Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

19 สิงหาคม 2557 ลุ้น ช่อง3 อะนาล็อกที่ชมผ่านดาวเทียมหรือเคเบิลจอดำ 1 ก.ย. เป็นต้นไป ( หากนับผู้ชมที่รับชมผ่านเสาอากาศ ช่อง 7 อยู่ที่ 77% รองลงมาเป็นช่อง 3 อยู่ที่ 74% ส่วน ช่อง 9 อยู่ที่ 55% และช่อง 5 มี 53% )

ประเด็นหลัก



หรือว่าช่อง 3 จะต้องโดดจอดำจริงๆ

ในเวลานั้น คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ หรือ กสท. ได้มีมติวันที่ 28 พ.ค. 2557 พิจารณาขยายเวลาการเป็นผู้ประกอบกิจการโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไปของช่องอะนาล็อกเดิมอีก 100 วัน ส่งผลให้ช่อง 3 ยังสามารถออกอากาศบนโครงข่ายแบบบอกรับสมาชิก (เพย์ทีวี) ต่อไปได้อีก 100 วัน จากเดิมที่ช่อง3 ไม่สามารถออกอากาศบนเพย์ทีวีได้ตั้งแต่ 26 พ.ค.2557 และหากศาลยังไม่มีคำพิพากษาใดๆ ช่อง 3 ก็จะไม่สามารถออกอากาศบนเพย์ทีวีได้อีกหลังวันที่ 1 ก.ย. เป็นต้นไป

หากช่อง3 จอดำ จะเกิดผลกระทบต่อผู้ชมช่องทางไหนบ้าง


-ผู้ชมช่อง 3 อะนาล็อก ที่ติดเสาหนวดกุ้ง ก้างปลา ยังคงรับชมได้ตามปกติ ฐานผู้ชมในเดือนพฤษภาคม 2557 ตั้งแต่ทีวีดิจิตอลเริ่มออกอากาศนั้น อันดับหนึ่ง คือ ช่อง 7 อยู่ที่ 77% รองลงมาเป็นช่อง 3 อยู่ที่ 74% ส่วน ช่อง 9 อยู่ที่ 55% และช่อง 5 มี 53%


-ผู้ชมที่รับชมช่อง 3 ผ่านทีวีดาวเทียม และเคเบิลทีวี 60-70% ไม่สามารถรับชมช่อง 3 ได้ ซึ่งเรื่องนี้ ทางช่อง 3 ได้หารือกับทางเคเบิลและดาวเทียมแล้ว ผู้ประกอบการหลายรายยังคงยืนยันว่าจะออกอากาศตามปกติ และช่อง 3 เองก็ยังไม่มีแผนรองรับ หรือปรับเปลี่ยน โยกย้าย ผังรายการหากเกิดจอดำ


-ผู้ชมทีวีดิจิตอล ไทยทีวีสีช่อง 3 ที่ยังมีอีกถึง 3 ช่อง ก็ยังรับชมได้ตามปกติ ได้แก่ ช่อง 3 HD ช่อง 3 SD และ ช่อง 3 แฟมิลี่ แต่เป็นรายการของผังทีวีดิจิตอล ไม่ใช่อะนาล็อกเดิม เพราะช่อง 3 ไม่ได้ออกอากาศแบบคู่ขนาน โดยเรื่องนี้ ผู้ชมที่รับชมผ่านทางทีวีดาวเทียม ไม่ว่าจะเป็นกล่องแกรมมี่ กล่องอาร์เอส กล่องพีเอสไอ หรือกล่องจากดำต่างๆ รวมทั้งเคเบิลทีวี อาทิ ทรูวิชั่นส์ หรือ ซีทีเอช  จะเปลี่ยนไปชมช่องทางนี้ก็หมดสิทธิ์


______________________________




สิ้นสุดมัสต์แครี่!! ลุ้นช่อง 3 จอดำ? หรือไม่ 1 กันยายนนี้


วิเคราะห์สถานการณ์จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เมื่อไทยทีวีสีช่อง3 กำลังจะพ้นการคุ้มครองตามประกาศมัสต์แครี่ ในวันที่ 1 ก.ย.นี้ ท่ามกลางกระแสข่าวว่า กสท.อาจขยายเวลาออกไปให้อีก 100 วัน และถ้าจอดำขึ้นมาจะส่งผลอย่างไร...

หลังศาลปกครองกลางมีคำสั่งยกคำขอของ บริษัท บางกอก เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด หรือ สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ผู้ฟ้องคดีที่ขอให้ศาล สั่งชะลอการบังคับใช้ประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่สั่งให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ต้องสิ้นสุดการทำหน้าที่โทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไป (มัสต์แครี่) ในวันที่ 25 พ.ค.2557 ไว้ก่อน จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด ในคดีที่บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ ยื่นฟ้อง ขอให้ศาลเพิกถอนกฎดังกล่าวเนื่องจากไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยศาลเห็นว่า กสทช.มีอำนาจออกประกาศฯ


หรือว่าช่อง 3 จะต้องโดดจอดำจริงๆ

ในเวลานั้น คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ หรือ กสท. ได้มีมติวันที่ 28 พ.ค. 2557 พิจารณาขยายเวลาการเป็นผู้ประกอบกิจการโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไปของช่องอะนาล็อกเดิมอีก 100 วัน ส่งผลให้ช่อง 3 ยังสามารถออกอากาศบนโครงข่ายแบบบอกรับสมาชิก (เพย์ทีวี) ต่อไปได้อีก 100 วัน จากเดิมที่ช่อง3 ไม่สามารถออกอากาศบนเพย์ทีวีได้ตั้งแต่ 26 พ.ค.2557 และหากศาลยังไม่มีคำพิพากษาใดๆ ช่อง 3 ก็จะไม่สามารถออกอากาศบนเพย์ทีวีได้อีกหลังวันที่ 1 ก.ย. เป็นต้นไป

หากช่อง3 จอดำ จะเกิดผลกระทบต่อผู้ชมช่องทางไหนบ้าง


-ผู้ชมช่อง 3 อะนาล็อก ที่ติดเสาหนวดกุ้ง ก้างปลา ยังคงรับชมได้ตามปกติ ฐานผู้ชมในเดือนพฤษภาคม 2557 ตั้งแต่ทีวีดิจิตอลเริ่มออกอากาศนั้น อันดับหนึ่ง คือ ช่อง 7 อยู่ที่ 77% รองลงมาเป็นช่อง 3 อยู่ที่ 74% ส่วน ช่อง 9 อยู่ที่ 55% และช่อง 5 มี 53%


-ผู้ชมที่รับชมช่อง 3 ผ่านทีวีดาวเทียม และเคเบิลทีวี 60-70% ไม่สามารถรับชมช่อง 3 ได้ ซึ่งเรื่องนี้ ทางช่อง 3 ได้หารือกับทางเคเบิลและดาวเทียมแล้ว ผู้ประกอบการหลายรายยังคงยืนยันว่าจะออกอากาศตามปกติ และช่อง 3 เองก็ยังไม่มีแผนรองรับ หรือปรับเปลี่ยน โยกย้าย ผังรายการหากเกิดจอดำ


-ผู้ชมทีวีดิจิตอล ไทยทีวีสีช่อง 3 ที่ยังมีอีกถึง 3 ช่อง ก็ยังรับชมได้ตามปกติ ได้แก่ ช่อง 3 HD ช่อง 3 SD และ ช่อง 3 แฟมิลี่ แต่เป็นรายการของผังทีวีดิจิตอล ไม่ใช่อะนาล็อกเดิม เพราะช่อง 3 ไม่ได้ออกอากาศแบบคู่ขนาน โดยเรื่องนี้ ผู้ชมที่รับชมผ่านทางทีวีดาวเทียม ไม่ว่าจะเป็นกล่องแกรมมี่ กล่องอาร์เอส กล่องพีเอสไอ หรือกล่องจากดำต่างๆ รวมทั้งเคเบิลทีวี อาทิ ทรูวิชั่นส์ หรือ ซีทีเอช  จะเปลี่ยนไปชมช่องทางนี้ก็หมดสิทธิ์


ช่อง 3 ในระบบดิจิตอล


ส่วนที่สงสัยว่า ช่อง 3 จะหันมาออกคู่ขนานกันไประหว่างอะนาล็อกกับดิจิตอลหรือไม่ นายสุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์ รองกรรมการผู้จัดการ สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 กล่าวว่า ทางช่องจะพิจารณาออกตามความเหมาะสม โดยเป็นเรื่องของอนาคตที่อาจจะทำต่อไป ส่วนการหารือกับ กสทช. นั้น ในฐานะที่อยู่ในอุตสาหกรรมโทรทัศน์ ก็จะหารือและพยายามพิจารณาให้แล้วเสร็จ เพราะช่อง 3 ประกอบธุรกิจและมีผู้ถือหุ้นที่ต้องรายงานให้ทราบ

ส่วนกระแสที่ว่าช่อง 3 ทำให้การเปลี่ยนผ่านทีวีดิจิตอลล่าช้า เพราะเป็นช่องเดียวที่ไม่ได้ออกอากาศแบบคู่ขนานเหมือนช่อง 5,7,9,11 นั้น รองกรรมการผู้จัดการ ช่อง 3 กล่าวว่า ปัจจัยหลักไม่ใช่เพราะช่อง 3 ค้างอยู่ที่อะนาล็อกแน่นอน เพราะปัจจุบันมีผู้รับชมทีวีดิจิตอลผ่านเคเบิล และดาวเทียมอยู่แล้ว แต่อยู่ที่ 24 ช่องที่มาใหม่ และ กสทช.ว่าจะสนับสนุนอย่างไร ทั้งการประชาสัมพันธ์ การแจกคูปอง และการขยายโครงข่ายให้เข้าถึง

ขณะที่ ล่าสุดกระแสข่าวระบุว่า กสท. อาจขยายเวลามัสต์แครี่ออกไปอีกจากเดิมที่สิ้นสุดวันที่ 1 กันยายน 2557

กระแสดังกล่าว สอดคล้องกับคำให้สัมภาษณ์ของ พ.อ.นที ศุกลรัตน์ ประธาน กสท. ว่า คำสั่งศาลที่ออกมา เป็นเพียงการแจ้งให้ทราบเท่านั้น เนื่องจากยังต้องรอศาลปกครองพิจารณาต่อไป ซึ่งการพิจารณา ต้องไม่กระทบกระเทือนต่อสิทธิ์และประโยขน์ของสาธารณะ และประชาชน ซึ่งไม่ได้เป็นเหตุผลในการยกเลิกสัญญาสัมปทานเนื่องจากปัจจุบันยังมีกรอบของการขยายเวลาการเป็นผู้ประกอบกิจการโทรทัศน์ให้บริการเป็นการทั่วไปของช่องอะนาล็อกเดิมหรือช่อง 3 ออกไปอีก 100 วัน จากที่จะครบกำหนดในวันที่ 1 กันยายน 2557


อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเวลาโฆษณาของอะนาล็อก


ในช่วงไพรม์ไทม์ เวลา 19.00-22.00 น. ช่อง 3 อยู่ที่ราคา 4.8 แสนบาทต่อนาที ขณะที่ ช่วงเวลา 22.00-24.00 น. ราคา 3.3-4.3 แสนบาทต่อนาที ซึ่งหากจอดำ อัตราโฆษณานี้ จะได้รับผลกระทบไปด้วย


ด้าน นายธวัชชัย จิตภาษณ์นันท์ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ด้านเศรษฐศาสตร์ เปิดเผยว่า หากสิ้นสุดระยะเวลาประกาศมัสต์แครี่ หมายความว่าช่อง 3 จะเกิดจอดำ ซึ่งจะส่งผลเสียกับทั้งช่อง 3 ที่จะขาดรายได้ เพราะคนที่รับชมช่อง3 ผ่านเคเบิลทีวี จะหายไปประมาณ 40% เนื่องจากหันไปดูช่องอื่นมากขึ้น และ กสทช. จะโดนตำหนิในแง่ที่เป็นหน่วยงานกำกับดูแล


