Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

23 เมษายน 2556 (เกาะติดประมูลDigital TV) อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ ชี้ การออกใบอนุญาติคณะกรรมการศึกษาวิจัยต้องถามผู้บริโภคก่อน!! ผู้แทนจาก Ofcom อาจไม่มีใครปฏิบัติตาม และมีอำนาจค่อนข้างจำกัด

ประเด็นหลัก


โดย น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์กสทช. และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์(กสท.)ด้านคุ้มครองผู้บริโภค เปิดเผยว่าสำหรับกสทช.ในปัจจุบันสื่อโทรทัศน์ฟรีทีวีจำนวน 6 ช่อง ในประเทศไทยเริ่มมีกระบวนการโฆษณาที่มีระบบมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีการควบคุมโดยสมาคมโฆษณาและสถานีโทรทัศน์ ในขณะที่กสทช.ก็ได้ร่วมมือกับองค์การอาหารและยา(อย.)และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.)ที่ทั้ง2หน่วยงานมีกฎหมายในการกำกับดูแลเนื้อหาหารโฆษณา โดยเฉพาะเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียมที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการจากกสท.

น.ส.สุภิญญา กล่าวต่อว่า หลังจากนี้กสทช.อาจจะมีการนำผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตท้องถิ่นมาสร้างความเข้าในเพื่อรับทราบถึงกระบวนโฆษณาทางโทรทัศน์ที่ไม่ให้กระทำผิดกฏหมายในขณะที่กสทช.กำลังอยู่ในกระบวนการร่างหลักเกณฑ์เนื้อหาม.37ตามพ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์พ.ศ.2551 ให้มีรายละเอียดที่ชัดเจนขึ้น การวางกรอบเนื้อหาในการนำเสนอของสื่อทั้งในเรื่องของจริธรรมและจรรยาบรรณ โดยการกำหนดลักษณะที่ควรทำและไม่ควรทำเพื่อสร้างความชัดเจนในการนำเสนอข่าวสารเนื้อหาการโฆษณา



นายเรืองเดช วงศ์หล้า อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ กล่าวว่า การออกใบอนุญาตทีวีสาธารณะของ กสทช. ที่จะเกิดขึ้นต้องถามผู้บริโภค หรือประชาชนก่อนว่า ต้องการอะไร โดยตั้งคณะกรรมการศึกษาวิจัย ก่อนที่จะให้ใบอนุญาตกับผู้ประกอบการแต่ละรายอย่างละเอียด เพราะหากจัดการเอง อาจจะดีแต่ยังไม่สมบูรณ์

"ถ้า กสทช. สามารถรับฟังความคิดเห็น ศึกษาวิจัยผลประโยชน์ว่า ประชาชนควรได้อะไรบ้าง เช่น สุขภาพ การศึกษา การเมือง การจัดสรรควรเป็นสัดส่วนเท่าไร ผลประโยชน์อยู่ที่ประชาชน กสทช. ก็ไม่ต้องกังวลอะไร".



นายคริส บานาทวาลา ผู้แทนจาก Ofcom ประเทศอังกฤษ กล่าวว่า รูปแบบการกำกับดูแลของประเทศอังกฤษมี 3 แบบ ประกอบด้วย  1.การกำกับดูแลตนเอง หมายถึง อุตสาหกรรมจะเป็นผู้ออกแบบเอง ไม่มีการบังคับ ส่วนจรรยาบรรณในส่วนนี้ องค์กรวิชาชีพเป็นผู้ออกกฎและปฏิบัติร่วมกัน 2.การกำกับดูแลร่วม หมายถึง การผสมรวมระหว่างอุตสาหกรรมและกฎหมาย บางครั้งดูแลกันเอง แต่ท้ายสุดจะมีอำนาจตามกฎหมาย 3.การกำกับดูแลตามกฎหมาย หมายถึงต้องมีรัฐบาลเข้ามาเกี่ยวข้องกฎหมายต้องมีการกำหนดวัตถุประสงค์อย่างชัดเจน

สำหรับ ข้อดี-ข้อเสีย ของการกำกับดูแลทั้ง 3 ประเภท คือ 1.การกำกับดูแลตนเอง คือ ได้รับความร่วมมือ มีความยืดหยุ่น สามารถทำงานได้เอง และเป็นอิสระ ส่วนข้อเสีย คือ ไม่มีหลักประกันว่าอุตสาหกรรมจะปฏิบัติตาม และมีอำนาจค่อนข้างจำกัด อีกทั้งไม่มีหน่วยงานภายนอกเข้ามาร่วม รวมทั้งอาจเสี่ยงถ้าไม่มีสมาชิกเข้าร่วมจะดำเนินการได้ยากมาก

_____________________________________




แนะกสทช.ทำวิจัยผู้บริโภคก่อนออกใบอนุญาตทีวีสาธารณะ

อธิการบดี ม.ราชภัฏอุตรดิตถ์ แนะ กสทช.ศึกษาวิจัยผู้บริโภคก่อนว่า ต้องการอะไรเป็นหลัก ก่อนออกใบอนุญาตทีวีสาธารณะ ขณะที่ผู้แทน SEAPA ชี้จับตาบทบาท กสทช.เรื่ององค์กรกำกับดูแลสื่อ...

