Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

20 พฤษภาคม 2556 CTH ยืนยันคอนเทนต์ถึง 140 ช่อง พร้อมมีช่องเอชดี 30 ช่อง แบบไม่แบ่งเซ็กเมนต์ของผู้ชม เพราะทุกแพ็กเกจสามารถรับชมช่องเอชดีทั้งหมด


ประเด็นหลัก


"กฤษณัน งามผาติพงศ์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ซีทีเอชจะเดินหน้าสู่ระบบดิจิทัลบรอดแบนด์ ที่จะพาบริการต่าง ๆ เข้าสู่ผู้ชมทุกครัวเรือน ปัจจุบันได้เปลี่ยนกล่องรับสัญญาณให้ฐานสมาชิกเก่า 2.5 ล้านราย พร้อมนับถอยหลังอีก 35 วันจะเปิดตัวมิติใหม่ของซีทีเอช

ช่วงแรกที่เปิดตัวจะมีช่องรายการที่หลากหลายในทุกคอนเทนต์ถึง 140 ช่อง พร้อมมีช่องเอชดี 30 ช่อง แบบไม่แบ่งเซ็กเมนต์ของผู้ชม เพราะทุกแพ็กเกจสามารถรับชมช่องเอชดีทั้งหมดได้ อีกทั้งช่องกีฬา สำหรับการถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ก็รับชมแบบเอชดีได้ วางเป้าหมายว่าสิ้นปีนี้จะมีฐานสมาชิกประมาณ 3-3.5 ล้านราย คาดว่าจะรายได้อยู่ที่หลักพันล้านบาท และอีก 2 ปีข้างหน้าจะมีฐานสมาชิกถึง 7 ล้านราย

ในส่วนของความพร้อมด้วยคอนเทนต์นั้น ก่อนหน้านี้ได้ร่วมมือกับ "ฟ็อกซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล ชาแนล" ที่จะนำคอนเทนต์มาร่วมแจมถึง 15 ช่อง และจะขยายให้ครบ 24 ช่องในสิ้นปีนี้ ทั้งรายการบันเทิง สารคดี ภาพยนตร์ เช่น แนท จีโอ แอดแวนเจอร์ HD, แนท จีโอ ไวด์ HD, แนท จีโอ มิวสิค ฟ็อกซ์ไทย เป็นต้น โดยสัดส่วนคอนเทนต์ปัจจุบันอยู่ที่คอนเทนต์ไทย 40% และต่างประเทศ 60%



______________________________________







ทรูวิชั่นส์ VS ซีทีเอช กระหน่ำแพ็กเกจ "ชิงลูกค้า"


ร้อนแรงและดุเดือดไม่แพ้ธุรกิจใด ๆ ในชั่วโมงนี้ สำหรับธุรกิจโทรทัศน์บอกรับสมาชิก (เพย์ทีวี) ที่ต่างปล่อยหมัดเด็ด เข็นกลยุทธ์การตลาดออกมาเรียกความสนใจของผู้บริโภคในช่วง "สุญญากาศ" หลังเจ้าตลาดโทรทัศน์บอกรับสมาชิก "ทรูวิชั่นส์" หมดลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอล "พรีเมียร์ลีก" อังกฤษลงหมาด ๆ ซึ่งถือเป็น "คอนเทนต์" หรือลิขสิทธิ์ที่สำคัญที่สุดที่ทุกคนต่างหมายปอง และเป็น "จุดขาย" ของทรูวิชั่นส์มาโดยตลอดหลายฤดูกาล

แน่นอนว่าช่วงเวลานี้ ผู้บริโภคจำนวนมาก ทั้งที่เป็นสมาชิกของทรูฯ และไม่เป็นสมาชิกกำลังอยู่ในช่วง "จด ๆ จ้อง ๆ" ว่าจะปันใจให้ใคร หลายคนวิเคราะห์ว่าหลังสูญเสียลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก ทรูฯอาจต้องทำใจในการเสียสมาชิกจำนวนมาก โดยเฉพาะ "คอบอลพรีเมียร์ลีก" ทั้งหลาย ขณะที่กลุ่มลูกค้าที่อาจไม่ได้เป็นคอบอลมากนัก ก็อาจอยู่ระหว่าง "ลังเล" ว่าจะจ่ายเงินให้ค่ายไหนดี เป็นศึกชิงลูกค้าที่ระเบิดขึ้นในขณะนี้

ซึ่งล่าสุดเจ้าตลาด "ทรูวิชั่นส์" ได้ส่ง 2 แพ็กเกจ ราคาโดนใจ มากระตุ้นความสนใจลูกค้า โดยมีเป้าหมายชัดเจนว่าต้องการรักษาฐานสมาชิกเก่าที่มีอยู่ 2 ล้านรายให้จงได้ พร้อมวางเป้าขยายฐานลูกค้ากลุ่มแมสเพิ่มขึ้น

