Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

17 มีนาคม 2557 Kaspersky ระบุ ผู้ร้ายมักบุกเจาะข้อมูลผ่านทางยูสเซอร์มากกว่าตรงเข้าระบบไอทีของธนาคารซึ่งมักได้รับการป้องกันเป็นอย่างดี


ประเด็นหลัก

นอกจากนี้ แคสเปอร์สกี้ ยังระบุว่าได้พบสิ่งที่น่าแปลกใจอีกประการ คือ ผู้ร้ายมักบุกเจาะข้อมูลผ่านทางยูสเซอร์มากกว่าตรงเข้าระบบไอทีของธนาคารซึ่งมักได้รับการป้องกันเป็นอย่างดี ประกอบกับผู้ใช้อาจลืมระมัดระวังและไม่ได้ป้องกันคอมพิวเตอร์หรือดีไวซ์ของตน ทั้งยังละเลยมาตรการความปลอดภัยพื้นฐานเมื่อใช้บริการการเงินออนไลน์ โดย 28% ของผู้เข้าร่วมการสำรวจไม่เคยตรวจสอบเว็บไซต์ว่าเป็นของจริงหรือไม่ ก่อนที่ยินยอมกรอกข้อมูลสำคัญต่างๆ และ 34% ไม่เคยใช้วิธีการป้องกันข้อมูลเลยแม้จะใช้ไว-ไฟสาธารณะ นอกจากนี้ กว่า 45% ของผู้ตอบแบบสอบถามยังเชื่อว่าตนเองมีสิทธิ์ได้รับเงินคืนจากธนาคาร เมื่อถูกขโมยหรือยักยอกในกรณีเป็นอาชญากรรมไซเบอร์ 45% ขณะที่อีก 57% มั่นใจว่าธนาคารจะต้องรับผิดชอบดูแลในมาตรการระบบความปลอดภัยทั้งหมด


______________________________________



เตือนผู้ใช้ธุรกรรมออนไลน์เช็กเว็บ-ป้องกันข้อมูล ลดเสี่ยงสูญเงิน


แคสเปอร์สกี้ แลป เผยผู้ใช้บริการการเงินผ่านอินเทอร์เน็ตมากกว่า 45% เชื่อมั่นว่าธนาคารจะคืนเงินให้ลูกค้าหากถูกโจรกรรม ...

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แคสเปอร์สกี้ ผู้ให้บริการโซลูช่ั่นความปลอดภัยข้อมูล ได้เปิดเผยข้อมูลจาก Consumer Security Risks Survey 2013 ซึ่งสำรวจโดยบีทูบี อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทวิเคราะห์ตลาด ร่วมกับแคสเปอร์สกี้ แลป โดยระบุว่า พบอัตราการเติบโตของอาชญากรรมการเงินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสถิติที่พบคือทุกฟิชชิ่งตัวที่สี่ (เช่น การปลอมแปลง) จะเป็นเว็บเพจปลอมแปลงขึ้นเพื่อการขโมยเงินทางออนไลน์ เลียนแบบเพจธนาคาร ร้านค้าออนไลน์ หรือบริการชำระค่าบริการต่างๆ เพื่อลวงผู้ใช้ให้กรอกข้อมูลการเงิน นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้ก่ออาชญากรรมยังคงแต่งโปรแกรมมัลแวร์ที่สามารถด้านการขโมยทางออนไลน์ เพื่อหาทางหลบเลี่ยงการป้องกันจากบริการด้านความปลอดภัยข้อมูลได้อยู่เรื่อยๆ

นอกจากนี้ แคสเปอร์สกี้ ยังระบุว่าได้พบสิ่งที่น่าแปลกใจอีกประการ คือ ผู้ร้ายมักบุกเจาะข้อมูลผ่านทางยูสเซอร์มากกว่าตรงเข้าระบบไอทีของธนาคารซึ่งมักได้รับการป้องกันเป็นอย่างดี ประกอบกับผู้ใช้อาจลืมระมัดระวังและไม่ได้ป้องกันคอมพิวเตอร์หรือดีไวซ์ของตน ทั้งยังละเลยมาตรการความปลอดภัยพื้นฐานเมื่อใช้บริการการเงินออนไลน์ โดย 28% ของผู้เข้าร่วมการสำรวจไม่เคยตรวจสอบเว็บไซต์ว่าเป็นของจริงหรือไม่ ก่อนที่ยินยอมกรอกข้อมูลสำคัญต่างๆ และ 34% ไม่เคยใช้วิธีการป้องกันข้อมูลเลยแม้จะใช้ไว-ไฟสาธารณะ นอกจากนี้ กว่า 45% ของผู้ตอบแบบสอบถามยังเชื่อว่าตนเองมีสิทธิ์ได้รับเงินคืนจากธนาคาร เมื่อถูกขโมยหรือยักยอกในกรณีเป็นอาชญากรรมไซเบอร์ 45% ขณะที่อีก 57% มั่นใจว่าธนาคารจะต้องรับผิดชอบดูแลในมาตรการระบบความปลอดภัยทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม การโจรกรรมจากบัญชีของลูกค้านั้นมีนัยต่อธุรกิจการเงินมากกว่าค่าใช้จ่ายที่เป็นตัวเงิน แต่หมายรวมถึงชื่อเสียง ความเชื่อถือ ความภักดีของลูกค้าต่อสถาบันการเงินด้วย จึงพบว่าธนาคารมักใช้วิธีการต่างๆ เพื่อป้องกันลูกค้าจากภัยโจรกรรม แต่ในความเป็นจริงกลับพบว่าการป้องกันแบบเต็มพิกัดเพื่อปกป้องการทำธุรกรรมออนไลน์นั้นต้องมาจากโซลูชั่นที่จัดขึ้นโดยเฉพาะ และพัฒนาเพื่อรับมือการป้องกันภัยคุกคามเฉพาะด้าน ซึ่งแคสเปอร์สกี้ ได้แนะนำ Kaspersky Fraud Prevention สำหรับสถาบันการเงินและอีคอมเมิร์ซ ซึ่งโซลูชั่นดังกล่าวเป็นการรองรับเทรนด์การใช้ชีวิตรุ่นใหม่ อาทิ การใช้แท็บเล็ตหรือสมาร์ทโฟนในการทำธุรกรรมการเงินออนไลน์ รองรับการใช้งานทั้งระบบปฏิบัติการวินโดวส์ และแมค รวมทั้งแอนดรอยด์และไอโอเอส ทั้งยังปกป้องเซิร์ฟเวอร์คอมโพเนนท์ สามารถระบุการกระทำใดที่น่าสงสัย แม้ลูกค้าจะไม่ได้ติดตั้งใช้งานโซลูชั่นดังกล่าวไว้บนดีไวซ์.

โดย: ไทยรัฐออนไลน์

http://m.thairath.co.th/content/tech/410486

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.