ช่อง 3 HD

ส่วนเรื่องการขยายเวลามัสต์แครี่ออกไปนั้น กรรมการ กสทช. ด้านเศรษฐศาสตร์ มองว่า เป็นการเลื่อนเวลาตัดสินใจออกไป แต่สุดท้ายก็ต้องใช้ตามกฎมัสต์แตรี่ นอกจากนี้ ยังประเมินว่า หากจอดำขึ้นมาจริง ก็คงไม่นานเพราะคิดว่าแต่ละฝ่ายที่เกี่ยวข้องคงมีทางออกร่วมกัน หรือเรียกว่าประณีประนอมกัน

ส่วน นายมานะ ตรีรยาภิวัฒน์ รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ผลกระทบหาก ช่อง 3 เกิดจอดำ เพราะ ประกาศมัสต์แครี่ในวันที่ 1 กันยายนนี้ นั้น ในส่วนของภาพรวมของของอุตสาหกรรมโทรทัศน์ ซึ่งการรับชมผ่านแพตลตฟอร์มอื่นนั้น ประชาชนที่รับชมทีวีดิจิตอลยังมีน้อยกว่าฟรีทีวี ดังนั้น หากสิ้นสุดประกาศมัสต์แครี่ จะทำให้ช่อง 3 เสียฐานผู้ชมไปจำนวนหนึ่ง และ กสทช. ก็อาจจะโดนกดดันด้วยที่ทำให้ประชาชนไม่ได้รับชมผ่านแพลตฟอร์มอื่นๆ และช่อง 3 ที่เป็นทีวีดิจิตอล แม้ว่าจะมี 3 ช่อง ก็ไม่สามารถทดแทนได้ และในส่วนของประชาชนที่รับชมตามปกติไม่ได้เปลี่ยนแพลตฟอร์ม ก็ไม่สามารถดูได้


รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา คณะนิเทศศาสตร์ ม.หอการค้าไทย กล่าวต่อว่า ถึงแม้ว่าทีวีดิจิตอลจะมีจำนวนเพิ่มขึ้น แต่ช่อง 3 เสมือนพยายามดึงให้ตัวเองยังคงอยู่ต่อในระบบอะนาล็อกให้นานที่สุด ซึ่งตรงข้ามกับ กสทช. ที่ต้องการให้ประชาชนเข้าถึงการรับชมทีวีดิจิตอลให้ได้มากที่สุด หรือ เปรียบเสมือนมีประชาชนเป็นตัวประกัน ส่วนการขยายเวลามัสต์แครี่ออกไปนั้น กลุ่มที่จะเหนื่อย คือ ผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล ทั้งในแง่ของผู้สนับสนุน และฐานผู้ชม เพราะส่วนใหญ่ก็ยังคงยึดฐานอะนาล็อกมากกว่าดิจิตอล

เมื่อวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา ศาลปกครองกลางมีคำสั่งยกคำร้องของ บริษัท บางกอก เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด หรือ สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ผู้ฟ้องคดีที่ขอให้ศาล สั่งชะลอการบังคับใช้ประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่สั่งให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ต้องสิ้นสุดการทำหน้าที่โทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไป (มัสต์แครี่) ในวันที่ 25 พ.ค.2557 ไว้ก่อน จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด ในคดีที่บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ (ช่อง 3) ยื่นฟ้อง กสทช. ขอให้ศาลเพิกถอนกฎดังกล่าวเนื่องจากไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยศาลเห็นว่า กสทช. มีอำนาจออกประกาศ

ล่าสุดรายงานข่าวแจ้งว่า ล่าสุด ช่อง 3 ได้ส่งแผนงานมาให้ กสท. พิจารณา ซึ่งช่อง 3 เสนอให้นำช่อง 3 ทั้งหมด 4 ช่อง คือ อะนาล็อก 1 ช่อง และ ดิจิตอล 3 ช่อง มาออกอากาศทางช่องสาธารณะ ที่กสทช. กำหนดไว้ 12 ช่อง เพราะขณะนี้ยังไม่มีการใช้งาน ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะไม่เป็นไปตามที่ช่อง3 ร้องขอ อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการ กสท. คงต้องพิจารณาเรื่องนี้อย่างละเอียดและรอบคอบที่สุดต่อไป

http://www.thairath.co.th/content/443801

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.