22 เมษายน 2556 (แก้ CAT TRUEผ่านไป293วันแล้ว) กสทช.จี้ CAT ส่ง สัญญาแทบจะทุกฉบับให้ดูพร้อมคำสั่งให้แก้ไขสัญญา 6 ประเด็นหลักเพื่อไม่ให้ขัดมาตรา 46 แห่ง พรบ.กสทช.
ประเด็นหลัก
ายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่าสำนักงาน กสทช.กำลังส่งหนังสือไปยังบริษัท กสท โทรคมนาคม เพื่อให้เร่งรัดดำเนินการแก้ไขสัญญาการให้บริการโทรศัพท์มือถือรูปแบบใหม่ 3G HSPA ระหว่างบริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น กับ บริษัท กสท โทรคมนาคม ตามมติของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ที่มีคำสั่งให้แก้ไขสัญญา 6 ประเด็นหลักเพื่อไม่ให้ขัดมาตรา 46 แห่ง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 ซึ่งกสทจะต้องดำเนินการทันทีตามที่มติได้กำหนดไว้ และจะต้องโอนสิทธิของบริษัท บีเอฟเคที (ประเทศไทย) จำกัด มาอยู่ในการบริหารงานของกสททั้งหมด
____________________________________
กสทช.จี้ กสท เร่งแก้สัญญา 3G 6
ประเด็นกับกลุ่มทรูโดยเร็ว
“ฐากร” ร่อนหนังสือจี้ “กสท”
รีบแก้ไขสัญญา 3G กับกลุ่มทรูโดยเร็วตามมติ กทค. 6
ข้อ ตั้งแต่ 28 มิ.ย. 2555
หรือผ่านไปแล้วกว่า 10 เดือน ด้าน “กิตติศักดิ์”
ระบุจะแก้ได้ก็ต่อเมื่อ ครม.อนุมัติงบ 29,000
ล้านบาทก่อน
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์
และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่าสำนักงาน
กสทช.กำลังส่งหนังสือไปยังบริษัท กสท โทรคมนาคม
เพื่อให้เร่งรัดดำเนินการแก้ไขสัญญาการให้บริการโทรศัพท์มือถือรูปแบบใหม่ 3G
HSPA ระหว่างบริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น กับ บริษัท กสท
โทรคมนาคม ตามมติของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ที่มีคำสั่งให้แก้ไขสัญญา 6
ประเด็นหลักเพื่อไม่ให้ขัดมาตรา 46 แห่ง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่
และกำกับกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553
ซึ่งกสทจะต้องดำเนินการทันทีตามที่มติได้กำหนดไว้ และจะต้องโอนสิทธิของบริษัท
บีเอฟเคที (ประเทศไทย) จำกัด มาอยู่ในการบริหารงานของกสททั้งหมด
ขณะที่นายกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท
โทรคมนาคม ออกมาระบุก่อนหน้านี้ว่า การที่ กสท จะแก้ไขสัญญาการให้บริการโทรศัพท์มือถือรูปแบบใหม่
3G HSPA ระหว่างกลุ่มทรูกับกสท ตามมติบอร์ด
กทค.ที่มีคำสั่งให้แก้ไขสัญญา 6 ประเด็นนั้น
จะสามารถดำเนินการแก้ไขได้ก็ต่อเมื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติงบประมาณจำนวน 29,000
ล้านบาทที่กสทได้ขอไปเพื่อนำมาลงทุนวางสายไฟเบอร์ออปติกระยะยาวสำหรับใช้ในโครงข่ายของบริษัท
บีเอฟเคที (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 14,000 ล้านบาท และค่าเช่าโครงข่ายจาก
บีเอฟเคที ต่อปีอีกจำนวน 15,000 ล้านบาท ซึ่งภายในสิ้นเดือน เม.ย.นี้
คาดว่าแผนขออนุมัติงบประมาณจะผ่านความเห็นชอบจากไอซีที
จากนั้นหากผ่านสภาพัฒน์ฯแล้วก็จะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป
นายฐากรกล่าวอีกว่า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
ยังได้ขอมติ กทค.เมื่อวันที่ 5
เม.ย.ที่มีผลสรุปว่าการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเกี่ยวกับการดำเนินกิจการของบริษัท
บีเอฟเคที (ประเทศไทย) กรณีการทำสัญญาเกี่ยวกับการให้บริการโทรศัพท์มือถือรูปแบบใหม่บนคลื่นความถี่
800 MHz กับบริษัท กสท โทรคมนาคม
ไม่เข้าข่ายความผิดในมาตรา 4 แห่งพ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.
2544 (ไม่ถือว่าบีเอฟเคทีเป็นผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมที่จำเป็นต้องมีใบอนุญาต)
โดยในตอนนี้สำนักงาน
กสทช.เร่งดำเนินการยกร่างหลักเกณฑ์ที่จะเข้ามากำกับดูแลในกิจการโทรคมนาค
เพื่อให้การดำเนินกิจการให้เช่าเครื่อง
และอุปกรณ์วิทยุคมนาคมเพื่อให้บริการโทรศัพท์มือถือในลักษณะดังกล่าวของบุคคลใดๆ
เข้ามาอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ กสทช. โดยให้สำนักงาน กสทช.ดำเนินการเพื่อเสนอที่ประชุม
กทค.ภายใน 30 วัน
ที่ประชุมบอร์ด กสทช.ยังมีมติอนุมัติร่างประกาศในฝั่งกิจการโทรคมนาคม
(กทค.) 3 ร่างประกาศ กสทช. เรื่องการใช้โครงข่ายร่วม
ได้แก่ 1. ร่างประกาศ
กสทช.เรื่องการใช้โครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมร่วมกันสำหรับโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่
พ.ศ....(อินฟราสตรักเจอร์แชร์ริ่ง) 2. ร่างประกาศ
กสทช.เรื่องการใช้บริการข้ามโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายในประเทศ
พ.ศ....(โรมมิ่ง) 3. ร่างประกาศ
กสทช.เรื่องการบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบโครงข่ายเสมือน พ.ศ....(MVNO) โดยขั้นตอนต่อไปจะนำไปประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อมีผลบังคับใช้ต่อไป
เบื้องต้นคาดว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์หน้า
“ที่ผ่านมามีการทักท้วงเกี่ยวกับร่างอินฟราสตรักเจอร์แชร์ริง
จาก กสท แต่ในเมื่อบอร์ด กทค.มีมติไปแล้วกสทก็ควรที่จะดำเนินการตาม
ซึ่งหากไม่มีการยอมรับในมติดังกล่าวก็คงต้องไปสู้ในชั้นศาลปกครองต่อไป”
พร้อมทั้งยังเห็นชอบร่างหลักเกณฑ์
และวิธีการคัดเลือกให้ใช้คลื่นความถี่ในกิจการกระจายเสียงหรือกิจการโทรทัศน์เพื่อประกอบกิจการทางธุรกิจ
พ.ศ. ... ซึ่งขั้นตอนต่อไปจะนำไปประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อมีผลบังคับใช้เช่นเดียวกัน
โดยร่างดังกล่าวเป็นประกาศที่สำคัญสำหรับการประมูลคลื่นความถี่เพื่อให้บริการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ประเภทบริการทางธุรกิจ
ที่ประชุมยังเห็นชอบประกาศหลักเกณฑ์
และวิธีการจัดเก็บรายได้เพื่อนำไปใช้ในการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม
(USO) จำนวน 3.75%
ต่อปีของรายได้ผู้ประกอบการโทรคมนาคมที่มีรายได้สุทธิเกิน 40
ล้านบาทต่อปีให้ได้รับการยกเว้นในจำนวน 40 ล้านบาท ส่วนที่เกิน 40
ล้านบาทต้องชำระในอัตรา 3.75%
ส่วนผู้ประกอบการที่มีรายได้สุทธิไม่เกิน 40
ล้านบาทต่อปีจะถูกละเว้นทั้งจำนวน
จากเดิมที่เรียกเก็บจากผู้ประกอบการที่มีรายได้สุทธิขั้นต่ำไม่เกินปีละ 20
ล้านบาท ซึ่งขั้นตอนต่อไปจะดำเนินการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะเป็นเวลา 30
วันโดยวิธีการยื่นเอกสารแสดงความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์ของสำนักงาน
กสทช.พร้อมทั้งจัดประชุมหารือเฉพาะกลุ่มผู้ได้รับใบอนุญาต
ที่ประชุมยังแต่งตั้งคณะอนุกรรมการประสานงานการบริหารคลื่นความถี่เพื่อความมั่นคงของรัฐในกิจการโทรคมนาคมและกิจการวิทยุคมนาคม
และยังมีมติให้ยกเลิกร่างประกาศคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
เรื่องการเปิดเสรีการให้บริการวงจรเช่าส่วนบุคคลระหว่างประเทศที่มีโครงข่ายเป็นของตนเอง
http://www.manager.co.th/CBiZReview/ViewNews.aspx?NewsID=9560000047304
ไม่มีความคิดเห็น: