Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

27 ธันวาคม 2557 J.I.B. ระบุ ปี 2558 ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 7,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากธุรกิจค้าส่งเป็นหลักรวมถึงการขยายสาขาตามห้างเปิดใหม่ สัดส่วนยอดขายมาจากหน้าร้าน 80% และออนไลน์ 20%




ประเด็นหลัก


ปัจจุบัน เจ.ไอ.บี.มีสาขาทั้งหมด 140 แห่ง โดยเป็นการเปิดเพิ่มในปีนี้ 12 แห่ง หลังจากปิดไป 25 แห่งในปีก่อนหน้านั้น เนื่องจากในบางพื้นที่มีหลายสาขามากเกินไป เช่น พันธุ์ทิพย์พลาซาประตูน้ำ มี 5 แห่ง เหลือ 1 แห่ง เป็นต้น อย่างไรก็ตาม สาขาที่เซียร์รังสิตยังคงมีมากกว่า 10 แห่ง เพราะเป็นจุดขายหลักสำหรับลูกค้าต่างจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ขณะที่รายได้ปีนี้ เดิมตั้งเป้าไว้ที่ 6,400 ล้านบาท แต่จากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังไม่กลับมาทำให้คาดว่าจะทำได้เพียง 6,000 ล้านบาท มาจากการจำหน่ายชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์สั่งประกอบ (ดีไอวาย) 70%, โน้ตบุ๊ก 20% ส่วนที่เหลือเป็นสมาร์ทดีไวซ์และสินค้าอื่น ๆ

โดยยอดขายกว่า 90% เป็นการขายผ่านร้านค้าปลีก และ 10% จากออนไลน์ ส่วนในปี 2558 ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 7,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากธุรกิจค้าส่งเป็นหลักรวมถึงการขยายสาขาตามห้างเปิดใหม่ สัดส่วนยอดขายมาจากหน้าร้าน 80% และออนไลน์ 20%




_____________________________________________________
















เจ.ไอ.บีปรับกระบวนรบธุรกิจไอที เพิ่มทีมออนไลน์รุกค้าส่งขยายฐานลูกค้าพรีเมี่ยม


ยักษ์ค้าปลีกไอที "เจ.ไอ.บี." ปรับแผนสู้ศึกปีหน้าขยับลุยธุรกิจค้าส่งเต็มตัวเพิ่มทีมงาน-อัพเกรดระบบหลังบ้านดึงออนไลน์เสริมทัพครบวงจร พร้อมผุดช็อปแนวใหม่ "MINE" ปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้ทันสมัยเจาะลูกค้าไฮเอนด์ และเตรียมเปิดแฟรนไชส์อินเทอร์เน็ตคาเฟ่เพิ่มโอกาสธุรกิจ ทำใจรายได้ปีนี้ต่ำเป้าได้แค่ 6,000 ล้าน แต่ปีหน้าตั้งเป้า 7,500 ล้านบาท

นายสมยศ เชาวลิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ.ไอ.บี. คอมพิวเตอร์ กรุ๊ป จำกัด เจ้าของร้านค้าปลีกสินค้าไอที "เจ.ไอ.บี." เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ภาพรวมตลาดคอมพิวเตอร์ยังไม่กลับมาหลังจากกำลังซื้อชะลอตัวตั้งแต่ปลายปีก่อน ผู้ประกอบการทุกรายต้องปรับตัวเช่น เปลี่ยนไปจำหน่ายโทรศัพท์มือถือหรือสินค้าอื่นเพิ่ม ขณะที่ร้านค้าปลีกขนาดเล็กทยอยปิดตัวไปบ้าง เห็นได้จากร้านค้าในตึกคอมพ์ที่ลดลง

ขณะที่บริษัทเลือกใช้โอกาสที่คู่แข่งไปจำหน่ายสินค้าอื่นหันมาเน้นการจำหน่ายคอมพิวเตอร์สั่งประกอบ (ดีไอวาย) ที่มีระดับราคา 2-3 หมื่นบาท เนื่องจากกระแสอีสปอร์ตในไทยที่กำลังเติบโตจากการปลุกตลาดของผู้ให้บริการเกมออนไลน์ ประกอบกับร้านอินเทอร์เน็ตต้องปรับเป็นร้านเกมใช้คอมพิวเตอร์สเป็กสูง จึงเป็นโอกาสใช้เชี่ยวชาญที่มีอยู่สร้างรายได้

"ในปี 2558 จะกลับมาบุกธุรกิจค้าส่งอีกครั้งจากที่เคยทำเมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว แต่ไม่จริงจังนัก แต่จากนี้จะวางระบบเพื่อรุกค้าส่งเต็มรูปแบบ ทั้งหมดจะทำบนระบบออนไลน์ กลุ่มค้าส่งจะมีรหัสสมาชิกและราคาพิเศษในกรณีสั่งซื้อจำนวนมาก ตั้งแต่ 20-50 เครื่องเป็นต้นไป ถ้าซื้อเครื่องกับเรามีประกันจาก เจ.ไอ.บี. ไม่เหมือนร้านสั่งประกอบทั่วไป"

โดยใช้ทีมการตลาดออนไลน์ที่มีอยู่แล้วราว 20 คนมาดูแล และจะจ้างใหม่อีกไม่เกิน 10 คน นอกจากนี้ ยังมีแผนจะเปิดร้านอินเทอร์เน็ตในรูปแบบแฟรนไชส์ ภายใต้แบรนด์ "เจ.ไอ.บี." ด้วย แม้ว่าการแข่งขันจะค่อนข้างสูง แต่บริษัทมีจุดแข็งหลายด้านที่ทำได้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียดต่าง ๆ ให้เสร็จภายในสิ้นปีนี้ก่อนที่จะเปิดตัวในปีหน้า

และเพื่อตอกย้ำการเป็นร้านจำหน่ายคอมพิวเตอร์สั่งประกอบสำหรับกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงบน รวมถึงปรับภาพลักษณ์ของบริษัทให้ทันสมัย และเข้าถึงไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่มากขึ้น เมื่อต้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ได้เปิดตัวร้านโฉมใหม่ภายใต้แบรนด์ใหม่ Mine ที่เซ็นทรัลพระราม 2 ที่จะตกแต่งร้านต่างไปจาก เจ.ไอ.บี เดิม โดย MINE เน้นดีไซน์ตั้งแต่รูปแบบร้านไปจนถึงการเลือกอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่จะนำมา โชว์จะเน้นระดับไฮเอนด์ทั้งเดสก์ทอป, โน้ตบุ๊ก และในปีหน้าวางแผนเปิดเพิ่มอีก 2 แห่ง ที่เซ็นทรัลพระราม 9 และเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า เพราะที่ผ่านมาได้รับผลตอบรับที่ค่อนข้างดีจากผู้บริโภค

"ผลตอบรับดีทำให้เราวางแผนเปิดสาขาเพิ่มอีก 2 แห่ง โดยคงคอนเซ็ปต์เดิมเพื่อเพิ่มความชัดเจนในความเป็นผู้นำสินค้าดีไอวาย และเตรียมเปลี่ยนโลโก้บริษัท และจัดวางสินค้าในร้านให้ทันสมัยขึ้น เน้นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์เป็นหลักรองลงมาเป็นโน้ตบุ๊ก และเดสก์ทอปออลอินวัน ส่วนสมาร์ทดีไวซ์จะเลือกเฉพาะสาขาที่คนพลุกพล่าน มีสัดส่วนประมาณ 10% ของพื้นที่ร้านเมื่อเทียบกับสินค้าอื่น"

ปัจจุบัน เจ.ไอ.บี.มีสาขาทั้งหมด 140 แห่ง โดยเป็นการเปิดเพิ่มในปีนี้ 12 แห่ง หลังจากปิดไป 25 แห่งในปีก่อนหน้านั้น เนื่องจากในบางพื้นที่มีหลายสาขามากเกินไป เช่น พันธุ์ทิพย์พลาซาประตูน้ำ มี 5 แห่ง เหลือ 1 แห่ง เป็นต้น อย่างไรก็ตาม สาขาที่เซียร์รังสิตยังคงมีมากกว่า 10 แห่ง เพราะเป็นจุดขายหลักสำหรับลูกค้าต่างจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ขณะที่รายได้ปีนี้ เดิมตั้งเป้าไว้ที่ 6,400 ล้านบาท แต่จากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังไม่กลับมาทำให้คาดว่าจะทำได้เพียง 6,000 ล้านบาท มาจากการจำหน่ายชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์สั่งประกอบ (ดีไอวาย) 70%, โน้ตบุ๊ก 20% ส่วนที่เหลือเป็นสมาร์ทดีไวซ์และสินค้าอื่น ๆ

โดยยอดขายกว่า 90% เป็นการขายผ่านร้านค้าปลีก และ 10% จากออนไลน์ ส่วนในปี 2558 ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 7,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากธุรกิจค้าส่งเป็นหลักรวมถึงการขยายสาขาตามห้างเปิดใหม่ สัดส่วนยอดขายมาจากหน้าร้าน 80% และออนไลน์ 20%


http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1419532757

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.