"อาณัติ เมฆไพบูลย์วัฒนา" กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรูวิชั่นส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สถานการณ์การแข่งขันของธุรกิจโทรทัศน์บอกรับสมาชิก (เพย์ทีวี) ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ปีนี้ทรูวิชั่นส์ถือเป็นโอกาสที่สำคัญในการขยายฐานลูกค้า และถือเป็นการเปิดมุมมองทางการตลาดรูปแบบใหม่ ๆ

ในแง่ของการสื่อสารทางการตลาด แน่นอนว่าต้องมีการปรับเปลี่ยนจากเดิมที่ชูคอนเทนต์พรีเมียร์ลีกเป็นตัวผลักดันให้ฐานสมาชิกเติบโต เปลี่ยนสู่การสร้างความหลากหลายทางด้านคอนเทนต์ด้วยการชูคอนเทนต์บันเทิงและสารคดี พร้อมรายการกีฬาต่าง ๆ อาทิ แชมเปี้ยนลีก ยูโรป้าลีก กอล์ฟ แอลจีเอ ทัวร์ สนุกเกอร์ มวยปล้ำ เป็นต้น

"เน้นที่ความครบ เพื่อให้สอดคล้องกับผลสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภค ทั้งสมาชิกและผู้บริโภคทั่วไปที่ทรูฯได้สำรวจเมื่อปลายปีก่อน พบว่า 3 คอนเทนต์หลักที่ผู้ชมเลือกทรูฯ ได้แก่ ภาพยนตร์ กีฬาต่าง ๆ และรายการเด็ก"

ด้วยแนวโน้มดังกล่าวทำให้ทรูฯต้องปรับกลยุทธ์ให้สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภค กับแนวคิด Visions AHead ภายใต้ 5 กลยุทธ์ ประกอบด้วยเทคโนโลยี บริการ สิทธิพิเศษ คอนเทนต์ และแพ็กเกจ ภายใต้โจทย์ที่ว่า "จะทำอย่างไร ให้เข้าถึงทุกครัวเรือน"

"อาณัติ" กล่าวต่อว่า สิ่งที่ต้องทำหลังจากนี้ คือการสร้างความแตกต่าง และเสนอประสบการณ์ให้แก่ผู้ชม เริ่มตั้งแต่สร้างความแข็งแกร่งด้านคอนเทนต์ โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาได้เปิดช่องใหม่ไปแล้วเกือบ 20 ช่อง เน้นหนักคอนเทนต์ภาพยนตร์และสารคดี ส่งผลให้ปัจจุบันมีช่องรายการรวม 145 ช่อง แบ่งเป็นช่อง HD 23 ช่อง

คาดว่าในไตรมาส 3 จะขยายให้ครบ 30 ช่อง เพื่อสร้างความแตกต่าง ตามด้วย 2 แพ็กเกจจูงใจกลุ่มแมส คือซูเปอร์โนว์เลดจ์ ราคา 590 บาท รับชมได้ 116 ช่อง และซูเปอร์สปอร์ต ราคา 495 บาท รับชมได้ 95 ข่อง

นอกจากนี้ เตรียมเพิ่มงบฯการซื้อคอนเทนต์อีก 1,000 ล้านบาท จากเดิมที่เฉลี่ยปีละ 3,500 ล้านบาท พร้อมวางงบฯสำหรับการสื่อสารทางการตลาดไว้ที่ 400 ล้านบาท เรียกว่าเกมนี้เจ้าตลาดมาเต็ม เพราะมีเดิมพันศักดิ์ศรีที่ต้องรักษาบัลลังก์แชมป์ให้ได้

อย่างไรก็ตาม ถึงชั่วโมงนี้ผู้บริหารทรูวิชั่นส์ก็ยอมรับว่า เมื่อหมดลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกอังกฤษ อาจจะเสียสมาชิกไปเพียงตัวเลขหลักเดียว หากดูจากจำนวน "คอบอล" ที่มีอยู่ 10-20% ของฐานสมาชิกรวม

ด้านผู้ท้าชิง "ซีทีเอช" ก็ออกมาประกาศวิสัยทัศน์ว่าต้องการเป็นมากกว่าเคเบิลทีวี โดยมองไกลด้วยการวางเป้าหมายสู่ธุรกิจบรอดแบนด์เต็มรูปแบบ ซึ่งปีหน้าเตรียมลงทุนเพื่อเดินหน้าสู่ระบบการให้บริการแบบ ทริปเปิลเพย์ ก่อนขยายสู่รูปแบบการให้บริการแบบควอดเพย์ภายในเวลา 2 ปีนับจากนี้ ที่ต้องใช้เงินลงทุนทั้งหมด 3 หมื่นล้าน เพิ่มจากเดิมที่วางไว้ 2 หมื่นล้านบาท

เมื่อถึงตอนนั้น ซีทีเอชจะมีรายได้ถึง 1 แสนล้านบาท จากบริการรูปแบบต่าง ๆ รวม 7-8 บริการ เช่น เคเบิลทีวี โฮมช็อปปิ้ง รีเสิร์ชโฮม ดิจิทัลมีเดีย ไดเร็กมาร์เก็ตติ้ง เป็นต้น โดยสัดส่วนรายได้จากเคเบิลทีวีจะอยู่ที่ 20-30% ของรายได้รวม

ขณะเดียวกัน ยังปรับภาพลักษณ์ใหม่ พร้อมเปลี่ยนชื่อบริษัท จากบริษัท เคเบิ้ล ไทย โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) ภายใต้สโลแกน WE Share ที่พร้อมจะแชร์ทุกคอนเทนต์ ทุกประสบการณ์ ให้กับทุกคน

"กฤษณัน งามผาติพงศ์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ซีทีเอชจะเดินหน้าสู่ระบบดิจิทัลบรอดแบนด์ ที่จะพาบริการต่าง ๆ เข้าสู่ผู้ชมทุกครัวเรือน ปัจจุบันได้เปลี่ยนกล่องรับสัญญาณให้ฐานสมาชิกเก่า 2.5 ล้านราย พร้อมนับถอยหลังอีก 35 วันจะเปิดตัวมิติใหม่ของซีทีเอช

ช่วงแรกที่เปิดตัวจะมีช่องรายการที่หลากหลายในทุกคอนเทนต์ถึง 140 ช่อง พร้อมมีช่องเอชดี 30 ช่อง แบบไม่แบ่งเซ็กเมนต์ของผู้ชม เพราะทุกแพ็กเกจสามารถรับชมช่องเอชดีทั้งหมดได้ อีกทั้งช่องกีฬา สำหรับการถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ก็รับชมแบบเอชดีได้ วางเป้าหมายว่าสิ้นปีนี้จะมีฐานสมาชิกประมาณ 3-3.5 ล้านราย คาดว่าจะรายได้อยู่ที่หลักพันล้านบาท และอีก 2 ปีข้างหน้าจะมีฐานสมาชิกถึง 7 ล้านราย

ในส่วนของความพร้อมด้วยคอนเทนต์นั้น ก่อนหน้านี้ได้ร่วมมือกับ "ฟ็อกซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล ชาแนล" ที่จะนำคอนเทนต์มาร่วมแจมถึง 15 ช่อง และจะขยายให้ครบ 24 ช่องในสิ้นปีนี้ ทั้งรายการบันเทิง สารคดี ภาพยนตร์ เช่น แนท จีโอ แอดแวนเจอร์ HD, แนท จีโอ ไวด์ HD, แนท จีโอ มิวสิค ฟ็อกซ์ไทย เป็นต้น โดยสัดส่วนคอนเทนต์ปัจจุบันอยู่ที่คอนเทนต์ไทย 40% และต่างประเทศ 60%

"กฤษณัน" กล่าวต่อว่า ในส่วนของราคาแพ็กเกจการให้บริการทั้งหมดที่จะเปิดตัวในเดือนมิถุนายนนี้ จะมีหลากหลายแพ็กเกจให้ผู้บริโภคได้เลือก แต่ราคาแพ็กเกจสูงสุดจะไม่เกิน 1,000 บาท

ขณะที่ความพร้อมทางด้านโครงข่ายการให้บริการนั้น มีผู้ประกอบการเคเบิลทีวี 170 แห่งทั่วประเทศเป็นผู้ดูแลลูกค้าได้ทั่วถึงกว่า 900 อำเภอทั่วทั้ง 77 จังหวัด ขณะที่บางพื้นที่ที่โครงข่ายยังไม่พร้อม ก็เตรียมจานดาวเทียมไว้รองรับลูกค้าในพื้นที่นั้น ๆ แล้ว

เรียกว่าจัดทัพไว้พร้อมรบ รอเพียงสัญญาณเริ่ม ซีทีเอชก็พร้อมลุย ขณะที่เจ้าตลาดทรูวิชั่นส์ก็เตรียมกลยุทธ์ทั้งรุกทั้งรับไว้อย่างผู้ชำนาญเกม

วันนี้ต้องถือว่าทั้งคู่ต่างสูสี ทั้งในด้านคอนเทนต์และเม็ดเงินลงทุนที่มีกันแบบไม่อั้น แต่ใครจะเป็นผู้ชนะบนสมรภูมินี้ และสามารถฉกชิงลูกค้าในช่วง "สุญญากาศ" หลังการแข่งขันพรีเมียร์ลีกฤดูกาลล่าสุดสิ้นสุดลงเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

หากซีทีเอชสามารถฉวยโอกาสนี้ในการเสนอโปรโมชั่นพรีเมียร์ลีก ด้วยราคาและเงื่อนไขที่ "เร้าใจ" แล้ว

แน่นอนว่าตัวเลขเพียงหยิบมือเดียวที่ทรูฯคาดว่าจะสูญเสียไป อาจต้องมากกว่านั้น

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1369027966

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.