18 กรกฎาคม 2556 IDC ไทยชี้ (วงการโทรคมนาคมไทยโตสวนกระแส9.8% เมื่อเทียบกับปี 2555) แม้ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก // นักวิเคราะห์ชี้ TOT CAT เร่งปรับตัว
ประเด็นหลัก
นายไมเคิล อาราเนตา ผู้จัดการประจำประเทศไทย ไอดีซี ประเทศไทย กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกไม่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนด้านไอซีทีในประเทศไทย คาดว่าการใช้จ่ายปีนี้จะมีมูลค่า 12,100 ล้านดอลลาร์ หรือ 3.6 แสนล้านบาท เติบโต 9.8% เมื่อเทียบกับปี 2555
เขากล่าวว่า การใช้จ่ายของไทยสูงที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของภูมิภาคอาเซียนรองจากอินโดนีเซีย เหตุผลสำคัญที่ไอดีซีไม่ปรับตัวลดลงเนื่องจากต่อไปไทยจะกลายเป็นศูนย์กลางการลงทุนของภูมิภาคเมื่อเปิดเออีซี ขณะเดียวกันมีปัจจัยบวกของเมกะโปรเจคภาครัฐ เช่น โครงการป้องกันน้ำท่วม แต่เป็นไปได้ที่จะได้เห็นภาวะชะลอตัวในช่วงปี 2557
นอกจากนี้ ประเด็นสำคัญที่น่าจับตามองในปีนี้ จนถึงปีหน้าคือ ไทยจะกลายเป็นศูนย์กลางการลงทุนด้านไอทีของอาเซียน โดยเทรนด์เทคโนโลยีที่มาแรงคือ คลาวด์ และบิ๊กดาต้า ส่วนพีซีจะถดถอยลง แต่แทบเล็ตและสมาร์ทโฟนจะเติบโตก้าวกระโดดมากกว่าเดิม ขณะที่ 3จี เพิ่มดีกรีการแข่งขันรูปแบบใหม่ๆ ให้อุตสาหกรรมโทรคมนาคมตามลำดับ
ข้อมูลไอดีซีระบุด้วยว่า การใช้จ่ายด้านไอทีของไทยมีโอกาสเติบโตได้ต่อเนื่อง ขณะนี้กลายเป็นที่จับตาของบริษัทซอฟต์แวร์ต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น อินเดีย และสิงคโปร์ ซึ่งมองหาโอกาสเข้ามาขยายธุรกิจในไทย โดยวางไว้เป็นศูนย์กลางที่จะขยายตลาดไปสู่อินโดนีเซีย พม่า ลาว และกัมพูชา คาดว่าปีนี้เฉพาะการใช้จ่ายด้านซอฟต์แวร์จะเติบโตที่ 11.2% ขับเคลื่อนโดยเทรนด์บิ๊กดาต้าและการวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับภาคธุรกิจ
ปัจจุบันเป็นช่วงขาขึ้นของสมาร์ทโฟนและแทบเล็ต ปีนี้ไอดีซีประเมินว่ายอดขายแทบเล็ตไทยซึ่งรวมกับโครงการแทบเล็ตนักเรียน 1.6 ล้านเครื่องแล้ว จะมีถึง 5.3 ล้านเครื่อง คิดเป็นอัตราการเติบโต 94% ขณะเดียวกันกลุ่มที่สามารถเติบโตได้สูงที่สุดคือเครื่องระดับล่างราคาต่ำกว่า 6,000 บาท ส่วนระดับบนไม่หวือหวามากและถูกกินรวบโดย 2 แบรนด์หลัก
สมาร์ทโฟนโตสวนกระแสศก.ซบ
ส่วนสมาร์ทโฟนคาดว่าจะมียอดขาย 9 ล้านเครื่อง เติบโต 70% ปัจจัยบวกรับอานิสงส์ความพร้อมโครงข่าย 3จี การทำตลาดที่เข้มข้นของผู้ให้บริการ รวมถึงการผลักดันเฮ้าส์แบรนด์โดยผู้ให้บริการมือถือเอง โดย 4 ระบบปฏิบัติการที่มีอยู่ในตลาดคือ แอนดรอยด์ ไอโอเอส แบล็คเบอร์รี และวินโดว์สโฟน ด้านโอกาสเปิดกว้างกับระบบปฏิบัติการ (โอเอส) ที่ระบบ แต่ที่มากที่สุดคือแอนดรอยด์
"เศรษฐกิจตกต่ำ หนี้สินครัวเรือนเพิ่มจากปัจจัย เช่น รถคันแรกทำให้การใช้จ่ายผู้บริโภคลดลง แต่ที่จะได้รับผลกระทบคือสินค้าที่มีไว้ใช้งาน เช่น พีซี ส่วนอีโมชั่นนอลโปรดักท์ อย่างสมาร์ทโฟนหรือแทบเล็ตไม่ได้ขึ้นอยู่กับสภาวะเศรษฐกิจ ที่มาช่วยกระตุ้นกำลังซื้อได้อีกทางหนึ่งคือโปรแกรมผ่อน 0% ที่ร่วมกับสถาบันการเงิน"
นางสาวนีรนุช กนกวิไลรัตน์ นักวิเคราะห์อาวุโส สายงานโทรคมนาคม ประเมินว่า โครงข่าย 3จี ที่ยังไม่เสถียรจะดีขึ้นเมื่อถึงสิ้นปีนี้ จากนี้ บมจ.ทีโอทีและบมจ.กสท โทรคมนาคม จำเป็นต้องขยับตัวให้เร็วขึ้นเพื่อหาทางเพิ่มรายได้ที่ขาดหายไปจากสัญญาสัมปทาน ที่น่าจับตามองคือความเคลื่อนไหวของบริษัทโทรคมนาคมไทยที่กำลังเข้าไปเปิดตลาดในสหภาพพม่า
______________________________________
'ไอดีซี'ชี้ใช้จ่ายไอซีทีไทยพุ่ง3.6แสนล้าน
"ไอดีซี"คาดใช้จ่ายไอซีทีไทยมูลค่าแตะ 3.6 แสนล้านบาท ชี้เศรษฐกิจโลกทรุดไม่กระทบใช้จ่าย ประเมินไทยผงาดฮับลงทุนไอทีอาเซียน
แม้ว่าเศรษฐกิจทั่วโลกจะตกต่ำ แต่ "ไอดีซี" บริษัทวิจัยระดับโลกยังให้ความเชื่อมั่นต่อการเติบโตการใช้จ่ายด้านไอซีทีในประเทศไทย และมีความพร้อมเป็นศูนย์กลางการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน ขณะที่รัฐบาลยังมีโครงการขนาดใหญ่รออยู่ ดึงให้บริษัทซอฟต์แวร์ต่างชาติสนใจเข้าลงทุนในไทยเพื่อเป็นฐานขยายสู่ประเทศรอบข้าง
นายไมเคิล อาราเนตา ผู้จัดการประจำประเทศไทย ไอดีซี ประเทศไทย กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกไม่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนด้านไอซีทีในประเทศไทย คาดว่าการใช้จ่ายปีนี้จะมีมูลค่า 12,100 ล้านดอลลาร์ หรือ 3.6 แสนล้านบาท เติบโต 9.8% เมื่อเทียบกับปี 2555
เขากล่าวว่า การใช้จ่ายของไทยสูงที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของภูมิภาคอาเซียนรองจากอินโดนีเซีย เหตุผลสำคัญที่ไอดีซีไม่ปรับตัวลดลงเนื่องจากต่อไปไทยจะกลายเป็นศูนย์กลางการลงทุนของภูมิภาคเมื่อเปิดเออีซี ขณะเดียวกันมีปัจจัยบวกของเมกะโปรเจคภาครัฐ เช่น โครงการป้องกันน้ำท่วม แต่เป็นไปได้ที่จะได้เห็นภาวะชะลอตัวในช่วงปี 2557
นอกจากนี้ ประเด็นสำคัญที่น่าจับตามองในปีนี้ จนถึงปีหน้าคือ ไทยจะกลายเป็นศูนย์กลางการลงทุนด้านไอทีของอาเซียน โดยเทรนด์เทคโนโลยีที่มาแรงคือ คลาวด์ และบิ๊กดาต้า ส่วนพีซีจะถดถอยลง แต่แทบเล็ตและสมาร์ทโฟนจะเติบโตก้าวกระโดดมากกว่าเดิม ขณะที่ 3จี เพิ่มดีกรีการแข่งขันรูปแบบใหม่ๆ ให้อุตสาหกรรมโทรคมนาคมตามลำดับ
ข้อมูลไอดีซีระบุด้วยว่า การใช้จ่ายด้านไอทีของไทยมีโอกาสเติบโตได้ต่อเนื่อง ขณะนี้กลายเป็นที่จับตาของบริษัทซอฟต์แวร์ต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น อินเดีย และสิงคโปร์ ซึ่งมองหาโอกาสเข้ามาขยายธุรกิจในไทย โดยวางไว้เป็นศูนย์กลางที่จะขยายตลาดไปสู่อินโดนีเซีย พม่า ลาว และกัมพูชา คาดว่าปีนี้เฉพาะการใช้จ่ายด้านซอฟต์แวร์จะเติบโตที่ 11.2% ขับเคลื่อนโดยเทรนด์บิ๊กดาต้าและการวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับภาคธุรกิจ
พีซีโตติดลบแต่ตลาดยังมี
นายจาริตร์ สิทธุ นักวิเคราะห์สายงานศึกษาตลาดไคลเอนต์ ดีไวซ์ ประจำไอดีซี เผยว่า การแข่งขันระหว่างผู้ผลิตทั้งพีซี สมาร์ทโฟน และแทบเล็ตเข้มข้นอย่างมาก ทุกวันนี้แต่ละรายพยายามปรับตัวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลง ไอดีซียืนยันว่าพีซีไม่มีวันตายไปจากตลาด ทว่าไม่อาจโตได้หวือหวาอีกต่อไปแล้ว
ทั้งนี้ ปี 2556 ตลาดพีซีไทยจะติดลบที่ 7% ยอดขาย 3.5 ล้านเครื่อง แบ่งเป็น โน้ตบุ๊ค 1.8 ล้านเครื่อง เดสก์ท็อป 1.6 ล้านเครื่อง สอดคล้องกับภาวะทั่วโลกและระดับภูมิภาค แต่คาดว่าปีหน้าสถานการณ์ตลาดโน้ตบุ๊คจะค่อยๆ ดีขึ้น แต่การเติบโตจะอยู่แค่ระดับตัวเลขหลักเดียว ขณะนี้เป็นช่วงของการปรับสมดุลใหม่
"ตลาดติดลบมา 2 ปีติดต่อกัน โดยผลกระทบที่สำคัญคือความนิยมของสมาร์ทโฟนและแทบเล็ต จากเดิมที่เฉลี่ยผู้บริโภคเปลี่ยนเครื่องใหม่ทุก 2 ปี เปลี่ยนเป็น 3-4 ปี"
ปัจจุบันเป็นช่วงขาขึ้นของสมาร์ทโฟนและแทบเล็ต ปีนี้ไอดีซีประเมินว่ายอดขายแทบเล็ตไทยซึ่งรวมกับโครงการแทบเล็ตนักเรียน 1.6 ล้านเครื่องแล้ว จะมีถึง 5.3 ล้านเครื่อง คิดเป็นอัตราการเติบโต 94% ขณะเดียวกันกลุ่มที่สามารถเติบโตได้สูงที่สุดคือเครื่องระดับล่างราคาต่ำกว่า 6,000 บาท ส่วนระดับบนไม่หวือหวามากและถูกกินรวบโดย 2 แบรนด์หลัก
สมาร์ทโฟนโตสวนกระแสศก.ซบ
ส่วนสมาร์ทโฟนคาดว่าจะมียอดขาย 9 ล้านเครื่อง เติบโต 70% ปัจจัยบวกรับอานิสงส์ความพร้อมโครงข่าย 3จี การทำตลาดที่เข้มข้นของผู้ให้บริการ รวมถึงการผลักดันเฮ้าส์แบรนด์โดยผู้ให้บริการมือถือเอง โดย 4 ระบบปฏิบัติการที่มีอยู่ในตลาดคือ แอนดรอยด์ ไอโอเอส แบล็คเบอร์รี และวินโดว์สโฟน ด้านโอกาสเปิดกว้างกับระบบปฏิบัติการ (โอเอส) ที่ระบบ แต่ที่มากที่สุดคือแอนดรอยด์
"เศรษฐกิจตกต่ำ หนี้สินครัวเรือนเพิ่มจากปัจจัย เช่น รถคันแรกทำให้การใช้จ่ายผู้บริโภคลดลง แต่ที่จะได้รับผลกระทบคือสินค้าที่มีไว้ใช้งาน เช่น พีซี ส่วนอีโมชั่นนอลโปรดักท์ อย่างสมาร์ทโฟนหรือแทบเล็ตไม่ได้ขึ้นอยู่กับสภาวะเศรษฐกิจ ที่มาช่วยกระตุ้นกำลังซื้อได้อีกทางหนึ่งคือโปรแกรมผ่อน 0% ที่ร่วมกับสถาบันการเงิน"
นางสาวนีรนุช กนกวิไลรัตน์ นักวิเคราะห์อาวุโส สายงานโทรคมนาคม ประเมินว่า โครงข่าย 3จี ที่ยังไม่เสถียรจะดีขึ้นเมื่อถึงสิ้นปีนี้ จากนี้ บมจ.ทีโอทีและบมจ.กสท โทรคมนาคม จำเป็นต้องขยับตัวให้เร็วขึ้นเพื่อหาทางเพิ่มรายได้ที่ขาดหายไปจากสัญญาสัมปทาน ที่น่าจับตามองคือความเคลื่อนไหวของบริษัทโทรคมนาคมไทยที่กำลังเข้าไปเปิดตลาดในสหภาพพม่า
นายจิม เซเลอร์ ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคอาเซียน ไอดีซี เผยว่า ไอดีซีกำลังเพิ่มโฟกัสในระดับอาเซียน โดยไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่จะเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้นทั้งด้านบุคลากร ทรัพยากร การตลาด และความร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่นทั้งภาครัฐและเอกชน พร้อมกันนี้หวังเปลี่ยนภาพลักษณ์องค์กรจากที่ถูกมองว่าเป็นองค์กรอิสระเป็นบริษัทวิจัยผู้เชี่ยวชาญด้านวิเคราะห์ข้อมูล ที่ปรึกษา ทั้งหวังมีส่วนร่วมทำโรดแมพด้านไอซีทีให้รัฐบาลไทย
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/it/it/20130718/518025/%E0%B9%84%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0
%B8%B5%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9
%89%E0%B8%88%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%84%E0%B8%AD%E0%B8%8B%E0%B8%B
5%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B9%88%E
0%B8%873.6%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99.html
ไม่มีความคิดเห็น: