16 เมษายน 2556 ลุย 3G-Digital TV (intouch จับมือ AIS3Gใหม่ เปิดกว้างให้คอนเทนท์โปรวายเดอร์เข้ามาผลิต ) TOT CAT โครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม
ประเด็นหลัก
เอไอเอส หาพันธมิตรคอนเทนท์
นายสมชัย เลิศสุทธิวงศ์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการตลาด บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) กล่าวว่า ในอนาคตจะแยกธุรกิจด้านโมบาย และทีวีดิจิทัลออกจากกันไม่ได้ การหลอมรวมของ 2 ธุรกิจจะได้เห็นมากขึ้น พร้อมๆ กับการจับคู่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจในหลายๆ ทาง
ส่วนของ 3 จีบนโมบาย บรอดแบนด์ และการเปิดเปลี่ยนผ่านไปสู่ทีวีดิจิทัล จะเปรียบเสมือนการต่อยอดทางธุรกิจโมบาย เอ็นเตอร์เทนเมนท์ และ ดิจิทัล เอ็นเตอร์เทนเมนท์
นายสมชัย กล่าวว่า เอไอเอสได้ลงทุนสร้างโครงข่ายโทรศัพท์มือถือในประเทศตลอด 23 ปีที่เปิดให้บริการ ใช้เงินลงทุนแล้วกว่า 170,000 ล้านบาท แม้ว่าระบบ 2จี ที่ให้บริการอยู่นี้จะเปลี่ยนผ่านไปสู่ 3จี ในอนาคต แต่ เอไอเอส ยังจะรักษาคุณภาพของโครงข่ายและดูแลลูกค้าที่ยังใช้บริการอยู่ ส่วนการเปิดให้บริการ 3จี เอไอเอสได้ประกาศแผนการลงทุนในช่วง 3ปีแรกไปแล้วที่ 70,000 ล้านบาท เพื่อสร้างโครงข่ายใหม่
"อินทัช" เอาแน่ลุยทีวีดิจิทัล
"ผ่านดาวเทียม หรือผ่านดีไวซ์ก็คนละแบบกัน กลุ่มอินทัชอาจจะผลิตคอนเทนท์เองบางส่วน และบางส่วนก็จะเปิดกว้างให้คอนเทนท์โปรวายเดอร์เข้ามาผลิต ซึ่งจะไม่เหมือนกันในแต่ละช่อง ขึ้นอยู่กับว่าตอบโจทย์วิวเวอร์เซ็กเมนเตชั่นได้ตรงเพียงใด"
เขากล่าวว่า โอกาสของทีวีดิจิทัลจะมาพร้อมกับการให้บริการ 3จี ของ เอไอเอส ซึ่ง อินทัช เองแสดงเจตนารมณ์อย่างชัดเจนว่า เบื้องต้น หากว่า กสทช. เปิดประมูลใบอนุญาตเมื่อไหร่ บริษัทก็พร้อมจะที่เข้าประมูล เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เงินลงทุน 2,000-3,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการประมูลไลเซ่น และการสร้างโครงข่ายเพิ่มเติม
ทีโอที พร้อมผันสู่ "แก็ปฟิลเลอร์"
นายยงยุทธ วัฒนสินธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทีโอที กล่าวว่า ช่องทางของ ทีโอที ภายหลังจากให้บริการทีวีดิจิทัลแล้ว ทีโอทีจะใช้สินทรัพย์ทางโทรคมนาคมที่มีอยู่ ทั้งเสาสถานีฐานโทรคมนาคมที่ได้รับมอบจากเอไอเอสตามสัญญาสัมปทานมากกว่า 13,000 แห่ง และเสาสถานีฐานของทีโอทีเองราว 5,000 แห่ง ไม่รวมอุปกรณ์เชื่อมต่อโครงข่ายทรานมิชชั่นและสวิตชิ่ง ทีโอทีจะทรัพย์สินของตัวเองที่มีอยู่ขณะนี้เพื่อพัฒนาเป็นผู้ให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกด้านกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ เพื่อให้บริการเชื่อมโยงสัญญาณโทรทัศน์ (Gap Filler) และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อาทิ อาคาร เสาโทรคมนาคม ระบบสาธารณูปโภค สำหรับทีวีดิจิทัล ให้เป็นแหล่งรายได้หลักของทีโอทีภายหลังสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน
การที่ ทีโอที เหมาะสมเป็นผู้ให้บริการดังกล่าว เนื่องจากจุดเด่นของบริษัทที่ปัจจุบันมีสถานีฐานเพื่อให้บริการด้านโทรคมนาคมโทรศัพท์พื้นฐานและอินเทอร์เน็ต กระจายอยู่ทั่วทุกจังหวัดและทั่วทุกภูมิภาคของประเทศทั้งสิ้น 17,000-18,0000 สถานี ซึ่งทีโอทีสามารถใช้สถานีฐานเป็นพื้นที่เชื่อมโยงสัญญาณโทรทัศน์ต่างๆ ของทีวีดิจิทัล
ส่วนการคาดการณ์รายได้ที่จะเกิดขึ้น ยังให้คำตอบขณะนี้ไม่ได้ เพราะอยู่ระหว่างการทำแผนธุรกิจ
"รูปแบบของธุรกิจก็เป็น 2 ประเภท คือ 1.การให้บริการสื่อสัญญาณ และให้เช่าอุปกรณ์ แทนที่ผู้ประมูลได้ใบอนุญาตจะต้องไปลงทุนสร้างโครงข่ายใหม่ หรือหาสถานีฐานเพื่อแพร่ภาพ ก็มาเช่ากับทีโอทีได้เลย ซึ่งสถานะของบริษัทก็จะเป็นผู้ให้บริการที่ครบวงจร และ 2.แก็ป ฟิลเลอร์ เพื่อเติมเต็มและแก้ไขปัญหาจุดบอดการอับสัญญาณในพื้นที่ที่กำลังส่งสัญญาณและการแพร่ภาพไปไม่ถึง โดยเบื้องต้นคาดว่าทีโอทีจะมีจุดให้บริการ แก็ป ฟิลเลอร์ ได้ราว 200 แห่ง ที่สำรวจว่าเป็นจุดอับสัญญาณ"
"กสท" ฟอร์มทีมเปิดสายธุรกิจใหม่
นายกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.กสท โทรคมนาคม กล่าวว่า แผนงานรองรับการเปลี่ยนผ่าน และเทคโนโลยีในระบบ 3จี มองถึงการเปลี่ยนผ่านทั้งในระบบสัญญาสัมปทานไปสู่การเปิดให้บริการบนการกำกับดูแลจากการให้ใบอนุญาต (ไลเซ่น)
เขาระบุว่า แนวทางของ กสท ไม่ต่างกับทีโอที เพราะมีโครงข่ายพื้นฐานที่เป็นสาธารณูปโภคด้านไอซีทีเหมือนกัน การเป็น แก็ป ฟิลเลอร์ นั้น กสท ก็มองโอกาสทางธุรกิจอยู่ด้วย ข้อได้เปรียบของบริษัทคือมีวงจรสื่อสารข้อมูล สื่อสัญญาณจำนวนมาก และมีสายไฟเบอร์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตออกไปยังต่างประเทศ ดังนั้น สามารถดึงศักยภาพมาต่อยอดการเป็นเครือข่ายสายเพื่อช่วยให้การรับส่งการแพร่ภาพได้ดีขึ้น
_____________________________________
ค่ายมือถือชู '3จี-ทีวีดิจิทัล'
ดันธุรกิจโต
อุตสาหกรรมโทรคมขานรับ "ทีวีดิจิทัล"
ทุนใหญ่หอบเงินร่วมประมูลแข่ง หวังต่อยอดธุรกิจในอนาคต "อินทัช" ร่วมแน่
การเปิดประมูลใบอนุญาต (ไลเซ่น) ทีวีดิจิทัลของ
คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)
ไม่ได้ส่งผลกระทบเฉพาะกิจการวิทยุโทรทัศน์แต่เพียงอย่างเดียว
หากแต่ยังส่งผลกระทบในวงกว้างถึงอุตสาหกรรมโทรคมนาคมด้วย
ทั้งนี้ จะเกิดการหลอมรวมของ 2
ภาคธุรกิจ นั่นก็คือ การเปิดให้บริการระบบ 3จี
ย่านความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ จากผู้ประกอบการรายใหญ่ทั้ง 3
ราย หลังจากที่เปิดประมูลไปแล้วเดือนต.ค. ปีที่ผ่านมา
โดยแนวโน้มของผู้ประกอบการมือถือที่จะเชื่อมโยงธุรกิจ 3จี
เข้ากับธุรกิจบริการด้านทีวีดิจิทัลเริ่มเห็นชัดเจนมากขึ้น
เอไอเอส หาพันธมิตรคอนเทนท์
นายสมชัย เลิศสุทธิวงศ์
หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการตลาด บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) กล่าวว่า
ในอนาคตจะแยกธุรกิจด้านโมบาย และทีวีดิจิทัลออกจากกันไม่ได้ การหลอมรวมของ 2
