอดสด 3 ฤดูกาลติดต่อกัน
เท่ากับว่าจากนี้แนวทางตลาดของทรูฯ ทั้งโหดและหิน ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ซึ่ง "อาณัติ เมฆไพบูลย์วัฒนา" กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรูวิชั่นส์ จำกัด (มหาชน) ตระหนักถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น ตั้งแต่เมื่อปลายปีก่อน ทรูวิชั่นส์จึงเดินหน้าสำรวจพฤติกรรม มุมมองสมาชิก และผู้บริโภคทั่ว ๆ ไป เพื่อนำผลที่ได้มาประเมินผล ก่อนนำมาจัดแพ็กเกจ เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคได้อย่างตรงใจ
ผลสำรวจพบว่า คอนเทนต์ 2 อันดับแรกที่เลือกชม คือกีฬา ทั้งฟุตบอล กีฬากลางแจ้ง และภาพยนตร์สอดรับกับ "องอาจ ประภากมล" รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายคอมเมอร์เชียล บริษัท ทรูวิชั่นส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ "ทรูวิชั่นส์" ใช้พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นตัวนำตลาด สร้างฐานสมาชิกมาตลอด เมื่อไม่มีคอนเทนต์ดังกล่าว ทรูจึงต้องเดินหน้าสู่ความท้าทายครั้งใหม่ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
ท่ามกลางคำถามจากสมาชิกที่ว่า เมื่อไม่มีพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ทรูจะมีอะไรต่อไป จะมีคอนเทนต์ หรือเทคโนโลยีอะไรเข้ามาทดแทนบ้าง ล่าสุด ทรูออกมาประกาศปรับกลยุทธ์ดำเนินธุรกิจ 5 เรื่องหลัก ๆ ได้แก่
1.ด้านรายการ เดินหน้าหารายการคุณภาพ ทั้งในและต่างประเทศ ทั้งภาพยนตร์และกีฬา โดยเฉพาะกีฬา ได้เปิดตัว 3 ช่องใหม่ เอาต์ดอร์ ชาแนล, เอ็นบีเอ ทีวี และมอเตอร์วิชั่น
2.ด้านนวัตกรรม ปรับเพิ่มการส่งสัญญาณภาพระบบเอชดี จากปัจจุบัน 23 ช่อง เพิ่มเป็นมากกว่า 30 ช่อง ภายในไตรมาสที่ 3 ต่อด้วยการพัฒนาช่องทางการรับชมผ่านแอปพลิเคชั่น "ทรู เอนิแวร์" รับชมผ่านสมาร์ทโฟน และแท็บเลตพีซี 3.ด้านบริการ มุ่งให้บริการและดูแลสมัครสมาชิกด้วยคอลเซ็นเตอร์ "ทรูวิชั่นส์ แคร์ 24 ชั่วโมง"
4.ด้านสิทธิประโยชน์ มอบสิทธิพิเศษให้กับสมาชิกผ่านบัตรทรูวิชั่นส์ คลับสุดท้าย 5.ด้านแพ็กเกจ นำผลสำรวจความต้องการผู้บริโภคมาพัฒนา และปรับเป็นแพ็กเกจต่าง ๆ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม
คือ Premium ได้แก่ แพลทินัม เพิ่มช่องเอชดี จาก 6 ช่อง เป็น 17 ช่อง, โกลด์ เพิ่มช่องเอชดี จาก 3 ช่อง เป็น 16 ช่อง บวกกับบริการทรูวิชั่นส์ เอนิแวร์ แต่ถ้าสมาชิกรายไหนไม่ต้องการบริการดังกล่าว สามารถเปลี่ยนเป็นส่วนลดค่าบริการ 100 บาทต่อเดือน รวม 1 ปี
ขณะที่กลุ่ม Middle ช่วงปลายไตรมาส 2 นี้ ทรูจะรีแพ็กเกจ 2 แพ็ก เจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางให้แข็งแกร่งขึ้น ทั้งซูเปอร์สปอร์ตและซูเปอร์เอ็นเตอร์เทนเมนต์ที่เปิดตัวไปแล้วเมื่อปลายปีก่อน คาดว่าหลังจากเปิดตัวจะทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้เติบโตขึ้น 20%
สำหรับกลุ่ม Mass แบ่ง 2 รูปแบบ คือรายเดือน "ทรูโน-เลจ" และเติมเงิน (เพย์ เปอร์ วิว) คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีฐานสมาชิกแมสเพิ่ม 30% หรือประมาณ 1 แสนราย จากฐานสมาชิกปัจจุบัน 350,000 ราย
ด้านหนึ่ง วันนี้ "ทรูวิชั่นส์" เปิดตัวแพ็กเกจและเสนอสิทธิพิเศษให้กับสมาชิก เพื่อทดแทนพรีเมียร์ลีก คอนเทนต์แม่เหล็กที่ขาดหายไป แต่ลึก ๆ ก็เปิดโอกาสและเตรียมเจรจากับผู้กุมลิขสิทธิ์รายใหม่
บริษัท เคเบิล ไทย โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือซีทีเอช ซึ่ง "อาณัติ" ย้ำเสมอว่า การเจรจาดังกล่าวต้องอยู่ในราคาที่เหมาะสม ที่มีหลากหลายปัจจัยประกอบการพิจารณา ทั้งคุณภาพของคู่แข่งขัน ปริมาณ และเทคโนโลยีการออกอากาศ
ขณะเดียวกัน ต้องยอมรับว่า แม้ทรูจะอ้างอิงผลสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อนำมาปรับแผนดำเนินธุรกิจ แต่เกมนี้ถือว่าทรูยังยืนอยู่บนความเสี่ยง เมื่อต้องบาลานซ์ให้ดีกับความคาดหวังของ
ผู้บริโภค เพราะที่ผ่านมา พรีเมียร์ลีกเป็นเอ็กซ์คลูชีฟคอนเทนต์ที่สมาชิกคาดหวัง ตลอดจนการสื่อสารทางการตลาดที่ผ่านมา ทรูเองก็ชูคอนเทนต์ดังกล่าวมาตลอด
ทว่าการแก้โจทย์ ทั้งการคัดสรรรายการคุณภาพใหม่ ๆ มานำเสนอ เพิ่มช่องเอชดี บริการ และสิทธิพิเศษต่าง ๆ มาทดแทนพรีเมียร์ลีก เป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับทรู ที่ต้องเร่งหาคำตอบให้เจอ
สิ่งที่กำลังทำอยู่นั้นตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคหรือไม่ และสามารถสนองความคาดหวังที่ผู้บริโภคเคยได้รับหรือไม่
มิฉะนั้น ทรูจะไม่สามารถเดินหน้าสู่เป้าหมายที่วางไว้ นั่นคือรักษาฐานลูกค้าเก่าไว้ในมือให้มากที่สุด
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1365654727&grpid=02&catid=11&subcatid=1103
ไม่มีความคิดเห็น: