Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

25 มิถุนายน 2556 กสท. เตรียมจัดทำโฟกัสกรุ๊ป เรื่องการรับและพิจารณาเรื่องร้องเรียนของผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการบรอดแคสต์ในระบบดิจิตอลประเภททางธุรกิจระดับชาติ



ประเด็นหลัก


นอกจากนี้ กสท. เตรียมจัดทำโฟกัสกรุ๊ป ข้อเสนอแนวปฏิบัติ เรื่องการรับและพิจารณาเรื่องร้องเรียนของผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการบรอดแคสต์ในระบบดิจิตอลประเภททางธุรกิจระดับชาติ ตามข้อความใน (ร่าง) ประกาศ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการประมูลฯ เรื่องผู้รับใบอนุญาตต้องจัดให้มีกลไกการรับเรื่องร้องเรียนที่มีประสิทธิภาพ ตามแนวปฏิบัติที่คณะกรรมการกำหนด โดยข้อเสนอแนวปฏิบัตินี้จะเป็นเงื่อนไขให้ผู้รับใบอนุญาตมีหลักเกณฑ์การรับเรื่องร้องเรียนที่มีประสิทธิภาพ ตลอดจนแนวทางการแก้ไขปัญหากับผู้บริโภคได้ทันท่วงที โดยไม่ต้องรอ กสทช. พร้อมทั้งหาทางหรือวิธีการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาแบบเดิมซ้ำอีก โดยผู้ประกอบต้องรวบรวมฐานข้อมูลปัญหาเพื่อ กสทช.จะได้นำมาวิเคราะห์เพื่อหาแนวทางการจัดทำนโยบายต่อไป

______________________________________





"สุภิญญา" สงวนความเห็น ไม่ออกหลักเกณฑ์บิวตี้คอนเทสต์


"สุภิญญา กลางณรงค์" กก.กสท. สงวนความเห็นคัดค้านให้บอร์ดใช้ดุลยพินิจล้วนต่อการให้ใบอนุญาตทีวีสาธารณะ พบว่าต่างจากเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกประเภทช่องธุรกิจ หลังบอร์ด กสท.ไม่ออกประกาศเกณฑ์คัดเลือกทีวีสาธารณะ ทำเพียงหนังสือเชิญชวนแต่ไม่มีเกณฑ์การให้คะแนน...

เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ และกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) กสท. วานนี้ (24 มิ.ย.) ส่วนตัวได้สงวนความเห็นคัดค้านความเห็นประกอบการพิจารณาจากสำนักงานด้านกฎหมายต่อ (ร่าง) ประกาศ เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือก ให้ใช้คลื่นความถี่ในกิจการโทรทัศน์ สำหรับการประกอบกิจการบริการสาธารณะ พ.ศ. ... เพราะได้กำหนดรายละเอียด หลักเกณฑ์ วิธีการและกรอบการพิจารณาคัดเลือกตามที่กฎหมายกำหนดไว้แล้ว กสท.จึงไม่มีความจำเป็นที่ต้องจัดทำประกาศ หรือหลักเกณฑ์บิวตี้คอนเทสต์ แต่ได้นำแนวการพิจารณา ตามที่ 2 เสียงข้างน้อยได้เสนอไว้ มาจัดทำเป็นหนังสือเชิญชวนเพื่อเผยแพร่เป็นการทั่วไปแทน

กรรมการ กสทช.  กล่าวต่อว่า กรณีดังกล่าว มีการออกกฎ กติกาหลายอย่างแล้ว แต่มีจิ๊กซอว์สำคัญหายไป ได้แก่ 1. การแบ่งช่องสาธารณะ 12 ช่อง เป็นแค่มติบอร์ด กสท. วันที่ 25 มี.ค.2556 ที่ผ่านมา ที่เห็นชอบต่อแนวทางการอนุญาตให้บริการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล ประเภทกิจการบริการสาธารณะ กำหนดให้เป็นช่องออกอากาศคู่ขนาน (Simulcast) รายเดิมจำนวน 3 ช่อง (กองทัพบก – กรมประชาสัมพันธ์ และไทยพีบีเอส) สำหรับประเภทที่เน้นรายการสำหรับเด็ก เยาวชน และครอบครัว จำนวน 1 ช่อง สำหรับกิจการประเภทที่ 1 เพื่อการส่งเสริมความรู้ด้านต่างๆ จำนวน 3 ช่อง สำหรับกิจการประเภทที่ 2 เพื่อความมั่นคงของรัฐ และความปลอดภัยสาธารณะ จำนวน 2 ช่อง และสำหรับการกระจายข้อมูลข่าวสาร เพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างรัฐบาล รัฐสภากับประชาชน การสนับสนุนการเผยแพร่ประชาธิปไตย รวมถึงบริการข่าวสารแก่คนพิการ หรือกลุ่มคนต่างๆ ในสังคม จำนวน 3 ช่อง รวม 12 ช่อง แต่ในขณะที่ช่องทีวีประเภทธุรกิจ กลับถูกระบุใน (ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขการประมูลคลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล ประเภทบริการทางธุรกิจระดับชาติ พ.ศ. ...ที่กำลังจะจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นในวันที่ 27 มิ.ย.นี้ ได้แก่ ช่องเด็กเยาวชนและครอบครัว จำนวน 3 ช่อง ช่องข่าวสารและสาระ ช่องทั่วไปวาไรตี้แบบความคมชัดปกติ และช่องทั่วไปวาไรตี้แบบความคมชัดสูง จำนวนอย่างละ 7 ช่อง รวม 24 ช่อง