ธุรกิจจะได้เห็นมากขึ้น พร้อมๆ กับการจับคู่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจในหลายๆ ทาง
ส่วนของ 3
จีบนโมบาย บรอดแบนด์ และการเปิดเปลี่ยนผ่านไปสู่ทีวีดิจิทัล
จะเปรียบเสมือนการต่อยอดทางธุรกิจโมบาย เอ็นเตอร์เทนเมนท์ และ ดิจิทัล
เอ็นเตอร์เทนเมนท์
ยกตัวอย่าง
ธุรกิจของผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ (เทลโก้)
เมื่อเอามารวมกับการเป็นพันธมิตรกับผู้ให้บริการด้านเพลง
หรือเอ็นเตอร์เทนเมนท์รูปแบบอื่นๆ เป็นส่วนเสริมช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า
คลังเพลงดิจิทัล ให้ไปถึงผู้ฟังได้หลากหลายมากขึ้น และกระจายไปในวงกว้าง
ที่ผ่านมา
มีอัตราการเติบโตของธุรกิจเพลงบนการซื้อขายออนไลน์ มีสัดส่วนขยายตัวมากกว่า 30-50%
และทำให้ยอดการขายเพลงเป็นแผ่นซีดี หรือวีซีดีลดลงเหลือเพียง 5%
ของยอดขายรวม
ปัจจัยหลักที่ทำให้ยอดขายเพลงในระบบดิจิทัลมีอัตราเพิ่มขึ้นได้มาก
เพราะจะไม่มีรายจ่ายด้านค่าขนส่ง ค่านายหน้า ไม่ต้องเช่าหน้าร้าน
ทำให้การทำราคาดึงดูดใจลูกค้าได้มากกว่า
นอกจากนี้ การเปลี่ยนผ่านสู่ 3จี
และทีวีดิจิทัล ทำให้ธุรกิจด้านเพลงและข่าวได้รับความนิยมเพิ่มสูงมากขึ้น
การขายคอนเทนท์จะเป็นสิ่งสำคัญ
"ในส่วนตัวและแนวคิดของเอไอเอส
เชื่อว่าการหลอมรวมของธุรกิจในอนาคตทั้ง 3จี และทีวีดิจิทัล
จะไม่เป็นอุปสรรคต่อธุรกิจหลักที่ให้บริการ แต่เอไอเอสมองว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นโอกาสในการขยายตัวทางธุรกิจและช่วยต่อยอดสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในมือมากกว่า"
นายสมชัย กล่าวว่า
เอไอเอสได้ลงทุนสร้างโครงข่ายโทรศัพท์มือถือในประเทศตลอด 23
ปีที่เปิดให้บริการ ใช้เงินลงทุนแล้วกว่า 170,000
ล้านบาท แม้ว่าระบบ 2จี ที่ให้บริการอยู่นี้จะเปลี่ยนผ่านไปสู่ 3จี
ในอนาคต แต่ เอไอเอส ยังจะรักษาคุณภาพของโครงข่ายและดูแลลูกค้าที่ยังใช้บริการอยู่
ส่วนการเปิดให้บริการ 3จี เอไอเอสได้ประกาศแผนการลงทุนในช่วง 3ปีแรกไปแล้วที่
70,000 ล้านบาท เพื่อสร้างโครงข่ายใหม่
"อินทัช" เอาแน่ลุยทีวีดิจิทัล
นายสมประสงค์ บุญยะชัย ประธานกรรมการบริหาร
อินทัช กรุ๊ป ให้รายละเอียดว่า
สาเหตุที่อินทัชต้องการเข้าประมูลทีวีดิจิทัลเพื่อต่อยอดธุรกิจผ่านช่องทางเครือข่ายในกลุ่มบริษัท
คือ ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ให้บริการโดย เอไอเอส
เครือข่ายโทรศัพท์บ้านผ่านบริการของอินเทอร์เน็ตที่ให้บริการโดย บริษัท ซีเอส
ล็อกซอินโฟ
และการให้บริการดีทีวีที่ให้บริการทีวีผ่านจานดาวเทียมภายใต้การบริหารงานของ
บมจ.ไทยคม และยังมีเปิดให้บริการ 3จี ของบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส
เน็ทเวอร์ค บริษัทลูกของเอไอเอสด้วย
ภาพของการดำเนินการ เมื่อ อินทัช มีธุรกิจทีวีก็จะให้บริการผ่านไทยคม
ส่งสัญญาณผ่านมือถือ ผ่านเครือข่ายสายโทรศัพท์ที่ให้บริการโดย ซีเอส ล็อกซอินโฟ
เปรียบเทียบก็คือเมื่อซื้อรายการมาถ่ายทอดผ่านช่องทางทีวี มือถือ และอินเทอร์เน็ต
ทำให้บริการครบวงจรครอบคลุมผู้ใช้บริการ