เมื่อวันที่ 22 เม.ย. คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ จัดสัมมนา เรื่อง จรรยาบรรณในมุมมองของสื่อและองค์กรกำกับดูแลในต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 22-23 เม.ย.2556

นายคริส บานาทวาลา ผู้แทนจาก Ofcom ประเทศอังกฤษ กล่าวว่า รูปแบบการกำกับดูแลของประเทศอังกฤษมี 3 แบบ ประกอบด้วย  1.การกำกับดูแลตนเอง หมายถึง อุตสาหกรรมจะเป็นผู้ออกแบบเอง ไม่มีการบังคับ ส่วนจรรยาบรรณในส่วนนี้ องค์กรวิชาชีพเป็นผู้ออกกฎและปฏิบัติร่วมกัน 2.การกำกับดูแลร่วม หมายถึง การผสมรวมระหว่างอุตสาหกรรมและกฎหมาย บางครั้งดูแลกันเอง แต่ท้ายสุดจะมีอำนาจตามกฎหมาย 3.การกำกับดูแลตามกฎหมาย หมายถึงต้องมีรัฐบาลเข้ามาเกี่ยวข้องกฎหมายต้องมีการกำหนดวัตถุประสงค์อย่างชัดเจน

สำหรับ ข้อดี-ข้อเสีย ของการกำกับดูแลทั้ง 3 ประเภท คือ 1.การกำกับดูแลตนเอง คือ ได้รับความร่วมมือ มีความยืดหยุ่น สามารถทำงานได้เอง และเป็นอิสระ ส่วนข้อเสีย คือ ไม่มีหลักประกันว่าอุตสาหกรรมจะปฏิบัติตาม และมีอำนาจค่อนข้างจำกัด อีกทั้งไม่มีหน่วยงานภายนอกเข้ามาร่วม รวมทั้งอาจเสี่ยงถ้าไม่มีสมาชิกเข้าร่วมจะดำเนินการได้ยากมาก

2. การกำกับดูแลร่วม แม้ว่าจะมีการผสมผสานแต่มีต้นทุนแพงกว่า และบางครั้งมีความสับสนด้วยว่าใครจะรับผิดชอบตรงส่วนไหน และถ้าหากมีข้อตกลงอาจจะหาข้อตกลงไม่ได้ เพราะมีข้อตกลง และความคิดเห็นหลากหลาย และ 3.การกำกับดูแลตามกฎหมาย มีอำนาจรัฐรองรับอยู่เป็นอิสระเชื่อถือได้ และคิดถึงประโยชน์สาธารณะเป็นหลัก แต่บางครั้งอาจไม่มีความยืดหยุ่น

นางสาวกายาทรี เวนกิเทสวรัญ ผู้แทนจาก The Southeast Asian Press Alliance (SEAPA)  กล่าวว่า ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีประชากรอยู่ประมาณ 600 ล้านคน ทำให้ภูมิทัศน์สื่อมีความหลากหลาย แต่ส่วนใหญ่การควบคุมของสื่อจะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐ ส่วนสิ่งที่ท้าทายคือ การมีกฎหมายตัวอื่นเข้ามามีบทบาทกับการกำกับดูแล อาทิ กฎหมายความมั่นคง กฎหมายการลบหลู่ศาสนา และกฎหมายต่างๆ

ผู้แทนจาก SEAPA กล่าวต่อว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยขณะนี้ คือการกำกับดูแลที่อุตสาหกรรมพยายามผลักดันให้เกิดขึ้น แต่ผู้ประกอบการยังไม่เห็นความสำคัญของประชาชนตามที่เป็นหัวใจหลัก ซึ่งน่าจับตาดูว่าประเทศไทยจะมีวิธีการจัดการอย่างไร และบทบาท กสทช. จะเดินหน้าต่อไปอย่างไร

นางสาวพิรงรอง รามสูต ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษานโยบายสื่อ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การตีความสิทธิ์ในการถือครองใบอนุญาต กสทช. ต้องระบุออกมาให้ชัดเจน และต้องมีหลักฐานเป็นที่ประจักษ์ โดยกำหนดนิยามตามกฎหมายเพื่อให้เกิดการปฏิบัติ เพราะคำว่าใบอนุญาต มีความหมายเท่ากับ สิทธิ์ในการออกอากาศ

นายเรืองเดช วงศ์หล้า อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ กล่าวว่า การออกใบอนุญาตทีวีสาธารณะของ กสทช. ที่จะเกิดขึ้นต้องถามผู้บริโภค หรือประชาชนก่อนว่า ต้องการอะไร โดยตั้งคณะกรรมการศึกษาวิจัย ก่อนที่จะให้ใบอนุญาตกับผู้ประกอบการแต่ละรายอย่างละเอียด เพราะหากจัดการเอง อาจจะดีแต่ยังไม่สมบูรณ์

"ถ้า กสทช. สามารถรับฟังความคิดเห็น ศึกษาวิจัยผลประโยชน์ว่า ประชาชนควรได้อะไรบ้าง เช่น สุขภาพ การศึกษา การเมือง การจัดสรรควรเป็นสัดส่วนเท่าไร ผลประโยชน์อยู่ที่ประชาชน กสทช. ก็ไม่ต้องกังวลอะไร".
โดย: ไทยรัฐออนไลน์
http://m.thairath.co.th/content/tech/340346

_________________________




กสทช.สร้างเวทีรับฟังสื่อไทยกับการโฆษณา


กสทช.จับมือมรภ.อุตรดิตถ์ เปิดเวทีเสวนา กำกับดูแลสื่อ เปรยกำลังตีกรอบ ม.37ชัดเจนขึ้น. ด้านดร.นิวัต ชี้องค์กรสื่อไทย ปรับปรุงศักยภาพมากกว่านำเอาโมเดลต่างประทศมาใช้
วันนี้(23เม.ย.)ที่โรงแรมพลูแมน ซอยรางน้ำ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ(กสทช.)ร่วมกับมหาวิทยาลััยราชภัฏอุตรดิตถ์ จัดเสวนาเรื่อง "จรรยาบรรณในมุมมองของสื่อและองค์กรกำกับดูแลในต่างประเทศ"

โดย น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์กสทช. และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์(กสท.)ด้านคุ้มครองผู้บริโภค เปิดเผยว่าสำหรับกสทช.ในปัจจุบันสื่อโทรทัศน์ฟรีทีวีจำนวน 6 ช่อง ในประเทศไทยเริ่มมีกระบวนการโฆษณาที่มีระบบมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีการควบคุมโดยสมาคมโฆษณาและสถานีโทรทัศน์ ในขณะที่กสทช.ก็ได้ร่วมมือกับองค์การอาหารและยา(อย.)และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.)ที่ทั้ง2หน่วยงานมีกฎหมายในการกำกับดูแลเนื้อหาหารโฆษณา โดยเฉพาะเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียมที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการจากกสท.

น.ส.สุภิญญา กล่าวต่อว่า หลังจากนี้กสทช.อาจจะมีการนำผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตท้องถิ่นมาสร้างความเข้าในเพื่อรับทราบถึงกระบวนโฆษณาทางโทรทัศน์ที่ไม่ให้กระทำผิดกฏหมายในขณะที่กสทช.กำลังอยู่ในกระบวนการร่างหลักเกณฑ์เนื้อหาม.37ตามพ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์พ.ศ.2551 ให้มีรายละเอียดที่ชัดเจนขึ้น การวางกรอบเนื้อหาในการนำเสนอของสื่อทั้งในเรื่องของจริธรรมและจรรยาบรรณ โดยการกำหนดลักษณะที่ควรทำและไม่ควรทำเพื่อสร้างความชัดเจนในการนำเสนอข่าวสารเนื้อหาการโฆษณา

ด้านดร.นิวัต วงศ์พรมปรีดาเลขาธิการสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทยกล่าวในการเสวนาว่า สำหรับสื่อโทรทัศน์ในประเทศไทยในปัจจุบันมีฟรีทีวี6ช่องและสื่อเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียมอีกประมาณ200ช่อง แต่หากเมื่อใดที่ประเทศไทยได้เริ่มการประมูลทีวีดิจิทัลช่องฟรีทีวีจะเป็น48ช่อง ดังนั้นระบบการโฆษณาต้องมีการเปลี่ยนแปลงและปรับให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปให้มีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตามสื่อของประเทศไทยมีการกำกับดูแลกันเองในการโฆษณามากกว่า20ปี จึงมองว่าหากประเทศไทยใช้แนวทางพัฒนาการต่อยอดจะง่ายกว่า การเริ่มต้นนำเอาโอเดลการโฆษณาของต่างประเทศมาใช้ แต่ควรปรับปรุงให้สถานีโทรทัศน์ที่คาดว่าจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นร่วมมือกันเพื่อให้มีการตรวจสอบการโฆษณากันเองให้รวดเร็วขึ้นป้องกันการกระทำผิดของสื่อโฆษณา

http://www.dailynews.co.th/technology/199345


ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.