กก.กสทช.  กล่าวอีกว่า ส่วนตัวตั้งคำถามว่าเพียงพอหรือไม่เมื่อเทียบกับประกาศฯ เกณฑ์ของประเภทธุรกิจ กับการจัดสรรคลื่นความถี่เพื่อบริการสาธารณะ อย่างไรก็ตาม แม้ กสท.มีมติผ่านออกหนังสือเชิญชวนขอรับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล บริการสาธารณะ เฉพาะประเภทที่สาม โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการกระจายข้อมูลข่าวสารเพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างรัฐบาลกับประชาชน และรัฐสภากับประชาชน และสนับสนุนเผยแพร่ข่าวสารที่เป็นประโยชน์กับคนทุกกลุ่ม ทั้งนี้ กสท.ยืนยันมติที่จะไม่จัดทำเกณฑ์การพิจารณา หรือคะแนนพิจารณาคุณสมบัติทีวีสาธารณะทั้ง 3 ประเภท แต่เปิดให้กรรมการใช้ดุลยพินิจเป็นตัวตั้งเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากการกำหนดหลักเกณฑ์การอนุญาตการออกใบอนุญาตทีวีประเภทธุรกิจที่คัดเลือกจากเงินประมูล นอกจากนี้ ส่วนตัวเห็นว่า เรื่องดังกล่าวมีผลกระทบต่อความสำคัญในการใช้อำนาจของ กสทช. ที่มีผลทางปกครอง ซึ่งการออกเป็นหนังสือเชิญชวนเพียงอย่างเดียวอาจยังไม่พอ เพราะอาจส่งผลทางกฎหมายต่อไปในอนาคต จึงเห็นควรออกเป็นประกาศ กสทช. และเปิดรับฟังความคิดเห็นตามที่กฎหมายกำหนดด้วย

นางสาวสุภิญญา กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ กสท.เห็นชอบให้จัดรับฟังความคิดเห็น (โฟกัสกรุ๊ป) ต่อ (ร่าง) ประกาศ เรื่องหลักเกณฑ์เนื้อหาการกำกับดูแลเนื้อหารายการในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ซึ่งส่วนตัวได้สงวนความคิดเห็นในบางประเด็นต่อร่างฯ นี้ เนื่องจากร่างฯ ฉบับดังกล่าว มีสาระที่อาจกระทบต่อสิทธิเสรีภาพจึงต้องใช้ความรัดกุมและมีความละเอียดอ่อนในการพิจารณา โดยเฉพาะการใช้อำนาจกำกับดูแลตามมาตรา 37 ของ พ.ร.บ.ประกอบกิจการฯ

อย่างไรก็ตาม  กสท.มีมติรับข้อเสนอ เรื่องทิศทางโทรทัศน์ช่องเด็กและเยาวชนในยุคดิจิตอล เพื่อเป็นข้อมูลประกอบในการจัดทำเงื่อนไขในการพิจารณาออกใบอนุญาต และเป็นข้อมูลในการกำกับดูแล ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการให้ใบอนุญาตกับผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล ประเภทบริการธุรกิจระดับชาติสำหรับผู้ประกอบการโทรทัศน์ช่องเด็ก เยาวชน ตามมติ กสท. ในการกำหนดจำนวนใบอนุญาต 3 ใบสำหรับช่องรายการในหมวดหมู่เด็ก เยาวชน และครอบครัว

นอกจากนี้ กสท. เตรียมจัดทำโฟกัสกรุ๊ป ข้อเสนอแนวปฏิบัติ เรื่องการรับและพิจารณาเรื่องร้องเรียนของผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการบรอดแคสต์ในระบบดิจิตอลประเภททางธุรกิจระดับชาติ ตามข้อความใน (ร่าง) ประกาศ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการประมูลฯ เรื่องผู้รับใบอนุญาตต้องจัดให้มีกลไกการรับเรื่องร้องเรียนที่มีประสิทธิภาพ ตามแนวปฏิบัติที่คณะกรรมการกำหนด โดยข้อเสนอแนวปฏิบัตินี้จะเป็นเงื่อนไขให้ผู้รับใบอนุญาตมีหลักเกณฑ์การรับเรื่องร้องเรียนที่มีประสิทธิภาพ ตลอดจนแนวทางการแก้ไขปัญหากับผู้บริโภคได้ทันท่วงที โดยไม่ต้องรอ กสทช. พร้อมทั้งหาทางหรือวิธีการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาแบบเดิมซ้ำอีก โดยผู้ประกอบต้องรวบรวมฐานข้อมูลปัญหาเพื่อ กสทช.จะได้นำมาวิเคราะห์เพื่อหาแนวทางการจัดทำนโยบายต่อไป



โดย: ไทยรัฐออนไลน์
http://m.thairath.co.th/content/tech/353413

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.