ส่วนรูปแบบรายการยังไม่ได้กำหนดตายตัวว่าจะเป็นช่องแบบไหน
แต่ที่ผ่านมาลักษณะเนื้อหาที่นิยมในประเทศไทยคงจะไม่พ้นด้านข่าว กีฬา เกมโชว์
และละคร แต่จะต้องนำเรื่อง วิวเวอร์ เซ็กเมนเตชั่น เข้ามาพิจารณาประกอบด้วย
เพื่อจะได้นำมากำหนดเป็นการจัดทำรายการให้ตรงตามลักษณะธุรกิจ และความถนัดของบริษัทที่มีอยู่
รวมทั้ง เรื่องต้นทุนของคอนเทนท์มีราคาที่แตกต่างกันในแต่ละช่องทาง
"ผ่านดาวเทียม หรือผ่านดีไวซ์ก็คนละแบบกัน
กลุ่มอินทัชอาจจะผลิตคอนเทนท์เองบางส่วน
และบางส่วนก็จะเปิดกว้างให้คอนเทนท์โปรวายเดอร์เข้ามาผลิต
ซึ่งจะไม่เหมือนกันในแต่ละช่อง ขึ้นอยู่กับว่าตอบโจทย์วิวเวอร์เซ็กเมนเตชั่นได้ตรงเพียงใด"
เขากล่าวว่า
โอกาสของทีวีดิจิทัลจะมาพร้อมกับการให้บริการ 3จี
ของ เอไอเอส ซึ่ง อินทัช เองแสดงเจตนารมณ์อย่างชัดเจนว่า เบื้องต้น หากว่า กสทช.
เปิดประมูลใบอนุญาตเมื่อไหร่ บริษัทก็พร้อมจะที่เข้าประมูล เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เงินลงทุน
2,000-3,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการประมูลไลเซ่น
และการสร้างโครงข่ายเพิ่มเติม
ทีโอที พร้อมผันสู่ "แก็ปฟิลเลอร์"
นายยงยุทธ วัฒนสินธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่
บมจ.ทีโอที กล่าวว่า ช่องทางของ ทีโอที ภายหลังจากให้บริการทีวีดิจิทัลแล้ว
ทีโอทีจะใช้สินทรัพย์ทางโทรคมนาคมที่มีอยู่
ทั้งเสาสถานีฐานโทรคมนาคมที่ได้รับมอบจากเอไอเอสตามสัญญาสัมปทานมากกว่า 13,000
แห่ง และเสาสถานีฐานของทีโอทีเองราว 5,000 แห่ง
ไม่รวมอุปกรณ์เชื่อมต่อโครงข่ายทรานมิชชั่นและสวิตชิ่ง
ทีโอทีจะทรัพย์สินของตัวเองที่มีอยู่ขณะนี้เพื่อพัฒนาเป็นผู้ให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกด้านกระจายเสียงหรือโทรทัศน์
เพื่อให้บริการเชื่อมโยงสัญญาณโทรทัศน์ (Gap Filler) และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
อาทิ อาคาร เสาโทรคมนาคม ระบบสาธารณูปโภค สำหรับทีวีดิจิทัล
ให้เป็นแหล่งรายได้หลักของทีโอทีภายหลังสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน
การที่ ทีโอที เหมาะสมเป็นผู้ให้บริการดังกล่าว
เนื่องจากจุดเด่นของบริษัทที่ปัจจุบันมีสถานีฐานเพื่อให้บริการด้านโทรคมนาคมโทรศัพท์พื้นฐานและอินเทอร์เน็ต
กระจายอยู่ทั่วทุกจังหวัดและทั่วทุกภูมิภาคของประเทศทั้งสิ้น 17,000-18,0000
สถานี ซึ่งทีโอทีสามารถใช้สถานีฐานเป็นพื้นที่เชื่อมโยงสัญญาณโทรทัศน์ต่างๆ
ของทีวีดิจิทัล
ส่วนการคาดการณ์รายได้ที่จะเกิดขึ้น
ยังให้คำตอบขณะนี้ไม่ได้ เพราะอยู่ระหว่างการทำแผนธุรกิจ
"รูปแบบของธุรกิจก็เป็น 2
ประเภท คือ 1.การให้บริการสื่อสัญญาณ และให้เช่าอุปกรณ์
แทนที่ผู้ประมูลได้ใบอนุญาตจะต้องไปลงทุนสร้างโครงข่ายใหม่
หรือหาสถานีฐานเพื่อแพร่ภาพ ก็มาเช่ากับทีโอทีได้เลย
ซึ่งสถานะของบริษัทก็จะเป็นผู้ให้บริการที่ครบวงจร และ 2.แก็ป
ฟิลเลอร์
เพื่อเติมเต็มและแก้ไขปัญหาจุดบอดการอับสัญญาณในพื้นที่ที่กำลังส่งสัญญาณและการแพร่ภาพไปไม่ถึง
โดยเบื้องต้นคาดว่าทีโอทีจะมีจุดให้บริการ แก็ป ฟิลเลอร์ ได้ราว 200
แห่ง ที่สำรวจว่าเป็นจุดอับสัญญาณ"
ในอนาคต จากการเป็นผู้ให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกด้านกระจายเสียง
หรือโทรทัศน์ของทีโอทีแล้ว ยังคงมีบริการด้านอื่นๆ อีก ประกอบด้วย
การเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์พื้นฐานที่จะเสนอรูปแบบการให้บริการใหม่เพื่อจูงใจการใช้งานในราคาถูก
"เรามีแผนงานที่ต้องทำอย่างชัดเจน
แม้ที่ผ่านมาทีโอทีต้องประสบกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการ (บอร์ด)
หรือความล่าช้าในการขยายโครงข่ายการติดตั้งสถานีฐาน 3จี
เมื่อสามารถตั้งไข่ได้ ก็ใช่ว่าจะไปได้ไกล
ทีโอทีต้องมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้ให้บริการลักษณะควอด เพลย์ (Quad Play) เป็นการรวมบริการทั้งฟิกซ์ไลน์
บริการโทรศัพท์มือถือ 3จี อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (บรอดแบนด์)
และบริการด้านคอนเทนท์ และแอพพลิเคชั่น เนื่องจากทีโอทีมีโครงข่ายพร้อมให้บริการ
ควรจะเร่งดำเนินการ ซึ่งมีทั้งโครงข่ายหลักของประเทศ (แบ็คโบน) และโครงข่ายสำรอง
(แบ็ค ฮอลล์)"
"กสท" ฟอร์มทีมเปิดสายธุรกิจใหม่
นายกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ กรรมการผู้จัดการใหญ่
บมจ.กสท โทรคมนาคม กล่าวว่า แผนงานรองรับการเปลี่ยนผ่าน และเทคโนโลยีในระบบ 3จี
มองถึงการเปลี่ยนผ่านทั้งในระบบสัญญาสัมปทานไปสู่การเปิดให้บริการบนการกำกับดูแลจากการให้ใบอนุญาต
(ไลเซ่น)
ส่วนการเผยแพร่ทีวีดิจิทัลจะเป็นการเปลี่ยนผ่านจากระบบอนาล็อก
สิ่งที่จะได้เห็นคือการใช้การสื่อสารไร้สายในเชิงโมบิลิตี้มากขึ้น เรื่องนี้ กสท
ได้วางแผนงานจัดการประชุมกำหนดทีมงานผู้รับผิดชอบไว้แล้ว
แต่เรื่องทั้งหมดต้องมองความได้เปรียบของทรัพยากรที่ กสท มีอยู่ในมือ
"ใครจะได้เปรียบหรือช่วงชิงโอกาสมหาศาลที่จะเปิดขึ้นได้หรือไม่
คือต้องดูว่าในหน่วยงานหรือบริษัทของตัวเองมีทรัพยากรอะไร
มีสินทรัพย์อะไรที่นำไปต่อยอดได้บ้าง"
เขาระบุว่า แนวทางของ กสท ไม่ต่างกับทีโอที
เพราะมีโครงข่ายพื้นฐานที่เป็นสาธารณูปโภคด้านไอซีทีเหมือนกัน การเป็น แก็ป
ฟิลเลอร์ นั้น กสท ก็มองโอกาสทางธุรกิจอยู่ด้วย
ข้อได้เปรียบของบริษัทคือมีวงจรสื่อสารข้อมูล สื่อสัญญาณจำนวนมาก
และมีสายไฟเบอร์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตออกไปยังต่างประเทศ ดังนั้น
สามารถดึงศักยภาพมาต่อยอดการเป็นเครือข่ายสายเพื่อช่วยให้การรับส่งการแพร่ภาพได้ดีขึ้น
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/it/it/20130416/500545/%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B
8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%96%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%8A%E0%B8%B9-
3%E0%B8%88%E0%B8%B5-
%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8
%97%E0%B8%B1%E0%B8%A5-
%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8
%88%E0%B9%82%E0%B8%95.html
ไม่มีความคิดเห็น: