16 พฤษภาคม 2556 CTH เปิดตัว++ผู้ให้บริการบรอดแบรนด์ครบวงจร ลงทุน 3หมื่นล้านบาท ส่วนราคา EPLจะเปิดเผยในวันที่ 5 มิ.ย.นี้ // TRUEVISION ชี้ คนส่วนน้อยเท่านั้นที่ยกเลิกเพราะไม่มี EPL
ประเด็นหลัก
นายอาณัติ เมฆไพบูลย์วัฒนา กรรมการผู้จัดการ บมจ.ทรูวิชั่นส์ เปิดเผยว่า การที่กลุ่มทรูฯ หมดลิขสิทธิ์การฉาย EPL นั้น มีลูกค้าบางส่วนที่ยกเลิกบริการไปบ้าง แต่เป็นส่วนน้อย และไม่มีผลกระทบต่อกลุ่มทรูฯ เพราะมีแค่ส่วนน้อยเท่านั้น ที่มาใช้บริการทรูวิชั่นส์เพียงแค่ต้องการดู EPL อย่างเดียว โดยลิขสิทธิ์ EPL นั้น จะหมดลงในวันที่ 19 พ.ค.ที่จะถึงนี้ แต่ทรูฯ ยังมีลิขสิทธิ์การฉายแชมเปียนลีก ยูโรป้าลีก ที่ยังรองรับลูกค้าคอกีฬาอยู่ โดยขณะนี้ทรูฯ ได้ออก 2 แพ็กเกจใหม่ ที่เน้นช่องรายการสาระความรู้ และช่องรายการกีฬาคุณภาพ ในราคาย่อมเยา และคาดว่าจะมีผู้สนใจแพ็กเกจดังกล่าวมากกว่าแสนราย
ส่วนงบการตลาดในปีนี้อยู่ที่ 400 ล้านบาท โดยคาดว่ารายได้ปี 56 จะมีอัตราเติบโตประมาณ 9% และเป้าหมายลูกค้าเพิ่มกว่า 10% โดยปัจจุบันทรูวิชั่นส์มีลูกค้าประมาณ 2 ล้านราย
ด้าน นายกฤษณัน งามผาติพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีทีเอช เปิดเผยว่า ขณะนี้ ซีทีเอชได้รีแบรนด์ดิ้งครั้งใหญ่ ด้วยสโลแกน "WE SHARE" พร้อมที่จะประกาศว่า ซีทีเอช เป็นผู้ให้บริการบรอดแบรนด์
ครบวงจรรายแรกในไทย จะใช้งบประมาณ 3 หมื่นล้านบาทภายในระยะเวลา 2 ปี ขณะนี้ใช้งบไปแล้ว 6-7 พันล้านบาท ตั้งเป้าไว้ว่าจะครอบคลุมกรุงเทพฯ และปริมณฑล ประมาณ ก.พ.-มี.ค.57 และทั่วประเทศภายในสิ้นปี 57 ส่วนงบประมาณการตลาดที่วางไว้ในปี 56 นี้ ประมาณ 200 ล้านบาท
นอกจากนี้ นายกฤษณัน ยังกล่าวถึงกรณีที่ซีทีเอชได้ลิขสิทธิ์ฉาย EPL 3 ฤดูกาล ว่า สำหรับการฉายฟุตบอล EPL นั้น จะเป็นแบบระบบ HD ทุกช่อง ทุกแมตช์การแข่งขันแน่นอน ซึ่งขณะนี้ได้เร่งดำเนินการในการเปลี่ยนกล่องรับสัญญาณให้แก่ลูกค้าทั้ง 2.5 ล้านรายภายใน 1 เดือน โดยได้ดำเนินการเปลี่ยนให้ลูกค้าไปแล้วกว่า 3-4 แสนราย ทั้งนี้ที่ต้องเร่งดำเนินการ เนื่องจากทางซีทีเอชจะเริ่มเปิดการขายให้แก่ลูกค้าใหม่หลังจากนี้ ส่วนแพ็กเกจการให้บริการนั้นจะเปิดเผยในวันที่ 5 มิ.ย.นี้
______________________________________
ทรูวิชั่นส์ทุ่มตลาดรักษาลูกค้า ธวัชชัยจี้ปรับเกณฑ์ประมูลทีวีธุรกิจ
ทรูวิชั่นส์ ออกแพ็กเกจใหม่ หวังดึงลูกค้าหลังหมดลิขสิทธิ์ EPL เผยงบการตลาดปีนี้กว่า 400 ล้าน ด้านซีทีเอช พร้อมเปิดตัวแพ็กเกจบอล 5 มิ.ย. กสทช.แนะ ปรับร่างประกาศประมูลทีวีดิจิตอลช่องธุรกิจ
นายอาณัติ เมฆไพบูลย์วัฒนา กรรมการผู้จัดการ บมจ.ทรูวิชั่นส์ เปิดเผยว่า การที่กลุ่มทรูฯ หมดลิขสิทธิ์การฉาย EPL นั้น มีลูกค้าบางส่วนที่ยกเลิกบริการไปบ้าง แต่เป็นส่วนน้อย และไม่มีผลกระทบต่อกลุ่มทรูฯ เพราะมีแค่ส่วนน้อยเท่านั้น ที่มาใช้บริการทรูวิชั่นส์เพียงแค่ต้องการดู EPL อย่างเดียว โดยลิขสิทธิ์ EPL นั้น จะหมดลงในวันที่ 19 พ.ค.ที่จะถึงนี้ แต่ทรูฯ ยังมีลิขสิทธิ์การฉายแชมเปียนลีก ยูโรป้าลีก ที่ยังรองรับลูกค้าคอกีฬาอยู่ โดยขณะนี้ทรูฯ ได้ออก 2 แพ็กเกจใหม่ ที่เน้นช่องรายการสาระความรู้ และช่องรายการกีฬาคุณภาพ ในราคาย่อมเยา และคาดว่าจะมีผู้สนใจแพ็กเกจดังกล่าวมากกว่าแสนราย
ส่วนงบการตลาดในปีนี้อยู่ที่ 400 ล้านบาท โดยคาดว่ารายได้ปี 56 จะมีอัตราเติบโตประมาณ 9% และเป้าหมายลูกค้าเพิ่มกว่า 10% โดยปัจจุบันทรูวิชั่นส์มีลูกค้าประมาณ 2 ล้านราย
ด้าน นายกฤษณัน งามผาติพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีทีเอช เปิดเผยว่า ขณะนี้ ซีทีเอชได้รีแบรนด์ดิ้งครั้งใหญ่ ด้วยสโลแกน "WE SHARE" พร้อมที่จะประกาศว่า ซีทีเอช เป็นผู้ให้บริการบรอดแบรนด์
ครบวงจรรายแรกในไทย จะใช้งบประมาณ 3 หมื่นล้านบาทภายในระยะเวลา 2 ปี ขณะนี้ใช้งบไปแล้ว 6-7 พันล้านบาท ตั้งเป้าไว้ว่าจะครอบคลุมกรุงเทพฯ และปริมณฑล ประมาณ ก.พ.-มี.ค.57 และทั่วประเทศภายในสิ้นปี 57 ส่วนงบประมาณการตลาดที่วางไว้ในปี 56 นี้ ประมาณ 200 ล้านบาท
นอกจากนี้ นายกฤษณัน ยังกล่าวถึงกรณีที่ซีทีเอชได้ลิขสิทธิ์ฉาย EPL 3 ฤดูกาล ว่า สำหรับการฉายฟุตบอล EPL นั้น จะเป็นแบบระบบ HD ทุกช่อง ทุกแมตช์การแข่งขันแน่นอน ซึ่งขณะนี้ได้เร่งดำเนินการในการเปลี่ยนกล่องรับสัญญาณให้แก่ลูกค้าทั้ง 2.5 ล้านรายภายใน 1 เดือน โดยได้ดำเนินการเปลี่ยนให้ลูกค้าไปแล้วกว่า 3-4 แสนราย ทั้งนี้ที่ต้องเร่งดำเนินการ เนื่องจากทางซีทีเอชจะเริ่มเปิดการขายให้แก่ลูกค้าใหม่หลังจากนี้ ส่วนแพ็กเกจการให้บริการนั้นจะเปิดเผยในวันที่ 5 มิ.ย.นี้
นายธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. และกรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ หรือ กสท. เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการส่งเสริมการแข่งขันฯ มีข้อสังเกตต่อร่างประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการประมูลคลื่นความถี่ เพื่อให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล ประเภทบริการทางธุรกิจระดับชาติ หรือ หลักเกณฑ์การประมูลโทรทัศน์ดิจิตอล ที่ผ่านมติ กสท. เมื่อ 14 พ.ค.ที่ผ่านมานั้น ยังมีประเด็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่ชอบธรรมทั้งในขั้นตอนการดำเนินการ
ดังนั้น คณะอนุกรรมการฯ จึงเสนอให้มีการปรับปรุงแก้ไขร่างประกาศดังกล่าวใน 5 ข้อด้วยกัน ได้แก่ 1.เสนอให้เพิ่มเติมการใช้หนังสือค้ำประกันจากสถาบันการเงิน (Bank Guarantee) เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการวางหลักประกัน 2.คณะอนุกรรมการฯ ขอเป็นผู้ยกร่างหลักเกณฑ์การเลือกใช้โครงข่ายโทรทัศน์ของผู้ให้บริการช่องรายการ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการผูกขาดหรือเลือกปฏิบัติในภายหลัง 3.คณะอนุกรรมการฯ เสนอให้นำราคาขั้นต่ำในแต่ละหมวดหมู่มาเป็นหลักเกณฑ์ในการจัดลำดับ 4.คณะอนุกรรมการฯ เสนอให้เพิ่มเติมเงื่อนไขการสิ้นสุดการประมูลเมื่อไม่มีการเสนอราคาเพิ่มภายใน 5 นาทีนับแต่การเสนอเพิ่มราคาครั้งก่อนหน้า และ 5.เสนอให้พิจารณาปรับเปลี่ยนระยะเวลาการชำระเงินค่าธรรมเนียมใบอนุญาตในส่วนที่เกินกว่าราคาขั้นต่ำ โดยให้ดำเนินการได้ภายหลังจากผ่านพ้นระยะเวลา 3 ปี นับแต่ที่ได้รับใบอนุญาต โดยจะเสนอความเห็นต่อบอร์ด กสท. ในการประชุมวันที่ 20 พ.ค.ที่จะถึงนี้.
http://www.thaipost.net/news/170513/73657
ไม่มีความคิดเห็น: